ส่งเครื่องบินรับ คนไทยในซูดาน กลับบ้าน27เม.ย.

ทอ.ส่งเครื่องบินรับคนไทย 212 คนในซูดาน ถึงไทยช่วงค่ำ 27 เม.ย.  นายกฯ บอกครอบครัวสบายใจทุกคนปลอดภัย พร้อมขอบคุณซาอุฯ อำนวยความสะดวก ยันประสานความร่วมมือมิตรประเทศช่วยเหลือต่อไป

เมื่อวันที่ 25 เมษายน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการช่วยเหลือคนไทยในประเทศซูดานว่า การสู้รบภายในประเทศเขา เราจำเป็นต้องอพยพคนไทยที่อยู่ในซูดานกลับมา ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการอพยพประมาณกว่า 200 คน โดยกระทรวงการต่างประเทศ  สถานทูตไทยในซูดาน และสภาความมั่นคงแห่งชาติ

ทั้งนี้ คนไทยส่วนหนึ่งเดินทางมาถึงท่าเรือเมืองเจดดาห์ในประเทศซาอุดีอาระเบียแล้ว อีกส่วนหนึ่งเดินทางกลางทะเล  และอีกส่วนหนึ่งอยู่ระหว่างเดินทางด้วยรถยนต์ ซึ่งกองทัพอากาศได้เตรียมเครื่องบินไปรองรับแล้ว ขอให้ครอบครัวสบายใจมากขึ้นว่าเรายังไม่มีใครสูญเสียหรือเสียชีวิตแม้แต่คนเดียวตามที่ตนได้รับรายงานมา อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 27 เม.ย. คาดว่าจะเดินทางถึงกรุงเทพฯ จึงขอขอบคุณประเทศซาอุฯ ที่ช่วยเหลือในการดำเนินการสะดวก

ด้านนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ขณะนี้ได้มีการพาคนไทยที่อยู่ในซูดานไปถึงเมืองพอร์ตซูดานแล้ว และกำลังจะโดยสารเรือออกจากซูดานในวันที่ 25 เม.ย. ไปยังเมืองเจดดาห์ ประเทศซาอุฯ ซึ่งจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 ชั่วโมง โดยจะเดินทางไปถึงเมืองเจดดาห์ในวันที่ 26 เมษายนนี้ เพื่อรอโดยสารเครื่องบินของกองทัพอากาศกลับสู่ประเทศไทย ทั้งนี้ เครื่องบินของกองทัพอากาศจะเดินทางออกจากประเทศไทยวันที่ 26 เม.ย. เพื่อไปรับคนไทยจากเมืองเจดดาห์ ประเทศซาอุฯ

เมื่อถามว่า นอกจากคนไทยทั้ง 212 คนนี้แล้ว จะยังมีคนไทยเดินทางออกจากซูดานเพิ่มเติมอีกหรือไม่ นานดอนกล่าวว่า จะมีอีก 5 คน ซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองที่ไม่มีการสู้รบ แต่เป็นผู้ที่ได้ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เดินทางกลับประเทศไว้กับทางสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงไคโร ประเทศอียิปต์ โดยขณะนี่สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงไคโร และสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ กรุงคาร์ทูม ประเทศซูดาน โดยกำลังจัดหารถไปรับคนไทยกลุ่มนี้ เพื่อพาออกจากซูดาน ซึ่งการพาคนไทยทั้ง 5 คนกลับสู่ประเทศไทย เรากำลังพิจารณาช่องทาง ซึ่งอาจจะใช้วิธีประสานกับประเทศอื่นที่มีการอพยพคนออกจากซูดานให้ช่วยพาคนไทยทั้ง 5 คนนี้อพยพกลับสู่ประเทศไทย

นอกจากคนไทยทั้ง 2 ส่วนนี้แล้ว คนไทยที่เหลืออยู่ที่ไม่ได้แสดงความประสงค์ขอกลับประเทศ โดยเป็นผู้ที่มีความคุ้นเคยกับพื้นที่อยู่แล้ว ซึ่งเรายังไม่ทราบตัวเลขที่ชัดเจนว่าเหลือจำนวนเท่าไหร่ เนื่องจากไม่ได้มีการมาลงทะเบียน หรือแจ้งข้อมูลให้กับทางการไทยทราบ

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงไคโร ประเทศอียิปต์ ร่วมกับสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ กรุงคาร์ทูม ประเทศซูดาน ได้จัดรถบัส 5 คันที่เช่าไว้บรรทุกครอบครัวคนไทยจากกรุงคาร์ทูม และได้เดินทางถึงพอร์ตซูดานอย่างปลอดภัย เพื่อลงเรือที่กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงกลาโหมซาอุดีอาระเบียจัดไว้ให้ และจะออกเดินทางไปเมืองเจดดาห์ของซาอุดีอาระเบีย (การเดินทางโดยเรือจะใช้เวลา 15-20 ชั่วโมง เพื่อขึ้นฝั่งที่เมืองเจดดาห์) สำหรับคนไทยชุดแรก 84 คน ซึ่งลงทะเบียนก่อนได้ลงเรือไปแล้วเพื่อเดินทางข้ามทะเลแดง ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างลงทะเบียน รอยืนยันว่าจะลงเรือของซาอุดีฯ ได้ทันหรือไม่ ซึ่งหากไม่ทันก็จะมีเรือออกเดินทางอีกครั้งวันรุ่งขึ้น

โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศยังเตรียมพร้อมช่วยเหลือคนที่ยังติดค้างในเมืองอื่นๆ เพิ่มเติม โดยสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงไคโร ร่วมกับสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ ณ กรุงคาร์ทูม ประเทศซูดาน จัดรถให้คนไทยอีก 5 คนที่ติดอยู่ที่เมืองมาดานี ซึ่งอยู่ห่างกรุงคาร์ทูม 200 กิโลเมตร เพื่อเดินทางตามมาสมทบ และจะได้รับการดูแลเดินทางโดยทางเรือไปยังเมืองเจดดาห์ที่กระทรวงการต่างประเทศได้รับความร่วมมือจากซาอุดีฯ ต่อไป ทางด้านเครื่องบินของกองทัพอากาศมีกำหนดออกเดินทางจากไทยไปเมืองเจดดาห์ในคืนวันที่ 25 เม.ย. ซึ่งจะถึงเมืองเจดดาห์ในวันที่ 26 เม.ย. สอดรับกับแผนการเดินทางของคนไทยที่จะอพยพถึงเมืองเจดดาห์ในวันเดียวกัน โดยคาดว่าจะเดินทางมาถึงไทยช่วงค่ำวันพฤหัสบดีที่ 27 เม.ย.

พล.อ.ต.ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยว่า กองทัพอากาศได้รับอนุมัติจากรัฐบาลให้จัดเครื่องบินสนับสนุนการอพยพคนไทยที่มีความประสงค์จะเดินทางกลับประเทศ โดยคืนวันที่ 25 เม.ย. กองทัพอากาศจัดเครื่องบิน Airbus A340-500 จำนวน 1 เครื่อง และเครื่องบิน C-130 จำนวน 2 เครื่อง ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติ  คิง อับดุลาซิซ เมืองเจดดาห์ ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นจุดนัดหมายที่กระทรวงการต่างประเทศได้ทำการอพยพคนไทยจากสาธารณรัฐซูดานโดยทางบกและทางเรือ เพื่อรอเครื่องบินของกองทัพอากาศเดินทางไปรับ

ทั้งนี้ กองทัพอากาศวางแผนใช้เครื่องบิน Airbus A340-500 บินนำคนไทยกลับประเทศ ส่วนเครื่องบิน C-130 มีภารกิจบินนำคนไทยส่วนที่เหลือ (กรณีตกค้าง) กลับประเทศ รวมถึงสามารถปรับแผนเป็นเครื่องบินต่อระยะ กรณีมีความจำเป็นต้องบินไปยังสาธารณรัฐซูดาน โดยจะจอดเตรียมความพร้อมอยู่ที่ท่าอากาศยานนานาชาติ คิง อับดุลาซิซ เมืองเจดดาห์ ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง