ลุงตู่ยันแข็งแรงจ่อลุย3จว.ใต

"บิ๊กตู่" โอดแค่อ้อนสื่อกลายเป็นหาว่าเหนื่อย ยันยังแข็งแรงไม่แก่ "รทสช." วางคิวให้ล่องใต้หาเสียง 3 จว.ใน 2 วัน "เอกนัฏ" บอกเปิดใจแล้วจะรักลุงตู่ "เจ๋ง" มั่นใจ "เหนือ-อีสาน" กระแส "ประยุทธ์" ไม่แผ่ว "เศรษฐา" ควง "โอ๊ค" เดินตลาดเช้าทุ่งสง ชี้ "พท." ปรับแผนรุกโซเชียลไม่เกี่ยวพรรคก้าวไกล "พิธา" ประกาศโรดแมป "รัฐบาลก้าวไกล"  เตรียมรื้องบ 250,000 ล้าน แก้ กม. 45 ฉบับทันที "ปชป." ชูนโยบายเกษตรทันสมัยเพิ่มรายได้ 100%

เมื่อวันที่ 27 เม.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงการลงพื้นที่หาเสียงเมื่อวันที่ 26 เม.ย.ที่ผ่านมาว่า จริงๆ แล้วเมื่อวันที่ 26 เม.ย.ที่ผ่านมา ตนอารมณ์ดีกับสื่อ และสื่อได้ถามว่าทำไมตนผอมลง ก็เลยอ้อนไปสักหน่อย เลยกลายเป็นเรื่องใหญ่โตว่านายกฯ เหนื่อย นายกฯ ท้อแท้

 “ผมไม่มีท้อแท้ ผมแข็งแรงเหมือนเดิม อ้อนไปก็ไม่ได้ เป็นเรื่อง ดุเดือดเกินไปก็เป็นราว สรุปเป็นทั้งสองเรื่องแหละ  ไม่รู้จะทำยังไง แต่ผมแข็งแรง ยังไม่แก่เอาอย่างนี้แล้วกัน พูดอย่างนี้อย่าหาว่าโม้อีกก็แล้วกัน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอย่างอารมณ์ดี

มีรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค มีกำหนดการลงพื้นที่หาเสียงจังหวัดตรัง พัทลุง และสงขลา ในวันที่ 29-30 เม.ย. โดยวันที่ 29 เม.ย. เวลา 09.20 น. เดินทางถึงจังหวัดตรัง และขึ้นรถแห่บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอกันตัง เพื่อหาเสียงรอบเทศบาลเมืองกันตัง และปราศรัยในเวลา 10.20 น. ที่บริเวณลานเฉลิมพระเกียรติ หน้าธนาคารกรุงไทย แล้วเดินทางไปยังวัดกะพังสุรินทร์ พระอารามหลวง เพื่อกราบสักการะพระสมเด็จวัดกะพังสุรินทร์ ก่อนขึ้นรถแห่รอบเทศบาลเมืองตรัง และปราศรัยที่ศูนย์ประสานงานพรรค รทสช. จังหวัดตรัง

ช่วงบ่าย เดินทางไปยังอำเภอนาโยง  เพื่อปราศรัยย่อยที่หน้าสำนักงานเทศบาลนาโยง เวลา 15.00 น. เดินทางถึงวัดเขาอ้อ อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง เพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และพบปะประชาชนที่มารอให้การต้อนรับ  จากนั้นขึ้นรถแห่ไปยังตลาดควนขนุน และขึ้นเวทีปราศรัยในเวลา 18.00 น. ที่โดมอเนกประสงค์ โรงเรียนพัทลุง ซึ่งหลังปราศรัยเสร็จ พล.อ.ประยุทธ์จะเดินทางไปจังหวัดสงขลา เพื่อพักค้างคืนที่โรงแรมลากูน่า แกรนด์ โฮเทล แอนด์ สปา อำเภอเมืองสงขลา ซึ่งถือเป็นการลงพื้นที่แบบนอนพักค้างคืนครั้งแรกของพล.อ.ประยุทธ์

จากนั้น วันที่ 30 เม.ย. จะออกเดินทางด้วยขบวนรถแห่จากที่พัก ไปวัดน้ำกระจาย พบปะประชาชน ก่อนเดินทางไปตลาดทรัพย์สินฯ และตลาดนัดวันอาทิตย์ ย่านเทศบาลสงขลา เพื่อพบปะประชาชน และเวลา 11.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ขึ้นเวทีปราศรัยลานคนเมืองเทศบาลนครสงขลา ก่อนรับประทานอาหารกลางวันที่ร้านข้าวสตูเกียดฟั่ง เวลา 18.00 น. ขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ที่ดินแยกสะพานดำ อำเภอหาดใหญ่ และเดินทางกลับถึงกรุงเทพฯ

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค รทสช. กล่าวว่า คำถามที่หลายคนออกมาตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับ พล.อ.ประยุทธ์ คือการเดินหน้าสู่การเป็นนักการเมืองอย่างเต็มตัว คอยวิจารณ์กระแนะกระแหนว่าคนที่เป็นทหารมาตลอดชีวิต ไม่สามารถเข้าถึงประชาชนได้ แต่ทุกวันนี้การกระทำของ พล.อ.ประยุทธ์สามารถตอบคำถามทุกอย่าง ใครได้ติดตามการลงพื้นที่ช่วงนี้ จะยิ่งเห็นความเป็นกันเอง เป็นคนธรรมดาเหมือนคนทั่วไป เชื่อว่าหากใครยังตั้งคำถาม ขอแค่เปิดใจก็จะมองเห็นความตั้งใจจริงของ พล.อ.ประยุทธ์ ในการแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชน

"ฝ่ายตรงข้ามมักจะวิจารณ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐพลัส หรือบัตรลุงตู่พลัส โครงการนี้รัฐบาลดำเนินการมาแล้วเป็นระยะเวลานาน ตรงไปยังกลุ่มเปราะบางเพื่อทำให้เขาสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ การเพิ่มวงเงินสิทธิประโยชน์ที่เป็นไปตามการสำรวจความต้องการของประชาชนกลุ่มนี้ ก็จะยิ่งทำให้ชีวิตเขาดีขึ้น แตกต่างจากนโยบายของบางพรรคที่ประกาศจะให้เงินทุกคน โดยใช้งบประมาณจำนวนมหาศาลในคราวเดียว นโยบายเช่นนี้ไม่มีใครมั่นใจว่าจะทำได้จริง แม้ย้ำแล้วย้ำอีกว่าสามารถดำเนินการได้ แต่หากดูตัวเลขงบประมาณในปี 2567 ซึ่งกำหนดกรอบไว้แล้ว ก็จะเหลืออยู่เพียง 2 แสนล้านบาท ไม่เพียงพอต่อการดำเนินนโยบายที่ต้องใช้เม็ดเงินถึงมากกว่า 5 แสนล้านบาทอย่างแน่นอน" เลขาฯ พรรค รทสช.กล่าว

'เหนือ-อีสาน' ลุงตู่ไม่แผ่ว

นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก ผู้ช่วยหาเสียงพรรค รทสช. ยืนยันว่า จากการลงพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสานเพื่อปราศรัยช่วยผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค พบว่ากระแสเสียงของพรรคดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง คะแนนสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ไม่มีแผ่ว มีแต่เพิ่มขึ้นตลอด

"ล่าสุดหลัง พล.อ.ประยุทธ์และแกนนำพรรคยกทัพหลวงเดินทางมาปราศรัยหาเสียงที่ จ.อุตรดิตถ์เมื่อสัปดาห์ก่อน ปรากฏว่าความนิยมของพรรคดีขึ้นมาอีกมาก หลังจากประชาชนได้สัมผัสตัวตนที่แท้จริงของลุงตู่ เขาพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นคนจิตใจดี น่ารัก ภาพไม่เหมือนกับในโทรทัศน์ที่ดุดัน ใน จ.อุตรดิตถ์ค่อนข้างมั่นใจจะยกทีมจังหวัดทั้ง 3 เขตเลือกตั้ง" เจ๋ง ดอกจิก ระบุ

ส่วนนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรค รทสช. กล่าวถึง

นโยบายโครงการโคล้านครอบครัวว่า  ถือเป็นการต่อยอดจากการดำเนินการมาแล้วในรัฐบาล จากแนวคิดของตนในฐานะที่ตนกำกับดูแลกองทุนหมู่บ้าน  โดยโครงการดังกล่าวจะเป็นโอกาสให้คนในพื้นที่ รวมถึงลูกหลานคนไทย ไม่ต้องเป็นแต่แรงงานกินเงินเดือนอีกต่อไป เนื่องจากสามารถเลี้ยงโคที่บ้านเกิดได้ 

 “ที่ผ่านมา 300 ครอบครัวทำสำเร็จแล้ว และอีก 1,000 ครอบครัวที่กองทุนหมู่บ้านให้เงินยืมไปสำเร็จทั้ง 1,000 ครอบครัว ยกตัวอย่างมีหนึ่งตำบลในจังหวัดชัยนาท มีอยู่ประมาณ 2,000 ครอบครัว เลี้ยงโค 70% จากตำบลที่แห้งแล้งและยากจนที่สุด ภายใน 3 ปี กลายเป็นตำบลที่รวยที่สุด นี่คือสิ่งที่พิสูจน์แล้วว่าเราทำแล้ว และยังเป็นบทพิสูจน์ให้เห็นว่าลูกหลานไทยว่า จะกลับไปร่ำรวยที่บ้านเกิด นอกจากนี้ สัตว์เหล่านี้ยังสามารถนำไปค้ำประกันเงินกู้ได้อีก ตามที่นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ทีมเศรษฐกิจของพรรคได้เตรียมเอาไว้ นั้นคือโอกาสยิ่งใหญ่ของคนไทย และรากหญ้าที่จะเข้าถึงแหล่งทุนด้วย”นายอนุชากล่าว

ที่พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค ชทพ. กล่าวถึงกรณีผลโพลไม่มีพรรค ชทพ.ติดในลำดับต้นๆ ว่า ไม่กังวล และไม่ได้อยู่นอกเหนือความคาดหมาย ตนเพิ่งเป็นหัวหน้าพรรคได้ 6-7 เดือน ไม่สามารถสร้างปาฏิหาริย์ให้เกิดขึ้นข้ามคืน และขณะนี้ยิ่งเข้าใกล้วันเลือกตั้ง สองขั้วการเมืองจะเป็นแม่เหล็กที่แรงขึ้น คนรอเข้าไปหา ฉะนั้นจะทำให้พรรคเล็กสูญเสียคะแนนความนิยมหากดูจากโพล อย่างไรก็ดี ขอให้ดูในการเลือกตั้งครั้งหน้า ตนจะเป็นแม่เหล็กอีกขั้ว ให้รอดูว่าจะได้มากน้อยแค่ไหน

ส่วนที่ตลาดสดเทศบาลทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย (พท.) พร้อมด้วยนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี, นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ รองผู้อำนวยการศูนย์เลือกตั้งเพื่อไทย, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 6 หาเสียง บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก มีประชาชนมาขอถ่ายรูปด้วย

นอกจากนี้ ระหว่างเดินตลาดนายเศรษฐาได้แคะขนมครก โดยนายณัฐวุฒิแซวว่า แคะคะแนนละเอียดไม่ให้มีตกหล่นในหลุมเลย นายเศรษฐาตอบกลับว่า แคะทุกเม็ดไม่มีตกหล่นครับ รวมถึงมีคุณยายถามนายเศรษฐาว่า เบอร์อะไร ให้เขียนใส่มือให้ได้หรือไม่ นายเศรษฐาตอบกลับว่า เบอร์ 29 จากนั้นนายเศรษฐาและคณะแวะทานกวยจั๊บเครื่องในที่ร้านหมี่เกี๊ยวจันดี

รุกโซเชียลไม่เกี่ยวก้าวไกล

นายเศรษฐาให้สัมภาษณ์ถึงความมั่นใจจะสามารถปักธงในภาคใต้ได้หรือไม่ว่า ต้องให้เกียรติพี่น้องประชาชน ไม่อยากไปคาดหวังหรือคาดเดา วันนี้ทำให้ดีที่สุด ซึ่งที่ปราศรัยบนเวทีว่าหากครั้งนี้ไม่ได้ ครั้งต่อไปจะกลับมาอ้อนอีก ตนก็พูดแทนตัวตนเองและคณะ ว่าเราไม่ทอดทิ้งภาคใต้ สำหรับเส้นทางการเมืองในอนาคตนั้น วันนี้เอาแค่นี้ก่อน วันนี้ทำให้ดีที่สุดเท่าที่สามารถทำได้ ต้องฟังเสียงตอบรับของประชาชนว่าอนาคตจะอยู่ตรงไหน ประชาชนเป็นคนชี้ขาดให้

ถามว่า กังวลเรื่องการใช้อำนาจรัฐหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า มั่นใจว่าประชาชนจะช่วยดูแลการเลือกตั้งให้เป็นธรรมมากขึ้น หน้าที่ของตนคือเดินหน้าพบปะรับฟังปัญหาของประชาชนและหาทางแก้ไข ทำความตั้งใจจริงที่เรามีให้ประชาชน และหวังว่าวันที่ 14 พ.ค. จะได้คะแนนเยอะที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ซักว่ากระแสของพรรคก้าวไกลถือว่าน่ากลัวหรือไม่ เพราะเห็นพรรคมีการเปิดห้องติว ส.ส.ในการใช้ยุทธศาสตร์เน้นเรื่องออนไลน์มากขึ้น ซึ่งเป็นการรุกในกลุ่มฐานเสียงของพรรคก้าวไกล นายเศรษฐากล่าวว่า เชื่อว่าไม่ใช่ เพราะบางช่วงตนก็ได้เข้าไปฟังด้วย ไม่ใช่เป็นการแก้เกมพรรคก้าวไกล มีหลายวิธีที่เราสามารถนำมาแก้ไขได้ในช่วงโค้งสุดท้าย

"คงเป็นไปไม่ได้ที่พรรคก้าวไกลจะมาแย่งคะแนน ผมมั่นใจในสิ่งที่เราทำอยู่ เราตั้งใจที่จะนำสิ่งดีๆ ไปเสนอให้ประชาชน ฉะนั้นจึงมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยจะได้การตอบรับที่ดีจากประชาชน เชื่อว่ากระแสของเราก็แรง เราก็มีโพลของเรา ตรงนี้เรามั่นใจ เราเดินมาถูกทางแล้ว" นายเศรษฐากล่าว

ถามว่า การที่พรรคเดินสายเพื่อพูดคุยกับประชาชน กับการที่พรรคก้าวไกลเน้นยุทธศาสตร์การพูดในโซเชียลมากขึ้น จะทำให้เกิดความแตกต่างในการเข้าถึงประชาชนหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า คงคอมเมนต์วิธีการของพรรคอื่นไม่ได้ แต่ละพรรคก็มีวิธีการสื่อสารที่ต่างกัน ในโซเชียลของเราก็มี ออนไลน์หรือออฟไลน์ของเราก็มี พบปะประชาชนเราก็มี เรามีบุคลากรที่ทรงคุณค่าจำนวนมาก เรามั่นใจในสไตล์ของเราว่าสามารถนำไปสู่จุดนั้นได้

ด้านพรรคก้าวไกล นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงรายละเอียด "โรดแมปรัฐบาลก้าวไกล" ว่า พรรคได้วางกรอบเวลาในการขับเคลื่อนนโยบายหลักที่สามารถผลักดันได้ใน 100 วันแรก 1 ปีแรก และสมัยแรก สำหรับแผนงาน 100 วันแรกในการสร้างการเมืองดี ทราบว่ามีงบประเทศจำนวนกว่าหมื่นล้านบาท ซึ่งตนเองต้องการสร้างอุตสาหกรรมชิป, อุตสาหกรรมคาร์ไบด์ พร้อมกันนี้พรรคสามารถใช้อำนาจของฝ่ายบริหาร นับหนึ่งรัฐธรรมนูญใหม่ทันที ด้วยการเสนอทำประชามติภายใน 100 วันแรก ให้มี ส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้งโดยประชาชนทั้งหมด

นายพิธากล่าวว่า ในส่วนแผนงาน 1 ปีแรก พรรคเตรียมทำ 2 ส่วน คือการยื่นเสนอกฎหมายและรื้องบประมาณ 2567 โดยมีกฎหมายอยู่ในมือแล้ว 45 ฉบับที่พร้อมเสนอทันทีที่สภาเปิด เป็นกฎหมายการเมือง 11 ฉบับ, สิทธิเสรีภาพประชาชน 8 ฉบับ, ปฏิรูประบบราชการ 6 ฉบับ, ปฏิรูปที่ดิน 8 ฉบับ,  บริการสาธารณะ 8 ฉบับ, แรงงาน 2 ฉบับ, เศรษฐกิจ 4 ฉบับ และสิ่งแวดล้อม 2 ฉบับ อีกส่วนคืองบประมาณพรรคเตรียมรื้องบประมาณ 2567 ใหม่ ลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นในระบบราชการและเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษี ซึ่งจะทำให้ได้งบประมาณใหม่ 250,000 ล้านบาท ซึ่งงบประมาณส่วนนี้พรรคจะนำไปจัดสรรเป็นโครงการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกองทุนพิสูจน์สิทธิและปลดหนี้เกษตรกร ทำ boxset ของขวัญแรกเกิดเด็กทุกคนทันที คนละ 3,000 บาท เงินเลี้ยงดูเด็กเล็ก 1,200 บาทต่อเดือน รวมทั้งเริ่มการเพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงวัยและคนพิการปีแรกขยับจาก 600 บาท เป็น 1,200 บาท และจะขยับขึ้นต่อเนื่องเป็นขั้นบันไดให้ถึงคนละ 3,000 บาทต่อเดือนภายในปีที่ 4

 “นอกจากการจัดสรรงบประมาณแล้ว พรรคยังเตรียมทำ 3 บิ๊กแบงที่สร้างความหวังให้กับประเทศไทยได้ คือจัดให้มีประชามติเลือกตั้งผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด ผ่านกฎหมายยกเลิกเกณฑ์ทหาร เปลี่ยนเป็นระบบสมัครใจ และรื้อฟื้นคดีสลายการชุมนุมปี 2553” นายพิธากล่าว

ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ทีมเศรษฐกิจพรรค ปชป. นำโดย นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคและประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรค, ม.ร.ว.ศศิพฤนท์  จันทรทัต อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน), ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าฯ กทม. ผู้เชี่ยวชาญด้านคมนาคมขนส่งโครงสร้างพื้นฐาน และโครงการขนาดใหญ่ แถลงข่าววาระประเทศไทย ครั้งที่ 4 “ปชป.กับนโยบายเกษตรและนโยบายแก้หนี้ประชาชนและการพัฒนาระบบการเงิน”

นายอลงกรณ์กล่าวว่า พรรคมุ่งมั่นจะปฏิรูปภาคเกษตรเพื่อให้เกษตรกรเข้มแข็ง จึงมีนโยบายเกษตรทันสมัย 26 นโยบายสำคัญๆ เพื่อเป็นเครื่องมือในการยกระดับอัปเกรดภาคเกษตรสู่การบรรลุเป้าหมาย เช่น ต่อยอดประกันรายได้จ่ายส่วนต่าง เกษตรแปลงใหญ่ 3 ล้าน เติมทุนชาวนา 3 หมื่นต่อครัวเรือน องค์กรประมงท้องถิ่น 1 แสน ตอบแทน อาสาสมัครเกษตร 1 พันต่อเดือน ธนาคารหมู่บ้านชุมชน 2 ล้าน ปรับลดปลดหนี้พักหนี้เกษตรกร ปลดล็อก พ.ร.ก.ประมง

 “เราจะสานงานต่อเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร 100% ก้าวข้ามความยากจนก้าวพ้นหนี้สินด้วย 26 นโยบายเกษตรทันสมัย" นายอลงกรณ์กล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

30วันเลือกนายกปทุม

"พิเชษฐ์" แจ้งสภา 143 สส.สังกัดพรรคประชาชนแล้ว ด้าน "ณัฐวุฒิ" เผยใช้อักษรย่อ "ปชน."