“ซูเปอร์โพล” เผย 15 ล้านคนจะไม่ไปเลือกตั้ง เผยผลสำรวจ “เพื่อไทย” ยังครองอีสาน ภท.กวดอยู่ข้างหลัง “ธนกร” คาใจโพลสวิงผิดปกติ เหมือนมีไอโอ หลายพรรคแห่รุมค้านตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย “ปิยบุตร” แขวะ พท.โหมโหวตเชิงยุทธศาสตร์ ถามต้องเลือกพรรคเดียวหรือไงถึงเป็นประชาธิปไตย
เมื่อวันที่ 5 พ.ค. สํานักวิจัยซูเปอร์โพลเปิดเผยผลการศึกษาต่อเนื่อง เรื่อง โพลเลือกตั้ง ส.ส. ครั้งที่ 7 : ข้อมูลพื้นฐานการปกครองท้องที่ (ภูมิภาค) กรณีศึกษาประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศอายุ 18 ปีขึ้นไปใน 400 เขตเลือกตั้ง และผลการประมาณการจํานวน 100 ที่นั่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อของแต่ละพรรคการเมืองผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 53,094,778 คน ทั่วประเทศรวบรวมข้อมูลจากฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร กรมการปกครอง ดําเนินการระหว่างวันที่ 1-5 พ.ค.
ผลการศึกษาเมื่อพิจารณาความตั้งใจจะไปเลือกตั้งของประชาชน พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 75.3 หรือประมาณการ จํานวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งรวมทั้งสิ้น 37,431,819 คน จะไปเลือกตั้ง ในขณะที่ร้อยละ 24.7 หรือ ประมาณการจํานวนผู้มีสิทธิเลือกต้ังรวมทั้งสิ้น 15,662,959 คน จะไม่ไปเลือกตั้ง ที่น่าสนใจคือ ผลการศึกษาความเป็นไปได้ของจํานวนที่นั่ง ส.ส. เขตเลือกต้ังจํานวน 400 ที่นั่ง จําแนกตามข้อมูลพื้นฐานการปกครองท้องที่ที่เป็นกลุ่มจังหวัดในแต่ละภูมิภาค พบอย่างชัดเจนว่า พรรคเพื่อไทย (พท.) ยังคงครองภาคอีสานและภาคเหนือ โดยภาคอีสานได้จํานวน ส.ส.เขต ทั้งสิ้น 57 ที่นั่ง และภาคเหนือ 24 ที่นั่ง รวมจํานวนทั้งสิ้น 111 ที่นั่ง
ขณะที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) กระจายไปตามภาคต่างๆ ดังนี้ ภาคอีสาน ได้ 36 ที่นั่ง, ภาคกลาง 26 ที่นั่ง, ภาคตะวันตกและภาคใต้ ได้ภาคละ 10 ที่นั่ง, ภาคตะวันออก ได้ 6 ที่นั่ง, ภาคเหนือ ได้ 5 ที่นั่ง และ กทม. ได้ 3 ที่นั่ง รวมทั้งสิ้น 96 ที่นั่ง และพรรคก้าวไกลกระจายไปตามภาคต่างๆ ดังนี้ ภาคอีสาน ได้ 23 ที่นั่ง, กทม. ได้ 10 ที่นั่ง, ภาคกลาง ได้ 5 ที่นั่ง และภาคตะวันออก ได้ 2 ที่นั่ง รวมทั้งสิ้น 40 ที่นั่ง
เมื่อนําผลการประมาณการจํานวนที่นั่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ร่วมกับจํานวนที่นั่งของ ส.ส.เขตเลือกตั้ง พบว่า พท.ได้จํานวน 139 ที่นั่ง จํานวนต่ำสุด 114 ที่นั่ง และจํานวนสูงสุด 164 ที่นั่ง รองลงมา คือ ภท. ได้จํานวน 112 ที่นั่ง จํานวนต่ำสุด 87 ที่นั่ง และจํานวนสูงสุด 137 ที่นั่ง อันดับ 3 พรรคก้าวไกล ได้จํานวน 63 ที่นั่ง จํานวนต่ำสุด 38 ที่นั่ง และจํานวนสูงสุด 88 ที่นั่ง, อันดับ 4 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้จํานวน 61 ที่นั่ง จํานวนต่ำสุด 36 ที่นั่ง และจํานวนสูงสุด 86 ที่นั่ง
อันดับ 5 พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้จํานวน 49 ที่นั่ง จํานวนต่ำสุด 24 ที่นั่ง และจํานวนสูงสุด 74 ที่นั่ง, อันดับ 6 พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้จํานวน 46 ที่นั่ง จํานวนต่ำสุด 21 ที่นั่ง และจํานวนสูงสุด 71 ที่นั่ง, อันดับ 7 พรรคอื่นๆ ได้จํานวน 30 ที่นั่ง จํานวนต่ำสุด 5 ที่นั่ง และจํานวนสูงสุด 55 ที่นั่ง
นายเกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ ประธานสถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา กล่าวว่า วันนี้กระแสพรรคก้าวไกล ที่มาแรงขึ้นมาใน 2 สัปดาห์สุดท้าย เป็นการบอกชัดเจนว่ากระแสมีความสำคัญ ดังนั้น ถ้าฝ่ายอนุรักษนิยมไม่มีการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การเมืองเพื่อดึงคะแนนช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนเลือกตั้ง 14 พ.ค. มีโอกาสที่ขั้วอนุรักษนิยมแพ้สูง คือ ขั้วรัฐบาลปัจจุบัน ส่วนโอกาสที่ พท.แลนด์สไลด์เป็นไปไม่ได้ สำหรับการจัดตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้งถ้ากระแสยังเป็นแบบนี้ ฝ่ายเสรีประชาธิปไตย นำโดย พท.เป็นแกนนำตั้งรัฐบาล โดยมีพรรคก้าวไกล พรรคประชาชาติเข้าร่วม แต่เชื่อว่าสูตรนี้จะมีโอกาสทำให้พรรคก้าวไกลขี่คอ พท. เลือกกระทรวงสำคัญแน่นอน ดังนั้น ให้จับตาสัปดาห์สุดท้ายพรรคการเมืองต่างๆ จะปล่อยกระสุนและคีย์แมสเสจออกมาถูกต้อง ทำให้มีผลต่อกระแสการเมืองเปลี่ยนแปลงแค่ไหน
คาใจโพลสวิงผิดปกติ
นายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรค รทสช. กล่าวว่า วันนี้โพลต่างๆ ออกมามากมาย ซึ่งมีโพลที่ทำให้พรรคการเมืองบางพรรคมีกระแสความนิยมสูง เชื่อว่าผลโพลเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราต้องมีการปรับกลยุทธ์ในช่วงโค้งสุดท้าย แต่ตนเชื่อในการลงพื้นที่ต่างๆ ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างมาก เช่น ในพื้นที่ภาคใต้ที่เราขึ้นรถแห่ไป 10 บ้าน จะมี 9 บ้านที่ออกมาเชียร์ ส่วนใหญ่เป็นคนอายุ 40 ปีขึ้นไป
นายธนกรกล่าวว่า วันนี้อยากให้พี่น้องคนไทยที่มีความรักชาติ รักประเทศ แสดงพลังออกมา ช่วยสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ต่อไป เชื่อว่าหากสถานการณ์การเมืองเป็นแบบผลโพลที่ออกมา บ้านเมืองจะไปต่อได้ยาก และถ้ามีบางพรรคการเมืองเป็นรัฐบาลจะมีการเปลี่ยนแปลงมากมาย โดยเฉพาะโครงสร้างในการบริหารประเทศ เป็นเรื่องที่น่าอันตรายมาก
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในเวลาที่เหลือ ยังพอมีวิธีที่จะทำให้ รทสช.ตีตื้นคะแนนขึ้นมาได้หรือไม่ นายธนกรตอบว่า ถ้าเราลงพื้นที่จะรู้ว่าคะแนนดีขึ้นเรื่อยๆ ตนไม่เข้าใจผลโพลว่ามีไอโอหรือไม่ หรือมีอะไรอย่างที่เป็นข่าว โดยเฉพาะในโซเชียลมีเดียที่มีการสวิงอย่างผิดปกติ สิ่งที่เราลงพื้นที่เราสัมผัสได้ในความรักของพี่น้องประชาชน อยากให้คนไทยแสดงพลังฝ่าผลโพลไปให้ได้ ทั้งนี้ ในโค้งสุดท้ายได้คุยกับหัวหน้าพรรค รทสช.ว่าจะมีการปรับยุทธศาสตร์ในการเลือกตั้งบ้าง จะมีการปราศรัยในพื้นที่ภาคใต้และ กทม. โค้งสุดท้ายเชื่อว่าเรายังมีโอกาสอยู่
เมื่อวันศุกร์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค ปชป. กล่าวถึงความเห็นของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับการตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยว่า ความเห็นของนายวิษณุน่าจะเป็นในทางทฤษฎีมากกว่า แต่ในทางปฏิบัติจริงหลังการเลือกตั้ง พรรคการเมืองต่างๆ คงพยายามรวบรวมเสียง ส.ส.ให้ได้เสียงข้างมากคือ มากกว่า 250 เสียง เพื่อจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก ส่วนพรรคที่เหลือต้องไปทำหน้าที่ฝ่ายค้าน เพราะเป็นเสียงข้างน้อยในสภาผู้แทนราษฎร
รองหัวหน้าพรรค ปชป.ระบุว่า ถ้าพรรคเสียงข้างน้อยในสภาพยายามจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย โดยหวังให้ ส.ว. ช่วยออกเสียงให้เสียงข้างน้อยได้เป็นนายกฯ จัดตั้งรัฐบาลได้ แต่อาจจะทำหน้าที่รัฐบาลได้ไม่นาน เพราะเมื่อมีการลงมติกฎหมายงบประมาณ หรือการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐบาลจะแพ้โหวตในสภา ทำให้ไม่สามารถเป็นรัฐบาลต่อไปได้
"พรรคการเมืองที่พยายามจะตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยควรคำนึงถึงความชอบธรรมทางการเมือง และกระแสสังคมที่อาจไม่ยอมรับการกระทำของพรรคการเมืองที่ฝืนความรู้สึกของสังคมจนอาจก่อให้เกิดปัญหาทางการเมืองขึ้นมาได้ เพราะฉะนั้นการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยจึงเป็นเรื่องที่น่าจะเกิดขึ้นได้ยาก หลังการเลือกตั้งทั่วไปที่กำลังเกิดขึ้นเร็วๆ นี้" นายองอาจกล่าว
นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า (ชพก.) กล่าวว่า มีจุดยืนชัดเจนว่าเราไม่พร้อมร่วมกับรัฐบาลเสียงข้างน้อยที่ต้องอาศัยเสียง ส.ว.มาเลือกนายกฯ เราถูกปรามาสเสมอว่าเราพร้อมเสียบ ต้องบอกว่าถ้าเป็นพรรครอเสียบต้องสงวนปากสงวนคำอยู่นิ่งๆ ไม่พูดเรื่องใหญ่ ไม่ท้าทายใคร แต่เราสู้กับทุนใหญ่ ทุนผูกขาดมาอย่างต่อเนื่อง ทั้ง ค่าน้ำมัน ค่าไฟ ที่ส่งผลกระทบต่อปัญหาค่าครองชีพของประชาชน มันสวนทางกับพรรครอเสียบ แต่เป็นพรรคที่พร้อมสู้เพื่อความถูกต้องทวงความเป็นธรรมคืนให้พี่น้องประชาชน
นายปิยบุตร แสงกนกกุล ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล กล่าวว่า เหลืออีก 10 วันก่อนหย่อนบัตร แต่ละพรรคมีกลยุทธ์มาแข่งขันกัน เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาได้ยินนายวิษณุพูดว่า โดยทั่วไปจะไม่มีรัฐบาลเสียงข้างน้อย แต่ถ้าถึงเวลาจำเป็นอาจจะมีได้ และอีกสักพักจากรัฐบาลเสียงข้างน้อยจะค่อยๆ กลายเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากเอง
“นี่มันอะไรกัน พอใกล้หย่อนบัตรก็ส่งสัญญาณกันแล้วหรือ ตกลงว่าจะฝืนมติเสียงสวรรค์ของประชาชนไปตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย เอา ส.ว.มาหนุนใช่ไหม ถ้าอยากทำก็ลองดู เดี๋ยวจะรู้ว่านรกมีจริง รอบนี้ไม่มีใครยอมแล้ว 4 ปีที่แล้วก็ทำแบบนี้ รอบนี้พอกันที เราจะไม่ให้ ส.ว. 250 คนทำงานอีกต่อไป เราจะตั้งรัฐบาลก้าวไกล รัฐบาลเสียงข้างมากถล่มทลาย” นายปิยบุตรกล่าว
ก้าวไกลเดินหน้าชน พท.
นายปิยบุตรยังกล่าวด้วยว่า พอนายวิษณุพูดแบบนี้ บางพรรคการเมืองเกิดตระหนกขึ้นมาออกมารณรงค์ผ่านแคมเปญโหวตยุทธศาสตร์ แคมเปญคะแนนตกน้ำ ด้วยการบอกว่าถ้าพรรคฝ่ายค้านเดิมหรือพรรคที่แสดงจุดยืนต่อต้านรัฐประหาร มาแข่งกันเองมากๆ ตาอยู่จะคว้าพุงปลาไปกิน เราจะแพ้กันหมด สาธยายเต็มไปหมดเพื่อนำไปสู่บทสรุปว่าต้องโหวตยุทธศาสตร์ อย่าให้คะแนนตกน้ำ โดยโหวตพรรคเขาพรรคเดียว ตนอ่านแล้วรู้สึกคุ้นๆ 4 ปีที่แล้วก็เจอแบบนี้ สงสัยว่าเลือกตั้ง 2570 จะทำแบบนี้อีกหรือไม่ สรุปว่าต่อไปนี้ประเทศนี้จะเป็นประชาธิปไตยได้ต้องเลือกพรรคคุณแค่พรรคเดียวอย่างนั้นหรือ
นายสุระ เตชะทัต เลขาธิการพรรคพลังบูรพา กล่าวถึงเรื่องเดียวกันว่า การจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย แม้ในอดีตจะเคยมี แต่ปัจจุบันไม่ควรมีอีกแล้ว เพราะถือเป็นการบิดเบือนเจตนารมณ์ของประชาชนที่มอบฉันทามติให้พรรคที่ได้รับเสียงมากสุดเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล หากประชาชนเลือกพรรคการเมืองใดเข้ามามากสุด ตามมารยาทควรให้พรรคนั้นได้มีสิทธิ์จัดตั้งรัฐบาลก่อน แม้อีกฝ่ายอาจจะอ้างว่ามีเสียงสนับสนุนจาก ส.ว.ในขั้นตอนโหวตนายกฯ ตนไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้น ดูแล้วจะกระทบหลายอย่าง ส่งผลไปถึงการทำงานของรัฐบาลที่ไม่เข้มแข็ง ขาดความน่าเชื่อถือ ขาดความเชื่อมั่น การที่มี ส.ว. 250 เสียง ร่วมโหวตนายกฯ ได้เป็นสิ่งไม่เหมาะสมอยู่แล้ว ถ้ายิ่งจะมาโหวตให้กับรัฐบาลเสียงข้างน้อยอีก ยิ่งจะน่าเกลียดไปใหญ่
นายสุระกล่าวอีกว่า ก่อนหน้า พล.อ.ประยุทธ์เน้นย้ำอยู่เสมอ เข้ามาทำงานเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้ง ไม่อยากเห็นประเทศไม่สงบ เกิดความวุ่นวายในหมู่ประชาชน หากชิงจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย โดยอาศัยเสียง ส.ว.ไปสนับสนุน ตนหวั่นเกรงอย่างยิ่งว่าอาจจะทำให้ประชาชนบางส่วนไม่พอใจ เนื่องจากขัดเจตนารมณ์เสียงส่วนมาก อาจลุกฮือออกมา อาจลุกลามบานปลายไปสู่ความขัดแย้ง เชื่อว่าคงเป็นภาพที่ทุกคนคงไม่อยากให้เกิดขึ้น
นายสุขุม นวลสกุล อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ แสดงความเห็นเรื่องดังกล่าวว่า ดูตามกฎหมายนั้นมีความเป็นไปได้ แต่ในความเป็นจริงนั้นเป็นไปได้ยาก และสุดท้ายจะฝืนมติมหาชนไม่ได้ ถ้า พล.อ.ประยุทธ์หรือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. ไม่ได้อันดับหนึ่งในอีกฝ่ายก็หมดแล้ว เพราะในฐานะผู้นำเก่าอย่างน้อยที่สุด ต้องเป็นอันดับหนึ่งในฝ่ายตัวเอง
เมื่อถามว่า การโหวตเลือกนายกฯ หรือ ส.ว. ควรจะโหวตตามกระแสสังคม หรือจะโหวตเลือกเหมือนที่ผ่านมา นายสุขุมตอบว่า ก็ทำได้ทั้งนั้น แม้กระทั่งบางคน เป็นแบบนี้ก็ยังยืนกรานจะเลือกฝ่ายที่ตั้งเขามา เป็นพฤติกรรมของ ส.ว. ที่เคยมีมา บางครั้งหลับหูหลับตาไม่รู้ เอาพวกเดียวกันไว้ก่อน
นายบุญเลิศ คชายุทธเดช อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) 2540 โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊ก บุญเลิศ คชายุทธเดช หัวข้อ เป็นไปไม่ได้..รัฐบาลเสียงข้างน้อย โดยมีเนื้อหาตอนหนึ่งว่า ก่อนจะได้ตัวนายกฯ สภาผู้แทนราษฎรจะประชุมเพื่อเลือกประธานและรองประธานสภาฯ คนที่ 1 และคนที่ 2 ซึ่งแต่ละพรรคที่มี ส.ส.ในสภาจะจับขั้่วและจับมือกันเพื่อเลือกประธานสภาฯ ซึ่งพรรคการเมืองที่มี ส.ส.มากที่สุดจะได้เก้าอี้ประธานสภาฯ จากนั้นตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ื 1 และ 2 จะตกเป็นของพรรคที่ีมีจำนวน ส.ส.รองลงมา
นายบุญเลิศระบุว่า เป็นไปไม่ได้ที่ประธานสภาฯ และรองสองคนจะได้คะแนนข้างน้อยของที่ประชุมสภาฯ แน่นอนว่าเสียง ส.ส.จะต้องเกิน 250 ซึ่งเป็นกึ่งหนึ่งของ ส.ส.ในสภา หากรวมกันได้เกิน 300 เสียง ก็ถือว่าเกินครึ่งมามาก ในระหว่างที่จับขั้วกันนี้ก็จะเจรจาเรื่องการจับมือกันตั้งรัฐบาลผสมและสนับสนุนใครเป็นนายกฯ ซึ่งก็จะแบ่งเป็น 2 ขั้ว ช่วงเวลานั้นพรรคขั้วรัฐบาลก็จะหา ส.ว.อีกจำนวนหนึ่งมาเติมเต็มให้ได้เสียงรวมกันไม่น้อยกว่า 376 เสียง
เมื่อรูปการณ์เป็นดังนี้ รัฐบาลซึ่งเป็นฝ่ายบริหารจะประกอบไปด้วยพรรคการเมืองต่างๆ ที่มีเสียง ส.ส.ข้างมากในสภา สอดรับการฝ่ายนิติบัญญัติที่ตำแหน่งสูงสุดคือประธานสภาฯ และรองประธานสภาฯ ที่เป็นพรรคในฝ่ายเดียวกัน ซึ่งมีเสียง ส.ส.ข้างมาก ไม่ใช่ประธานสภาฯมีเสียงข้างน้อย เป็นคนละฝ่ายกับรัฐบาล ซึ่งเป็นไปไม่ได้ การเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยจึงเป็นเรื่องที่คิดกันแบบง่ายๆ ไม่เข้าใจกระบวนการทางสภา.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แฉระบบเด็กฝาก ทำลายองค์กรตร. ดับฝัน‘ดาวฤกษ์’
เช็ก 41 รายชื่อแต่งตั้งนายพลสีกากี ระดับรอง ผบ.ตร.-ผบช.
ยธ.เมินแจงกมธ. ปมนักโทษเทวดา รพ.ตำรวจชั้น14
ชั้น 14 น่าพิศวง "โรม" กวักมือเรียก “ทักษิณ” ไปสภา เข้าแจง กมธ.มั่นคงฯ
แจกเฟส2เอื้อเลือกอบจ. เตือนร้องถอดถอนครม.
นายกฯ โชว์วิชั่น Forbes ยันไทยสงบ สันติ หวังแม้รัฐบาลเปลี่ยน
ฟ้อง9บิ๊กมท.ทุจริตที่เขากระโดง
เรื่องถึงศาล "ณฐพร" ฟ้องกราวรูด "บิ๊ก ขรก.มหาดไทย"
ลุ้นศาลรับคดีล้มล้าง ตุลาการถก6ประเด็น‘ทักษิณ-พท.’/ดันแก้ประชามติไม่รอ180วัน
"ทักษิณ-พท." ระทึก! 9 ตุลาการศาล รธน.ยืนยันนัดประชุมวาระพิเศษ 22 พ.ย.นี้
สั่งประหารชีวิต ‘แอม ไซยาไนด์’ คุกผัวเก่า-ทนาย
ศาลพิพากษาประหารชีวิต "แอม ไซยาไนด์" วางยาฆ่าก้อย พร้อมชดใช้ 2.3 ล้าน