ปักษ์ใต้คึก‘ตู่-ป้อม’วางคิวลุยหาเสียง

ประวิตร ประยุทธ์"บิ๊กตู่" ลางาน ควงแกนนำพรรค รทสช.ลงพื้นหาเสียงที่ "สวนลุมฯ- เยาวราช" โชว์เตะตะกร้อ-ปั่นเรือเป็ด บอกยิ่งถูกปรามาสยิ่งต้องพยายาม ลั่นหัวใจยิ่งใหญ่อยู่แล้ว ชีวิตให้ได้เพื่อประเทศชาติ   คิวหาเสียงสนามปักษ์ใต้ปลายเดือนเม.ย.คึกคัก! "น้องตู่" ล่องตรัง-พัทลุง-สตูล-หาดใหญ่ "พี่ป้อม" ลุยสงขลา-เมืองคอน "พปชร." ชูนโยบาย "อีสานประชารัฐ" สร้างรถไฟทางคู่บึงกาฬ-อีอีซี 480 กม. ทางหลวงพิเศษ 8 เลน "สันติ" เหน็บพรรคอื่นขอแต่แลนด์สไลด์ไม่คิดพัฒนา "ปชป." โชว์ 4 โปรเจกต์ยักษ์ พัฒนา ศก.ปลายด้ามขวาน

เมื่อวันที่ 20 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค รทสช. ได้ลาราชการ ทำให้ช่วงเช้าไม่ได้เดินทางเข้าปฏิบัติงานภายในทำเนียบรัฐบาล

ช่วงเย็นเวลา 16.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ มีกำหนดลงพื้นที่หาเสียงที่สวนลุมพินี  อย่างไรก็ตาม ก่อนถึงเวลาดังกล่าว ได้เกิดเหตุระทึกขึ้นบริเวณอาคารก่อสร้างโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามสวนลุมพินี มีแผ่นเมทัลชีทประมาณ 40-50 แผ่นหล่นลงมาจากอาคารก่อสร้าง ระหว่างนำขึ้นเชือกชักรอกเพื่อขนส่งไปยังชั้นบน ทำให้ผู้ที่เดินสัญจรไปมาบนฟุตปาธได้รับบาดเจ็บ 4 ราย​ โดย 3 รายเป็นบุคลากรภายในโรงพยาบาลจุฬาฯ และอีก 1 รายเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย รวมไปถึงรถเจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 ที่จอดอยู่ได้รับความเสียหาย

ระหว่างเกิดเหตุ นายธนกร​ วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งเดินทางมาถึงสวนลุมพินีเพื่อเตรียมลงพื้นที่หาเสียงร่วมกับ พล.อ.ประยุทธ์ ได้เข้าไปดูในที่เกิดเหตุ และมีตำรวจ สน.ปทุมวันมาขึงเชือกป้องกันพื้นที่

เวลา 16.45 น. พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค, นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค, นายธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรค และแกนนำพรรค ลงพื้นที่สวนลุมพินี เพื่อช่วย น.ส.ศิรินันท์ ศิริพานิช ผู้สมัคร ส.ส.เขตสาทร ปทุมวัน ราชเทวี,  นายพลัฏฐ์ ศิริกุลพิสุทธิ์ ผู้สมัคร ส.ส.เขตสัมพันธวงศ์ หาเสียง
โดย พล.อ.ประยุทธ์สวมเสื้อแจ็กเกตสีขาวของพรรค มีแฟนคลับให้การต้อนรับพร้อมส่งเสียงเชียร์ ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ได้ทักทายประชาชนที่มาออกกำลังกายภายในสวนลุมพินี นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ร่วมเตะตะกร้อกับเยาวชน มีนายพีระพันธุ์และนายธนกรร่วมเล่นด้วย โดย พล.อ.ประยุทธ์เตะตะกร้ออย่างสนุกสนาน พร้อมเปิดเผยด้วยว่า เล่นตั้งแต่ครั้งที่เคยเล่นหน้าทำเนียบฯ และเมื่อก่อนนี้ก็เล่นกับพวกทหาร เป็นตะกร้อวง ก็เล่นทั้งหมดแหละ แต่ตอนนี้มันทิ้งไปนาน

ลั่นถูกปรามาสยิ่งพยายาม
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ได้ปั่นเรือเป็ดสีเหลืองที่บึงน้ำภายในสวนลุมพินี พร้อมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวระหว่างลงพื้นที่ด้วยว่า "ยิ่งถูกปรามาสมากก็ต้องยิ่งพยายาม เรามีหัวใจยิ่งใหญ่อยู่แล้ว เราให้กำลังใจผู้สมัครทุกเขต จากนี้ไปจะปรับแผนการลงพื้นที่พบประชาชนมากกว่าการขึ้นเวทีปราศรัย เรื่องลาราชการหาเสียงถ้าจำเป็นก็ต้องลา เพื่อทุ่มเทการหาเสียงให้กับพรรค เหนื่อยแค่ไหนก็ทำได้ ชีวิตยังให้ได้เลยเพื่อประเทศชาติ สำหรับคนรุ่นใหม่ต้องถามว่าเขาต้องการอะไรในอนาคต และต้องดูด้วยว่าปัจจุบันอยู่ตรงไหน ซึ่งผมก็มีความเป็นห่วงเยาวชน"

พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ภายหลังลงพื้นที่สวนลุมพินี ถึงความมั่นใจในตัวผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค รทสช.ในพื้นที่กรุงเทพฯ ว่า มั่นใจ 100% ผู้สมัครของตน ตนก็ต้องมั่นใจ วันนี้มาช่วยเขาหาเสียง ทราบว่าเขาเดินทุกวันอยู่แล้วในพื้นที่ แต่สิ่งสำคัญคือตนต้องเอาพรรคมาช่วยเขาด้วย ช่วยกันทั้ง ส.ส.เขตและ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และตนด้วย ต้องช่วยกัน
เมื่อถามว่า จากนี้จะลงพื้นที่ในลักษณะนี้ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า พูดไป 3 ครั้งแล้ว ก็ต้องลง
ถามอีกว่า ลักษณะการหาเสียงจะเป็นการพบประชาชนตัวต่อตัวมากกว่าขึ้นเวทีปราศรัยใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก็ต้องผสมผสานกัน เพราะมีคนอยู่หลายกลุ่ม บางคนอยู่ในบ้าน บางคนอยู่ตลาด ต้องแยกแยะเป้าหมาย

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ขึ้นรถบัสไฟฟ้าอีวีไปยังถนนเยาวราช ท่ามกลางความสนใจจากสื่อมวลชนไทยและสื่อต่างประเทศร่วมทำข่าว

ส่วน ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ผู้ประสานงานพรรค รทสช. กล่าวถึงกรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ออกมาประกาศ "ดูหน้าดิฉันไว้ ใครจะอยากจับมือคนทำรัฐประหาร” ว่า การที่แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทยออกตัวว่าจะไม่จับมือกับพรรคนั้นพรรคนี้ ทั้งที่ยังไม่ทราบผลการเลือกตั้ง อาจเป็นการดูแคลนพรรคการเมืองอื่นๆ ที่มีโอกาสจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเช่นกัน รวมยังใช้วาทกรรมตอกย้ำเรื่องรัฐประหารอยู่อีก ทั้งๆ ที่จะเลือกตั้งอีกไม่กี่วันแล้ว

 “อยากเรียกร้อง น.ส.แพทองธาร และพรรคเพื่อไทย ควรหยุดใช้วาทกรรมด้อยค่าพรรคอื่นเพียงเพื่อหวังเรียกคะแนนเสียง แต่ควรให้ความสำคัญกับการตอบสังคมให้ชัดเจนถึงนโยบายที่สังคมยังสงสัยมากกว่า อาทิ นโยบายแจกเงินดิจิทัลให้กับประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไปแบบหว่านไปทั่วทั้งคนรวยคนจน ที่ประเมินว่าจะต้องใช้เงินกว่า 5 แสนล้านบาท ซึ่งจนถึงตอนนี้ยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะนำเงินจำนวนมหาศาลนั้นมาจากไหน เพราะวิธีที่เพื่อไทยจะนำมาใช้ อาจเป็นการขึ้นภาษี VAT, การหั่นงบ และการกู้เงินมาโปะ ล้วนสร้างภาระทางการเงินการคลังของประเทศทั้งสิ้น” ดร.หิมาลัยกล่าว

ผู้ประสานงานพรรค รทสช.กล่าวว่า หากพรรค พท.ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และ น.ส.แพทองธารได้เป็นนายกรัฐมนตรีจริงๆ ก็น่าห่วงอนาคตประเทศไทย ที่ไม่รู้ว่าจะไปในทิศทางไหน ภายใต้การนำของนายกฯ ที่ไร้ประสบการณ์บริหารงานเป็นที่ประจักษ์สักอย่างเลย แต่กลับได้รับการเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค

มีรายงานว่า ในการเดินสายหาเสียงของ พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พบว่า ในช่วงปลายเดือนเม.ย. ทั้ง 2 พรรคมีกำหนดการจะลงพื้นที่หาเสียงในจังหวัดภาคใต้ช่วงเวลาใกล้เคียงกัน โดยในส่วนของ พล.อ.ประยุทธ์ จะนำแกนนำพรรค เดินตลาดหาเสียงช่วยผู้สมัคร ส.ส.ที่ จ.ตรัง ในช่วงเช้าวันที่ 29 เม.ย. จากนั้นช่วงบ่ายขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ช่วยผู้สมัครที่ จ.พัทลุง และค้างคืนกันที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จากนั้นวันที่ 30 เม.ย. พล.อ.ประยุทธ์จะลงพื้นที่หาเสียงที่ จ.สตูล และช่วงบ่ายหาเสียงที่ จ.สงขลา เย็นปราศรัยใหญ่ที่ อ.หาดใหญ่

ขณะที่พลังประชารัฐ เบื้องต้น พล.อ.ประวิตรและแกนนำพรรคมีกำหนดการหาเสียง วันที่ 28 เม.ย. ที่ จ.สงขลา และวันที่ 29 เม.ย. นครศรีธรรมราช 

พปชร.ชูพัฒนาภาคอีสาน

 โดยนายรงค์ บุญสวยขวัญ ผู้สมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 1 และกรรมการบริหารพรรค พปชร. กล่าวว่า เบื้องต้นในวันที่ 28 เม.ย. พล.อ.ประวิตรจะจัดปราศรัยใหญ่ที่ จ.สงขลา จากนั้นวันที่ 29 เม.ย. จะมีการจัดปราศรัยใหญ่ที่ จ.นครศรีธรรมราช โดยได้มีการประสานขอใช้สนามหน้าเมือง ต.คลัง อ.เมืองนครศรีธรรมราช ขณะนี้ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคได้ประชาสัมพันธ์เชิญชวนประชาชนเข้าร่วมฟังการปราศรัยในครั้งนี้ด้วย คาดว่าจะมีประชาชนมาร่วมฟังการปราศรัยกว่า 1 หมื่นคน   

ที่พรรค พปชร. เวลา 15.05 น. พล.อ.ประวิตร พร้อมด้วยนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.การคลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค,  พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค, พล.อ.ธัญญา เกียรติสาร กรรมการบริหารพรรค ร่วมแถลงเปิดนโยบาย “อีสานประชารัฐ”พัฒนาภาคอีสานด้วยรถไฟทางคู่บึงกาฬ-อู่ตะเภา

พล.อ.ประวิตรกล่าวเปิดนโยบายว่า เราจะพัฒนาภาคอีสานและภาคตะวันออกให้เป็นรถไฟทางคู่ จาก จ.บึงกาฬ- ท่าเรือแหลมฉบัง-ท่าเรือมาบตาพุด-สนามบินอู่ตะเภา จ.ระยอง  โดยเป็นการพัฒนาพื้นที่ได้ 24 จังหวัด ในภาคอีสาน และภาคตะวันออก สอดรับกับโครงการอีอีซี โดยทางรถไฟจะผ่าน 13 จังหวัด ได้แก่ บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด สุรินทร์ บุรีรัมย์ นครราชสีมา  สระแก้ว ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง และยังเชื่อมต่อ 11 จังหวัด ได้แก่ หนองคาย ขอนแก่น ชัยภูมิ นครพนม มุกดาหาร อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ยโสธร ศรีสะเกษ  มหาสารคาม และหนองบัวลำภู ระยะทางรวมประมาณ 480 กม. โดยเราจะสร้างเมื่อเราได้เป็นรัฐบาล ซึ่งเราสำรวจเส้นทางกันมาเรียบร้อยแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า การมาทำโครงการใหญ่ในภาคอีสาน จะเป็นการทำให้ภาคอื่นรู้สึกน้อยใจหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เราทำอีสานก่อน จากนั้นจะทำภาคเหนือและใต้ต่อไป อันนี้คิดกันมาหลายปีแล้ว อย่าเพิ่งไปคิดว่ามันจะเสร็จพรุ่งนี้ ส่วนเรื่องงบประมาณที่จะใช้นั้น ไม่ต้องห่วง ยังไม่ได้คิด แต่สามารถดำเนินการได้แน่นอน

"เราทำเพื่อคนอีสานโดยเฉพาะ จะได้มีงาน สร้างงาน สร้างอาชีพให้คนอีสาน น้ำเขาก็น้อย การเกษตรก็มีข้อขัดข้องเยอะ คนอีสานออกมาทำงานต่างจังหวัดทั้งนั้น เราทำโครงการนี้เพื่อชาวอีสานโดยเฉพาะ อย่าเพิ่งถามถึงภาคอื่น เอาให้ภาคอีสานเจริญ โดยภาคอีสานมีทั้งหมด 133 เขต คิดเป็น 1 ใน 3 ของประเทศ" พล.อ.ประวิตรระบุ 

ส่วนนายสันติกล่าวว่า เราจะพัฒนาอีสาน เปิดภาคอีสานของเราให้ทันต่อโลก เนื่องจากดูแต่ละพรรคการเมืองแล้วมีแต่ที่จะขอให้ชาวภาคอีสานทั้ง 20 จังหวัด และภาคตะวันออก 5 จังหวัด ขอแต่แลนด์สไลด์ แต่ไม่เคยเห็นพรรคการเมืองใดเลยที่คิดว่าจะพัฒนาภาคอีสานให้พ้นความยากจน หรือนำเงินลงทุนมหาศาลไปพัฒนา ซึ่งไม่มีเลย มีแต่ พปชร.ที่ให้ความสำคัญกับชาวอีสาน

"หลายสิบปีที่ผ่านมาชาวอีสานได้รับการพัฒนาอย่างเชื่องช้า มีแต่คนไปขอให้แลนด์สไลด์ แต่ยังไม่เคยได้ยินพรรคใดที่ตั้งใจที่จะไปพัฒนาภาคอีสานเพื่อลูกหลานอยู่ดีกินดี เราจึงขอแรงใจทั้ง 133 เขตให้กับ พปชร. เพื่อ พปชร.จะได้มีอำนาจในการมาพัฒนาภาคอีสาน ผมยืนยันว่าโครงการเหล่านี้ทำจริง ทำทันที แต่เราจะต้องมีนายกฯ เป็นคนที่จะใช้อำนาจผลักดันโครงการดีๆ เหล่านี้ได้” นายสันติกล่าว 

ด้านนายสกลธี ภัททิยกุล กรรมการบริหาร และหัวหน้าทีมผู้สมัคร ส.ส.กทม.พรรค พปชร. ลงพื้นที่ย่านสะพานหัน พร้อมกับนายสฤษดิ์ ไพรทอง ผู้สมัครรับเลือกตั้ง เขต 1 (ดุสิต พระนคร ป้อมปราบศัตรูพ่าย สัมพันธวงศ์) หมายเลข 11 เพื่อพบปะประชาชนในการหาเสียง

ปชป.ผุด 4 โปรเจกต์แดนใต้

ที่โรงแรมคริสตัล หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ทีมเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นำโดย ดร.พิสิฐ ลี้อาธรรม อดีตรมช.การคลัง และประธานคณะกรรมการนโยบายพรรคประชาธิปัตย์, ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองผู้ว่าฯ กทม. ผู้เชี่ยวชาญด้านคมนาคมขนส่งโครงสร้างพื้นฐาน และโครงการขนาดใหญ่ และ ม.ร.ว.ศศิพฤนท์ จันทรทัต อดีตซีอีโอ บล.กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยนางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวทีมเศรษฐกิจประชาธิปัตย์สัญจร ครั้งที่ 2 “แนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจปลายด้ามขวานไทย”

ดร.พิสิฐกล่าวว่า นโยบายพัฒนาเศรษฐกิจภาคใต้ พรรคจะปรับโครงสร้างเศรษฐกิจของภาคใต้ใหม่ โดยเฉพาะการสร้าง Growth Pole ใหม่ของเมืองหาดใหญ่ ให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจใหม่ของภาคใต้ ด้วยการผลักดันให้เป็นศูนย์กลางการเงินนานาชาติในภูมิภาค เพิ่มเติมจากดึงดูดนักท่องเที่ยวและการลงทุนจากต่างประเทศ เพื่อพัฒนาให้เป็นแหล่งการผลิตเพื่อการส่งสินค้าออกไปต่างประเทศ
"หากหาดใหญ่ได้เป็นแหล่งเงินทุนใหม่ๆ ย่อมจะเป็นผลดีต่อ SME และ Startups ในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และจังหวัดอื่นๆ ที่จะสามารถเข้าถึงทุนและสินเชื่อได้ง่ายขึ้น ในต้นทุนกู้ยืมต่ำลงและธุรกิจจะได้รับการยกระดับเป็นนานาชาติ เกิดการพัฒนาและขับเคลื่อนให้เป็นเศรษฐกิจ ซึ่งจะส่งผลเป็นลูกโซ่ต่อการเติบโตของจังหวัดสำคัญในภาคใต้ และประเทศโดยรวม และต่อภาคเศรษฐกิจอื่น เช่น การค้าข้ามชายแดนของภาคใต้กับประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย การขนส่ง การท่องเที่ยว การผลิต ตลอดจนการว่าจ้างแรงงาน" ดร.พิสิฐกล่าว
ดร.สามารถกล่าวว่า หาดใหญ่มีทำเลยุทธศาสตร์ในการเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งของภาคใต้ ถึงเวลาแล้วที่จะต้องขับเคลื่อนหาดใหญ่ด้วยระบบขนส่งที่มีประสิทธิภาพ เพื่อผลักดันให้หาดใหญ่เป็นขุมทองทางเศรษฐกิจของปลายด้ามขวานไทย โดยพรรคประชาธิปัตย์มีนโยบายการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งในหาดใหญ่ และพื้นที่ใกล้เคียง ทั้ง 1.โมโนเรล 2.รถไฟทางคู่หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ 3.มอเตอร์เวย์หาดใหญ่-สะเดา และ 4.สะพานเชื่อมเกาะสมุย

"พรรคจะเร่งรัดการก่อสร้างเมกะโปรเจกต์ด้านคมนาคมขนส่งในเมืองหาดใหญ่และพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อทำให้หาดใหญ่เชื่อมโยงกับพื้นที่อื่นทั้งในและต่างประเทศได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว เพิ่มโอกาสการแข่งขัน เพิ่มโอกาสการทำมาหากินของประชาชน ยกระดับคุณภาพชีวิต ประหยัดค่าใช้จ่ายการเดินทางและการขนส่งสินค้า ลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิง ลดมลพิษ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมรับกระแสโลกในการลดก๊าซเรือนกระจก และฝุ่น PM 2.5” ดร.สามารถระบุ

ส่วนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง ลงพื้นที่ย่านบางรัก ช่วยขอเสียงสนับสนุนให้นางเจิมมาศ จึงเลิศศิริ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตพระนคร-ป้อมปราบฯ-สัมพันธวงศ์-ดุสิต-บางรัก โดยได้เดินทักทายพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนที่สัญจรไปมา พร้อมแจกใบปลิวแนะนำตัวผู้สมัคร ฝากให้เลือกพรรคประชาธิปัตย์ทั้งคนทั้งพรรค

'วราวุธ'หวังว้าวไทยแลนด์โดนใจกลุ่มพลังเงียบ

ที่พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรค ชทพ. กล่าวถึงแนวทางการดึงคะแนนเสียงจากกลุ่มประชาชนที่ยังไม่ตัดสินใจเลือกพรรคการเมืองและแคนดิเดตนายกฯ คนใดว่า จะต้องเร่งนำเสนอสิ่งที่เป็นตัวตนของพรรค ในการเน้นเรื่องความยั่งยืน มั่นใจว่าจะสามารถดึงพลังเงียบที่อยู่ในประเทศไทยออกมาเป็นคะแนนได้ กลุ่มพลังเงียบเหล่านี้เป็นกลุ่มที่มีพลัง มีอำนาจในการตัดสินใจเยอะมาก บางพื้นที่มีเกือบ 50% จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสิ่งที่นำเสนอแนวคิดของพรรค เพื่อสร้างความยั่งยืน เพื่อลูกหลานของไทย จะเป็นสิ่งที่สามารถดึงดูด เรียกคะแนนจากกลุ่มพลังเงียบและกลุ่มต่างๆ ที่ยังไม่ตัดสินใจมาเลือก ชทพ.ได้

"เซอร์ไพรส์ของ ชทพ. คือการลงพื้นที่ให้มากขึ้น ทำความเข้าใจให้มากขึ้น การออกเวทีดีเบตให้มากขึ้น พรรคของเราไม่ใช่พรรคใหญ่ แนวคิดเรื่องเซอร์ไพรส์อาจเป็นอันตรายกับพรรคเล็กก็ได้ อาจเซอร์ไพรส์ในทางดีหรือทางไม่ดีก็ได้ ดังนั้นสิ่งที่เราทำมาแนวนโยบายที่นำเสนอเรามั่นใจในนโยบายความยั่งยืนของเรา เราก็จะทำตามสิ่งที่นำเสนอ" หัวหน้าพรรค ชทพ.กล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

30วันเลือกนายกปทุม

"พิเชษฐ์" แจ้งสภา 143 สส.สังกัดพรรคประชาชนแล้ว ด้าน "ณัฐวุฒิ" เผยใช้อักษรย่อ "ปชน."