ไทยโพสต์ ๐ "ธรรมนัส" ตอก "เศรษฐา" หน้าหงาย ไมค์จ่อปากก็พูดเอามัน ลืมไปว่าผมไม่ได้มีอำนาจในการตัดสินใจร่วมรัฐบาลกับใคร ยัน 14 พ.ค. 5 โมงเย็นรู้ทันทีใครจับมือกับใคร ส่วน "บิ๊กป้อม" ลั่นอยากเป็นนายกฯ "อนุทิน" ย้ำหลักการพรรคไหนมาอันดับ 1 ได้ตั้งรัฐบาลก่อน ขณะที่ "รทสช." ขยี้ต่อ ส่งเพลง "ลุงตู่อยู่ไหน" สร้างการจดจำเบอร์ 22 "ชาญชัย" ปูดข้อมูล กกต. มีนักการเมือง 130 คน บิ๊กเนมเพียบ ถือหุ้นส่อถูกตัดสิทธิ์สมัคร ส.ส.
หลังนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ประกาศว่าจะไม่จับมือกับพรรคพลังประชารัฐในการจัดตั้งรัฐบาล มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางว่านายเศรษฐาไม่ได้มีอำนาจที่จะตัดสินใจว่าจะร่วมรัฐบาลกับใคร
เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2566 ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ผู้สมัคร ส.ส.พะเยา ในฐานะประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งภาคเหนือ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ว่า ต้องถามว่าคนที่ออกมาพูดเป็นคนที่มีอำนาจตัดสินใจหรือไม่
"บางคนเวลาไมค์จ่อปากก็พูดเอามัน ลืมไปว่า อ้าวผมไม่ได้มีอำนาจในการตัดสินใจ เรื่องของพรรคเป็นเรื่องของกรรมการบริหารพรรคในการตัดสินใจ"
เมื่อถามว่า มีโพลออกมาว่า พปชร.จะได้ 70 ที่นั่ง ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า อย่างเกรดเอบวก รวมกันก็ได้เกือบ 100 ที่นั่งแล้ว ดังนั้น พปชร.ในเรื่องของ ส.ส.แบบแบ่งเขตนั้น เรามีความมั่นใจ ส่วนใหญ่พื้นที่เลือกตั้งที่ได้ตอนปี 62 เกือบจะทุกจังหวัด เราสามารถรักษาพื้นที่ได้ ถึงแม้คนที่เป็น ส.ส.เก่าจะย้ายไปพรรคอื่น แต่เราก็หาคนใหม่มาลง เรามั่นใจว่าจะยึดพื้นที่ได้
ถามว่า แสดงว่าโพลที่ออกมาไม่ใช่ตัวเลขที่ พปชร.คาดการณ์ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า หลายสำนักที่คาดการณ์ตัวเลข พปชร.กับพรรคที่เคยร่วมรัฐบาลกันมา จะได้สูสี ถ้าเราจะเป็นรองคงเป็นรองพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย หรือจะอาจจะสูสีกับพรรคภูมิใจไทย ส่วนกับพรรคอื่นเราอาจจะได้มากกว่า
เมื่อถามว่า ยังยืนยันใช่หรือไม่ว่าการจับมือร่วมรัฐบาลจะเกิดขึ้นหลังจากการเลือกตั้ง ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า ยืนยันและพูดมาเสมอว่าการจัดตั้งรัฐบาลต้องรอผลการเลือกตั้ง ฉะนั้นหลายพรรคที่ออกมาปฏิเสธไม่จับมือกับกลุ่มนั้นกลุ่มนี้ แล้ววันหนึ่งอยากเป็นรัฐบาล ผิดคำพูดตัวเองต่อสาธารณะ ในทางสังคมการเมืองมันก็จะไม่เหมือนเดิม อยากฝากหลายพรรคที่ออกมาประกาศไม่จับมือกับคนนั้นคนนี้ มันยังไวเกินไป
ซักว่า หลังปิดหีบทุกอย่างจะชัดเจนหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า ก่อนปิดหีบ 5 โมงเย็นก็รู้แล้วว่าใครจับมือกับใคร
ที่สถานีรถไฟรังสิต วันเดียวกันนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงการนำคณะกรรมการบริหารพรรคปราศรัยหาเสียง จ.นครราชสีมา ว่าการนั่งรถไฟในวันนี้ เพื่อดูวิถีของประชาชน ตามที่ตนได้บอกเรื่องการพัฒนาภาคอีสาน ทั้งอุตสาหกรรมยานยนต์และอุตสาหกรรมอื่น เพื่อช่วยทำงานในภาคอีสาน และให้เด็กอาชีวะมีงานทำในพื้นที่อุตสาหกรรม การมานั่งรถไฟครั้งนี้เพื่อดูระบบตามนโยบายโครงการอีสานประชารัฐของพรรคให้ได้ก่อน เพื่อทำให้หลายจังหวัดในภาคอีสานมีความเจริญ คนมีงานทำ เป็นการสร้างงาน และถ้าทำได้จริง จะเชื่อมต่อไปที่ภาคตะวันออกและไปที่ จ.กาญจนบุรีได้
'บิ๊กป้อม' อยากเป็นนายกฯ
เมื่อถามว่า พรรคพลังประชารัฐอยากปักธงเป็นอันดับหนึ่งในภาคอีสานใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “อยากสิครับ ไม่น่าถาม อยากได้ แต่ไม่รู้ว่าจะได้หรือเปล่า อยากให้พี่น้องชาวอีสานเลือกผม เพื่อให้ได้ที่หนึ่ง ถามย้ำว่าหากได้ที่หนึ่งแล้วจะเป็นนายกฯ ใช่หรือไม่ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐตอบว่า เรื่องการเป็นนายกฯ ต้องไปเลือกกันในสภา ไม่ใช่มาเลือกกันตรงนี้
ส่วนกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน ที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ประกาศชัดเจนว่าไม่จับมือกับพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาตินั้น พล.อ.ประวิตรยืนยันว่า ไม่เป็นไร ก็ว่ากันไป เพราะตนยังไม่ได้ประกาศว่าจะจับมือกับใคร
ถามถึงเรื่องที่จะก้าวข้ามความขัดแย้ง จะทำอย่างไร หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐตอบว่า การก้าวข้ามความขัดแย้งคือการให้ประชาชนเป็นหนึ่งเดียวกัน ทำงานร่วมกันได้ ส่วนความคิดทางการเมืองใครจะคิดอย่างไรก็คิดไป เพราะตนบังคับใครไม่ได้ บังคับสื่อยังไม่ได้เลย ยืนยันว่าแนวทางการก้าวข้ามความขัดแย้งคือให้คนไทยทุกคนต้องอยู่ร่วมกัน ทำแผ่นดินเกิดให้มีความเจริญจะต้องทำอย่างไร
ซักว่า บรรยากาศทางการเมืองขณะนี้เอื้อให้ทำเรื่องการก้าวข้ามความขัดแย้งหรือไม่ พล.อ.ประวิตรเชื่อว่า เอื้อ เอื้อตลอด ประเทศเพื่อนบ้านที่เขามี 4-5 หลายฝ่าย ยังรวมกันสร้างความเจริญพัฒนาประเทศได้ แล้วเราไม่ได้แตกแยกขนาดนั้น ต้องทำให้รู้ว่าเป็นคนไทยต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อรถไฟเดินทางมาถึงสถานีปากช่อง จ.นครราชสีมา พล.อ.ประวิตรตอบคำถามเรื่องมีคนเชียร์ให้เป็นนายกรัฐมนตรี โดยกล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า "คุณก็เลือกสิ ถ้าเลือกก็ได้ ถ้าไม่เลือกก็ไม่ได้ พูดเฉยๆ ไม่ได้เป็นหรอก จะไปเป็นได้อย่างไร"
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย แสดงท่าที และจุดยืนของพรรคว่า พรรคภูมิใจไทย ยืนยันว่าจะสนับสนุนพรรคที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนเป็นอันดับ 1 ให้จัดตั้งรัฐบาลก่อน หากประสบปัญหาอุปสรรคตั้งไม่ได้ เราจึงจะคิดเร่งให้ความร่วมมือจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคอื่นๆตามลำดับ ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ
“ผมขอยืนยันจุดยืนตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ผู้ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีต้องถูกเสนอชื่อโดยพรรคการเมือง เราถือว่าเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย หากประชาชนลงคะแนนให้พรรคนั้นในส่วนบัญชีรายชื่อ ก็ถือว่าเป็นไปตามกระบวนการประชาธิปไตย เป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ แต่ถ้านายกฯ มาจากเส้นทางอื่น เช่น รัฐธรรมนูญมาตรา 272 เสนอชื่อนายกฯ ที่ไม่อยู่ในแคนดิเดตพรรคการเมือง หรือไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง เราจะไม่สนับสนุน เพราะพรรคเคารพการตัดสินใจของประชาชน ดังนั้นนายกฯ ที่พรรคจะสนับสนุนต้องเป็นบุคคลที่มีรายชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคการเมือง เราไม่เอาคนนอกมาเป็นนายกฯ แน่นอน” นายอนุทินกล่าว
'เศรษฐา' ท่องคาถาแลนด์สไลด์
ขณะที่นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีการประกาศไม่จับมือกับพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติว่า เป็นความตั้งใจของพรรคเพื่อไทยที่เราตั้งใจจะเดินหน้าตั้งรัฐบาลพรรคเดียวเพื่อให้แลนด์สไลด์ โดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยก็เห็นด้วย ทั้งนี้ ผู้ใหญ่หลายคนก็ไม่มีใครท้วงติงอะไร
เมื่อถามว่า การประกาศเมื่อวันที่ 21 เม.ย. ถือว่าช้าไปหรือไม่ เพราะมีการถามกันมาโดยตลอด นายเศรษฐาชี้แจงว่า พูดมาโดยตลอด ไม่ได้ย้อนแย้งหรือช้าอะไร บอกว่าจะตั้งรัฐบาลพรรคเดียวมาโดยตลอด เมื่อมีการจัดตั้งแล้วเราก็จะไปร่วมกับพรรคที่มีจุดยืนเดียวกัน ณ วันนี้เราเผยแพร่นโยบายให้ประชาชนทราบโดยเต็มที่ เพื่อเป็นรัฐบาลพรรคเดียว ซึ่งความตั้งใจของเราคือเราพูดความจริงว่าความตั้งใจของเราคืออะไร และพี่น้องประชาชนเป็นคนตัดสิน ยังไงเราก็น้อมรับ
ถามต่อว่า หวังว่ากลุ่มคนที่รอความชัดเจนจากเรื่องนี้จะเทคะแนนมาที่พรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ก็ชัดเจนมานานแล้ว เราแข่งกันที่นโยบาย เราแข่งกันที่ล้มล้างความยากจน ความเสมอภาคของพี่น้องประชาชน
เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.อ.ประวิตร ระบุว่าพรรคเพื่อไทยไม่จับมือกับพรรคพลังประชารัฐก็ไม่เป็นไร นายเศรษฐา กล่าวว่า ก็ไม่เป็นไร ท่านมีจุดยืนของท่าน และท่านก็มีนโยบายของท่าน ที่จะต้องเดินสายเผยแพร่ เราสู้กันที่นโยบาย และสู้กันว่าใครจะล้มล้างความยากจนของพี่น้องประชาชนได้ดีกว่ากัน
ทีมสื่อสารและประชาสัมพันธ์ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) แจ้งว่า หลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประธานคณะกรรมการกำหนดยุทธศาสตร์และนโยบายของพรรค และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมด้วยนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค และผู้บริหารพรรค เดินหน้าช่วยผู้สมัครของพรรคหาเสียงในพื้นที่ต่างๆ ทุกภาคทั่วประเทศ ซึ่งได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี โดยล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์พร้อมคณะเดินทางไปช่วยผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคหาเสียงที่ จ.เชียงใหม่ ก็ได้รับการต้อนรับจากชาวเชียงใหม่อย่างอบอุ่น โดยเฉพาะพลังเงียบที่ออกมาให้กำลังใจ พร้อมส่งเสียงเชียร์และร้องเพลง “ลุงตู่อยู่ไหน” ต้อนรับอย่างคึกคัก
'ลุงตู่อยู่ไหน'
ล่าสุด เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ และสร้างความจดจำให้กับประชาชนทั่วประเทศ พรรคจึงเตรียมปล่อยเพลง “ลุงตู่อยู่ไหน” อีก 3 เวอร์ชันใหม่ ในรูปแบบภาษาถิ่น ได้แก่ เพลงลุงตู่อยู่ไหนภาษาเหนือ เพลงลุงตู่อยู่ไหนภาษาใต้ และเพลงลุงตู่อยู่ไหนอีสาน สำหรับการประชาสัมพันธ์หมายเลข 22 ของพรรคในการเลือกตั้งวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ และยังจะใช้เป็นสื่อประชาสัมพันธ์ในระหว่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ และผู้บริหารพรรค มีกำหนดการลงพื้นที่หาเสียงในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศในช่วงใกล้เลือกตั้งครั้งนี้ด้วย
ทั้งนี้ เชื่อว่าเพลง “ลุงตู่อยู่ไหน” ทั้ง 3 เวอร์ชัน ได้แก่ ภาษาเหนือ ภาษาอีสาน และภาษาใต้ จะเข้าถึงประชาชนในทุกเพศทุกวัย หลังจากที่เคยส่งเพลง “ลุงตู่อยู่ไหน” ภาษากลางฮิตติดหูจนกลายเป็นกระแสไวรัลในโลกออนไลน์ และเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางมาแล้ว
นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ผู้สมัคร ส.ส.นครนายก เขต 2 พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่ถูก ผอ.กกต.ประจำเขตเลือกตั้งที่ 2 นครนายก ตัดสิทธิ์การลงรับสมัคร ส.ส. โดยระบุอ้างถือครองหุ้นของบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS ว่าเข้าข่ายตามลักษณะต้องห้ามของการเป็นผู้สมัคร ส.ส. เปิดเผยความคืบหน้าหลังยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาให้วินิจฉัยเรื่องนี้ว่า ได้เห็นหลักฐานของ กกต.ที่ศาล ก็เห็นเป็นเรื่องแปลก ซึ่ง กกต.เขต 2 นครนายกเองก็ยอมรับว่าเป็นกรณีแรกที่ตีความมาตัดสิทธิ์การลงสมัคร ส.ส.ของตนเป็นเคสแรก ทั้งที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยตีความกรณีถือหุ้นสื่อเอาไว้แล้ว แต่ กกต.กลับยืนยันการใช้อำนาจของเขาว่าตนขาดคุณสมบัติ ที่ตนลงทุนถือหุ้นในบริษัทแม่ แต่ต้องมารับผิดชอบในบริษัทลูกหรือบริษัทหลาน ที่ทางบริษัทแม่ไปถือหุ้นไว้ด้วย
"มันก็แปลกประหลาด ผมก็ยืนยันที่จะต่อสู้ เพราะได้เห็นหลักฐานรายชื่อของ กกต. ว่ายังมีผู้สมัคร ส.ส.ระดับบิ๊กเนม เป็นผู้ถือหุ้นที่ส่งมาด้วย เพราะมีชื่อของพี่ป้อม พล.อ.ประวิตรรวมอยู่ด้วย อยู่ในลำดับที่ 53 อยู่ในเอกสารที่ กกต. ส่งให้ศาล แต่ยังไม่ทราบรายละเอียดว่า ถือหุ้นอะไร เพราะผมเปิดดูหลักฐานที่ กกต.ส่งให้ศาล เห็นมีชื่อคนดังต่างๆ อีกหลายคน ตกใจว่าเฮ้ยมีชื่อพี่ป้อมด้วยแล้วทำไมยังเดินหาเสียงได้อีก ทำไมไม่ถูกตัดสิทธิ์สมัครเหมือนผม ผมถาม กกต.เขต 2 นครนายกว่าทำไมไม่ดำเนินการเหมือนที่ทำกับผม เขาตอบว่าเขาไม่ทราบ ซึ่งมีชื่อนักการเมืองทั้งหมด 130 คน คนดังๆ ทั้งนั้น ถ้าบอกชื่อมาทั้งหมดนี่ เปรียบเหมือนคำโบราณ สำเพ็งไหม้ วุ่นวายไปหมดแน่ กกต.ทำไมทำแบบนี้ แต่ผมยังไม่ได้ดูในรายละเอียดของ กกต.ที่ส่งให้ศาลว่าผู้ที่มีชื่อในลิสต์ทั้ง 130 คนนี้เขาทำผิดอะไรหรือไม่อย่างไร แต่ชื่อของผมอยู่ในลำดับที่ 17 ในรายชื่อทั้งหมดนี้ อีกชื่อที่จำแม่นเพราะเป็นคนดังคือ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า แกนนำพรรค พปชร.” นายชาญชัยกล่าว
นายชาญชัยกล่าวต่อว่า ส่วนแนวทางการต่อสู้เรื่องนี้ ตอนนี้ก็รอศาลฎีกาไต่สวนมูลฟ้องในคดีนี้ ในวันที่ 25 เม.ย.นี้ ซึ่งทราบว่าศาลท่านเมตตาเร่งจะพิจารณาตัดสินชี้ขาดเรื่องนี้ให้ในวันที่ 2 พ.ค.นี้ ทั้งนี้ การที่ กกต.เขต 2 นครนายก ตีความลักลั่นแบบนี้ ทำให้ตนรับผลกระทบมาก เพราะเท่ากับว่าไม่ได้เป็นผู้สมัคร ส.ส. จะหาเสียงก็ไม่ได้ ผิดกฎหมายอีก หากเปรียบว่าขึ้นเวทีมวยต่อยกัน ก็เท่ากับตนถูกมัดแขนเข้ามุมให้คู่ต่อสู้อัดตนฝ่ายเดียว ก็ต้องรอให้ศาลฎีกาตัดสินก่อน จากนั้นค่อยมาว่ากันอีกที.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ครม.ไร้วาระโต้ง ชื่อยังไม่ถึงคลัง ผวาขัดกฎหมาย
นายกฯ เมินเสียงวิจารณ์ "กิตติรัตน์" นั่ง ปธ.บอร์ด ธปท.
สันติผงาด‘น.1’ ‘ก.ตร.’ถกเดือด อาวุโสน้อยพรึ่บ
"นายกฯ อิ๊งค์" นั่งหัวโต๊ะประชุม ก.ตร. 20 พ.ย. แต่งตั้งรอง ผบ.ตร.-ผบช. กว่า 40 ตำแหน่ง จับตาถกเดือด!
‘อิ๊งค์’ตีปี๊บผลงาน100วัน
“นายกฯ อิ๊งค์” ต่อสายยินดี “ทรัมป์” พร้อมชวนมาเมืองไทย นายกฯ
สุริยะสั่งฟ้องเขากระโดง ‘ที่ดิน’ยันยึดคำพิพากษา
ปมเขากระโดงยังไม่จบ “สุริยะ” ย้ำที่ดินพิพาทเป็นของ รฟท.
60ปีเฮได้เงินหมื่น จ่ายไร่ละพันพักหนี้
“นายกฯ อิ๊งค์” ชี้ “ทักษิณ” จ้อการเมืองแค่สีสันสนุกสนาน ไม่ฉุดเศรษฐกิจดิ่ง
ทักษิณ-พท.โคม่า! ธีรยุทธเมินอสส.ตัดตอน เทียบคดีก.ก.ศาลรับร้อง
อสส.ไม่รับดำเนินคดี "ทักษิณ-เพื่อไทย" ล้มล้างการปกครอง