กกต.สั่งตั้งคณะทำงานฯ เช็กนโยบายหาเสียง 70 พรรคการเมืองครบ 3 เงื่อนไข ม.57 หรือไม่ แจงไม่เปิดช่องให้ตรวจทำได้จริงหรือไม่ ต้องมีผู้ร้องเรียนว่าเข้าข่ายจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยม ป.ป.ช.กระตุก กกต. กำชับพรรคการเมืองออกนโยบายช่วงเลือกตั้งเพื่อตัดวงจรทุจริต ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เพื่อไทยร้อง กกต. ถามสาเหตุเอกสารเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรที่ลอนดอนผู้สมัคร 2 พรรคภาพสลับกัน ขณะที่ กกต.กทม.แจงสั่งแก้ได้ทันเวลาแล้ว
เมื่อวันที่ 25 เมษายน ที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้รับทราบกรณี 70 พรรคการเมืองชี้แจงรายละเอียดนโยบายหาเสียงตามมาตรา 57 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 มายัง กกต. ตามที่สำนักงาน กกต.เสนอ และมีมติให้ตั้งคณะทำงานที่จะประกอบไปด้วยผู้แทนของ กกต.ขึ้นมาตรวจสอบว่ารายละเอียดนโยบายที่ 70 พรรคการเมืองส่งมานั้นครบถ้วนตามเงื่อนไข 3 ข้อ คือ 1.มีการระบุวงเงินที่ต้องใช้และที่มาของเงินที่จะใช้ดำเนินการ 2.ระบุความคุ้มค่าและประโยชน์ในการดำเนินนโยบาย 3.ระบุผลกระทบและความเสี่ยงในการดำเนินนโยบาย หรือไม่ โดยให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
มีรายงานว่า ที่ประชุม กกต.ยังเห็นว่าในชั้นนี้ มาตรา 57 กำหนดให้ กกต.มีอำนาจเพียงสั่งให้พรรคการเมืองชี้แจงเงื่อนไข 3 ข้อมาให้ครบเท่านั้น หากชี้แจงมาไม่ครบ ก็ให้สั่งปรับ 500,000 บาท และอีกวันละ 10,000 บาท จนกว่าพรรคการเมืองจะดำเนินการชี้แจงครบตามเงื่อนไข โดยกฎหมายไม่ได้ให้อำนาจ กกต.ที่จะตรวจสอบว่านโยบายที่ชี้แจงมานั้นทำได้จริงหรือไม่ ซึ่งในส่วนนี้ควรต้องเป็นกรณีมีผู้ร้องเรียนและมีการกล่าวอ้างข้อมูลที่มีน้ำหนัก กกต.จึงจะสืบสวนเอาผิดฐานหลอกลวงเพื่อจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยม ตามมาตรา 73 (5) พ.ร.ป. ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ได้
นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงการตรวจสอบนโยบายของพรรคการเมืองในช่วงการเลือกตั้งการหาเสียงว่าสิ่งไหนทำได้-ทำไม่ได้ ว่า ป.ป.ช.ได้เสนอแนะไปยังกกต.แล้ว ซึ่งพยายามทำด่านแรกคือการสกัดเอาคนดีเข้ามาทำหน้าที่เป็นผู้แทนปกครองประเทศ โดยต้องแยกแยะให้ชัดระหว่างผลประโยชน์ตนเอง สาธารณะ และทางราชการ เพราะหากไม่รู้ ก็จะทำให้สุ่มเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดการทำหน้าที่ไม่สุจริตหรือทุจริตในการทำหน้าที่ เมื่อเข้ามาทำหน้าที่ของรัฐ ซึ่งเมื่อพ้นจาก กกต.แล้ว ก็จะอยู่ในหน้าที่รับผิดชอบของป.ป.ช. ในการลงไปตรวจสอบการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ ซึ่งอาจจะร่วมกระทำความผิดกับทั้งฝ่ายการเมือง ข้าราชการ และเอกชนหรือประชาชน ที่อาจสนับสนุนเป็นตัวการ ผู้ใช้ ผู้ให้ สนับสนุนให้กระทำความผิด
"ทาง ป.ป.ช.พยายามจะตัดขาข้างใดข้างหนึ่งเพื่อไม่ให้ครบองค์ประกอบ ก็จะสามารถตัดวงจรทุจริตไปได้ ยอมรับว่าหากทั้งสามฝ่ายไม่ประสานกันก็จะแก้ยาก แม้จะเป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญ มีหน้าที่ตรวจสอบ แต่ต้องอาศัยความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันทำหน้าที่" นายนิวัติไชยกล่าว
นายชุมสาย ศรียาภัย รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา ยื่นร้องต่อ กกต. ระบุว่าพรรคเพื่อไทยออกนโยบายเรื่องกระเป๋าเงินดิจิทัล อาจมีความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 73 (5) ว่า นโยบายพรรคการเมืองคือแบบแผนความคิดที่ใช้เป็นหลักยึดในการตัดสินใจบริหารบ้านเมือง ไม่ใช่การกระทำใดๆ ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ตามมาตรา 73 (5) ที่ต้องถูกผูกพันด้วยหลักการแห่งสิทธิ หน้าที่ และความรับผิดของพรรคตามบทกฎหมายได้ หากพรรคการเมืองดำเนินนโยบายผิดพลาด บกพร่องพรรคการเมืองย่อมมีความรับผิดชอบทางการเมืองต่อประชาชนอยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องการกระทำความผิดที่จะมีโทษถึงขั้นยุบพรรคการเมือง
"พอเป็นพรรคเพื่อไทย ประกาศนโยบายออกมา ยังไม่ทันได้ทำงาน ขาประจำออกมาประสานเสียงยื่นยุบพรรคทันที กกต.ก็ขยันต่อเนื่อง ทำสิ่งที่สังคมกังขาก็หลายเรื่อง เรื่องควรทำไม่ทำ ก็ไปรอวิบากกรรมก็แล้วกัน” นายชุมสาย กล่าว
ที่สำนักงาน กกต. นายเอกภาพ หงสกุล ผู้สมัคร ส.ส.เขตสายไหม กทม. พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนางปวีณา หงสกุล ผู้อำนวยการเลือกตั้งเขตสายไหม พรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือขอทราบสาเหตุว่าทำไมเอกสารแจ้งรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.ในการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ จึงเกิดการสลับรูปของนายเอกภาพไปอยู่หมายเลข 2 ซึ่งเป็นหมายเลขของผู้สมัครพรรคอนาคตไทย ว่าเกิดจากสาเหตุใด
โดยนายเอกภาพกล่าวว่า เห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่ทำให้ประชาชนเกิดความสับสน และยังไม่แน่ใจว่าจะมีผลต่อคะแนนเสียงของตนเองหรือไม่ เพราะการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรที่กรุงลอนดอน เริ่มไปแล้วเมื่อวันที่ 19 เม.ย. แต่เพิ่งมีนักศึกษาซึ่งเป็นคนที่มีภูมิลำเนาในเขตสายไหมไปพบเห็นความผิดพลาดนี้ ทั้งนี้ พอใจที่ กกต.แก้ไขทันทีที่ทราบเรื่อง แต่ยังเห็นว่า กกต.ควรจะมีวิธีการตรวจสอบที่ละเอียดถี่ถ้วน และระมัดระวังไม่ให้เกิดความผิดพลาดในข้อมูลก่อนจัดส่งเอกสารให้กับสถานทูต
ด้านนายสำราญ ตันพานิช ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้ง สำนักงาน กกต. ในฐานะที่กำกับดูแลการเลือกตั้งกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า ความผิดพลาดของรูปภาพรายชื่อผู้สมัครดังกล่าวไม่ได้ผิดในขั้นตอนของเขตเลือกตั้งที่ 11 กทม.เขตสายไหม สำนักงาน กกต.กทม. ซึ่งรับผิดชอบเฉพาะในส่วนของแบบพิมพ์ ส.ส.4/14 ส่วนการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร เป็นขั้นตอนขอบเขตของสำนักงาน กกต.กลาง และสถานทูตต่างๆ ที่ดูแลรับผิดชอบส่วนงานการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร ซึ่งหลังจากเกิดข้อผิดพลาด ทางส่วนงานรับผิดชอบได้ดำเนินการแก้ไขและส่งเอกสารที่ถูกต้องไปหน่วยเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรได้ทันต่อเวลาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ขณะที่นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า สำนักงาน กกต.ได้ดำเนินการตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว พบว่าความผิดพลาดเกิดขึ้นระหว่างการเตรียมการในขั้นตอนของเขต กทม. กระทรวงการต่างประเทศได้รีบประสานกับสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงลอนดอน เพื่อดำเนินการแก้ไขตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย. โดย กกต.ได้ยืนยันว่ากรณีดังกล่าวเกิดขึ้นที่ลอนดอนเท่านั้น ขอให้มั่นใจกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานไทยที่เกี่ยวข้องทุกแห่งจะทำงานร่วมกันเพื่ออำนวยความสะดวกประชาชนไทยในต่างประเทศ เพื่อให้การเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎระเบียบและราบรื่นที่สุด
ด้านนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การต่างประเทศ กล่าวถึงการจัดการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร ว่า กระทรวงการต่างประเทศมีการประสานงานกับ กกต.อยู่ตลอด ในการจัดการเลือกตั้งในต่างประเทศ โดยในเรื่องของบัตรเลือกตั้ง กกต.ได้มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ดูแลบัตรเลือกตั้ง ส่วนกรณีที่เกิดปัญหาบัญชีรวบรวมรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.เขตที่พบว่ารายชื่อผู้สมัครพรรคและหมายเลขไม่ตรงกัน เป็นเรื่องที่ทาง กกต.จะเข้าไปจัดการ ขณะที่การขนส่งบัตรเลือกตั้งกลับสู่ประเทศไทย เป็นเรื่องที่กระทรวงดูแลด้วยเช่นกัน ไม่มีปัญหา ซึ่งเราเคยมีประสบการณ์จากการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 มาแล้ว เชื่อว่าครั้งนี้จะไม่เกิดปัญหาอะไรขึ้นมาอีก
วันเดียวกัน นายชาตรี วัฒนเขจร รองปลัดกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย ดร.ถวิลวดี บุรีกุล รองเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า ร่วมเวทีเสวนา “เลือกตั้ง 66 เตรียมตัวพร้อมหรือยัง” ในหัวข้อความพร้อมของ กทม.ในการจัดการเลือกตั้ง และการเตรียมความพร้อมของผู้มีสิทธิเลือกตั้งและการมีส่วนร่วมในการเลือกตั้ง โดย ดร.ถวิลวดีกล่าวว่า จากการสำรวจความคิดเห็นเบื้องต้นของคนกรุงเทพฯ พบว่า คนกรุงเทพฯ ให้ความสนใจการเลือกตั้งระดับปานกลาง อยู่ที่ประมาณ 4.8 จาก 10 ซึ่งส่วนใหญ่รู้ว่าจะเลือกใคร และเชื่อว่าจะมีการซื้อเสียงค่อนข้างเยอะ
ด้านนายชาตรีกล่าวว่า ถ้าประชาชนพบเห็นการกระทำผิด หรือความไม่เป็นกลางในการเลือกตั้งที่บริเวณหน้าหน่วยเลือกตั้ง สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้งได้ ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำหน่วยเลือกตั้ง ขณะนี้ กทม.มีความพร้อมในการเตรียมการเลือกตั้งอย่างเต็มที่ ส่วนการนับคะแนนจะนับที่หน่วยเลือกตั้ง แล้วส่งผลการนับคะแนนออนไลน์มาที่ส่วนกลางที่ห้องรัตนโกสินทร์ คาดว่าจะทราบผลคะแนนเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการไม่เกินเวลา 21.00 น. ของวันที่ 14 พ.ค..
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ชูศักดิ์ยอมนิกร พรบ.ประชามติ ไม่ใช่กม.การเงิน
“ชูศักดิ์” ลั่นเพื่อไทยเอาแน่ ค้าความปิดปากเอาคืน “ธีรยุทธ” แต่ไม่รู้เมื่อไหร่
ไฟเขียวไร่ละ1พัน10ไร่ ตรึงค่าไฟฟ้าราคาน้ำมัน
ชาวนาเฮ! นบข.ไฟเขียวช่วยไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ จ่อชงเข้า ครม.สัญจรเชียงใหม่ 29 พ.ย.นี้
อวยทักษิณชนะนายกอบจ.
"ภูมิธรรม" โว พท.ชนะนายก อบจ.อุดรฯ เป็นเรื่องธรรมดา เหตุ ปชช.ยังรัก “ทักษิณ” ชอบผลงานที่ทำมา
กรมที่ดินท้ารฟท.พิสูจน์เขากระโดง
กรมที่ดินยืนยัน ไม่เพิกถอนโฉนดเขากระโดง ยึดตาม กก.สอบสวน มาตรา 61
ตร.เชียงรายรวบ‘สามารถ’ ‘เมีย-ลูก’หมอบุญนอนคุก
"ผบ.ตร." นั่งไม่ติดตั้ง "พล.ต.อ.ธนา" คุมสอบสวนคดี "หมอบุญ"
ม็อบเสื้อเหลืองคืนชีพ ‘สนธิ’นัดบุกทำเนียบฯ2ธค. ‘อ้วน’หวั่นซํ้ารอยปิดเมือง
"ภูมิธรรม" ไม่กังวล "สนธิ" ปลุกม็อบลงถนน เป็นสิทธิตาม รธน.