ชาวอุบลฯเชียร์'สุดารัตน์'นั่งนายกฯ 'หน่อย'ลั่นดูแลคนอีสานให้หายจน

ชาวอุบลฯ ไม่เคยแผ่ว  คนเรือนหมื่นแห่เชียร์ "สุดารัตน์" นั่งนายกฯ ดูแลคนอีสาน บอกมั่นใจ "หญิงหน่อย" ตัวจริงพร้อมทำงาน ไม่ใช่นอมินีใคร ทำงานยากสำเร็จมาแล้ว ด้านเจ้าตัวประกาศเดินหน้าดูแลชาวอีสานให้หายจน หมดหนี้ มีรายได้ยั่งยืนภายใน 3 ปี พร้อมยกระดับราคาสินค้าเกษตร ข้าวหอมมะลิต้องไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นบาทต่อตัน ยางพาราต้องไม่ต่ำกว่า 60 บาทต่อกิโลกรัม

เมื่อวันที่ 27 เมษายน คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคไทยสร้างไทย หมายเลข 32 พร้อมด้วยนายสิทธิชัย โควสุรัตน์   ประธานคณะกรรมการอำนวยการเลือกตั้งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดอุบลราชธานี พรรคไทยสร้างไทย ลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี  โดยช่วงเช้าที่สนามบินมีพี่น้องประชาชนมารอรับแน่นขนัด ส่งเสียงเชียร์ โดยระบุว่า "นายกฯ หน่อย", "คุณหญิงสุดารัตน์  นายกฯ คนอีสาน" พร้อมมอบดอกไม้ให้กำลังใจ เข้ามาทักทายสวมกอด และถ่ายภาพเป็นที่ระลึกอย่างอบอุ่น

จากนั้นคุณหญิงสุดารัตน์ได้ขึ้นเวทีปราศรัย 3 เวที ที่อำเภอนาจะหลวย อ.บุณฑริก จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นเขตเลือกตั้งที่ 9 ของนางรำพูล ตันติวณิชชานนท์ เบอร์ 10 ทั้งสามเวทีคุณหญิงสุดารัตน์ได้รับการต้อนรับจากชาวอุบลราชธานีอย่างอบอุ่นมากเช่นกัน

โดยมีประชาชนแห่ฟังนโยบายแต่ละเวทีนับหมื่นคน พร้อมกับเสียงสะท้อนจากชาวอุบลฯ ที่มองว่า คุณหญิงสุดารัตน์เหมาะจะเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยในเวลานี้มากที่สุด เพราะเป็นคนมีความมุ่งมั่นตั้งใจทำงาน และมีประสบการณ์ทำงานยากๆ สำเร็จมาแล้ว ที่สำคัญ คุณหญิงสุดารัตน์ สามารถทำงานได้ทันที ไม่ใช่นอมินี จึงไม่ต้องรอฟังคำสั่งหรือคำสั่งการจาก ใครคนใดคนหนึ่ง

และชื่นชอบนโยบายของพรรคไทยสร้างไทย ที่มุ่งยุติความขัดแย้ง การเมืองสองขั้ว ซึ่งสร้างความทุกข์ยากแสนสาหัสให้ประชาชนมากว่า 17 ปี จนเกิดการรัฐประหารถึง 2 ครั้ง รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งจึงขาดเสถียรภาพ ไม่สามารถดูแลประชาชนได้อย่างต่อเนื่อง  โดยเฉพาะการดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจ และการดูแลคุณภาพชีวิตประชาชนให้เกิดความต่อเนื่อง ซึ่งในภาคอีสานมีปัญหาเรื่องราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำมาโดยตลอด รวมถึงที่จังหวัดอุบลราชธานีด้วย

คุณหญิงสุดารัตน์ขึ้นเวทีประกาศดูแลพี่น้องชาวอุบลฯ และพี่น้องคนอีสานให้หายจน หมดหนี้ มีรายได้ยั่งยืนภายใน 3 ปี พร้อมยกระดับราคาสินค้าเกษตร โดยจะรับซื้อและประกันราคาพืชเศรษฐกิจหลัก เช่น ข้าว มันสำปะหลัง ข้าวโพด อ้อย ยางพารา ปาล์มน้ำมัน โดยข้าวหอมมะลิ จะต้องไม่ต่ำกว่า 20,000 บาท/ตัน, ข้าวหอมจังหวัด 13,000 บาท/ตัน, ข้าวเหนียว 14,000 บาท/ตัน, ข้าวสารขาว 11,000 บาท/ตัน ส่วนราคาพืชผลอื่น มันสำปะหลัง 3 บาท/กก., ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 8 บาท/กก., ยางพารา 60 บาท/กก., ยางก้อนถ้วย 45 บาท/กก., ปาล์มน้ำมัน 5 บาท/กก., อ้อยโรงงาน 1,000 บาท/ตัน 

และจะมีการปรับโครงสร้างการผลิต บริหารจัดการพื้นที่เพาะปลูกพืชเกษตร (Zoning) โดยปรับระบบการใช้ที่ดินเพื่อผลิตสินค้าเกษตรให้สอดคล้องกับอุปสงค์-อุปทาน (Demand-Supply) เพื่อยกระดับราคา เพิ่มรายได้ให้เกษตรกร พร้อมพัฒนาแหล่งน้ำ ตั้งแต่ระดับหมู่บ้านจนถึงการกักเก็บน้ำตามลำน้ำ

ซึ่งจะมีโครงการขุดบ่อน้ำ 1 ล้านบ่อ  ขุดน้ำบาดาล 1 แสนบ่อ วางระบบผันน้ำ โขง-เลย-ชี-มูล แม่น้ำสายสำคัญอื่น และจาก สปป.ลาวมาเติมในยามที่ขาดน้ำ รวมทั้งพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคอย่างเพียงพอและมีคุณภาพทุกหมู่บ้าน

นอกจากนี้ ยังเห็นว่า จังหวัดอุบลราชธานียังเป็นพื้นที่ที่สามารถเป็นศูนย์กลางในการเชื่อมการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งจะสามารถเพิ่มมูลค่าทางการค้าได้ไม่น้อยกว่า 3 เท่า โดยจะยกระดับจังหวัดอุบลราชธานีให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกเฉียงเหนือ Northeastern economic corridor

สำหรับ Northeastern economic corridor ตรงข้ามอุบลราชธานี จะเป็นแขวงจำปาศักดิ์ ซึ่งเป็นแขวงหนึ่งของประเทศลาว ตั้งอยู่ทางตอนใต้สุดของประเทศ ติดอุบลฯ และกัมพูชา มีนคร ปากเซเป็นเมืองหลักของแขวง ถือเป็นศูนย์กลางการเมืองการปกครองทางเศรษฐกิจ รวมไปถึงการท่องเที่ยวของลาวตอนใต้ เป็นบริเวณที่มีความอุดมสมบูรณ์ เนื่องจากมีแม่น้ำโขงไหลผ่านกลาง ดังนั้น อุบลจึงเป็น corridor ที่เชื่อม 3 ประเทศ และขึ้นเหนือไปสู่จีนได้ ซึ่งจะเป็นสะพานเชื่อมการค้าการลงทุนและการท่องเที่ยวได้อีกมิติหนึ่ง

สำหรับผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดอุบลราชธานีของพรรคไทยสร้างไทย  ประกอบด้วย เขต 1 นายอดุลย์ นิลเปรม เบอร์ 1, เขต 4 นายอภิชาติ วรโชติวิวรรธน์ เบอร์ 2, เขต 6 นายบุญธรรม ภาคโพธิ์ เบอร์ 1, เขต 7 นายพิตติพัฒน์ นามอภัย เบอร์ 8, เขต 8 นายเสกสรรค์ กอคูณ เบอร์ 9, เขต 9 นางรำพูล ตันติวณิชชานนท์ เบอร์ 10 และเขต 11 นายสุริยา ขันอาสา เบอร์ 2.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง