ยันบัตรต่างแดน มาทัน14พค.แน่ ตร.1.3แสนดูแล

ประธาน กกต.แจง เดินทางไปดูงานต่างประเทศเป็นไปตามกฎหมาย   ยันบัตรเลือกตั้งต่างแดนมาทันแน่นอนไม่ซ้ำรอยปี 62 นับพร้อมกันวันที่ 14 พ.ค.  ขณะที่ ผบ.ตร.เผยเตรียมกำลังตำรวจ 1.3 แสนนายดูแลความเรียบร้อยทั่วประเทศ

เมื่อวันที่​ 20 เมษายน 2566 นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง ​(กกต.)​ กล่าวถึงกรณีเหตุการณ์สู้รบที่ประเทศซูดานและยูเครน อาจกระทบกับการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรว่า จากการประสานสถานทูตไทยประจำกรุงไคโร ที่ดูแลประเทศซูดาน ได้กำหนดแผนการเลือกตั้ง โดยการจัดหน่วยเลือกตั้งเคลื่อนที่ไปบริการ แต่อาจจำเป็นต้องพิจารณาว่าทำได้หรือไม่ ซึ่งเท่าที่ติดต่ออย่างไม่เป็นทางการ อาจจะประกาศท่าทีที่ชัดเจนในเร็ววันว่าจะส่งรถโมบายได้หรือไม่ ทั้งนี้การตัดสินใจจะอยู่ที่ท่านทูต เพราะอยู่ใกล้กับสถานการณ์ ส่วนยูเครนซึ่งมีผู้ลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้ง 1 คน ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานว่าสถานการณ์เข้าข่ายเคร่งเครียด แต่ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของสถานทูต โดยการเลือกตั้งที่นี่จะใช้วิธีการลงคะแนนทางไปรษณีย์ผ่านบริษัท DHL ซึ่ง กกต.จะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย จึงไม่น่าจะมีปัญหา

นายอิทธิพรกล่าวว่า ทั้งนี้ คนเหล่านั้นอพยพกลับมาเมืองไทยก็จะไม่สามารถมาใช้สิทธิเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค.ได้ และไม่น่าจะถือว่าเป็นผู้เสียสิทธิ์ เนื่องจากที่ลงคะแนนเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรไม่ได้ เกิดจากภาวะสงคราม ซึ่งเป็นเหตุสุดวิสัย แต่หากเกรงว่าจะเสียสิทธิ์ก็สามารถแจ้งเหตุไม่ไปใช้สิทธิ์ก็ได้ 

สำหรับเรื่องการส่งบัตรเลือกตั้งกลับมายังประเทศไทยนั้น เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำรอยการส่งบัตรเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรเมื่อปี 2562 กลับมานับไม่ทัน เรื่องนี้ได้มีการซักซ้อมกับกระทรวงการต่างประเทศแล้ว โดยกระบวนการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 24 เม.ย.-5 พ.ค.2566 จากนั้นจะส่งบัตรล็อตแรกกลับมาถึงไทยภายในวันที่ 9 พ.ค.นี้  อาจจะมีบางประเทศที่อาจจะมีล็อต 2 ล็อต 3 ให้ส่งกลับมาถึงประเทศไทยภายในวันที่ 12 พ.ค.นี้ โดยก่อนจะส่งสถานทูตจะทำการคัดแยกบัตรของผู้ใช้สิทธิ์ เพื่อสะดวกในการกระจายบัตรไปนับยังภูมิลำเนาของผู้ใช้สิทธิ์ เมื่อส่งถึงเมืองไทยแล้ว เราจะมีกระบวนการติดตามตลอดการขนส่ง เมื่อบัตรมาถึงเมืองไทยจะมีเจ้าหน้าที่ไปรับที่สนามบิน มาส่งที่ไปรษณีย์  ก่อนกระจายไปยังจังหวัดต่างๆ และนับคะแนนพร้อมกันในวันที่ 14 พ.ค. เวลาหลังเวลา 17.00 น.เป็นต้นไป ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ เพราะไม่ต้องการให้เกิดปัญหาซ้ำรอยอีก ยืนยันว่าการจัดการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรมีความพร้อม 100% 

นายอิทธิพรยังชี้แจงถึงการเดินทางไปติดตามการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรว่า  ที่ไม่ได้ไปในประเทศที่มีผู้ลงทะเบียนขอใช้สิทธิ์มาก เพราะส่วนใหญ่มีการวางระบบการใช้สิทธิ์ดีอยู่แล้ว แต่ยังมีอีกหลายประเทศที่มีปัญหา การจัดการเลือกตั้งเป็นไปด้วยความลำบาก มีเจ้าหน้าที่น้อย จะได้ไม่เกิดความประหม่า ไม่สับสน ส่วนที่ กกต.แบ่งกันไปทั้ง 6 คนนั้น เนื่องจากมีเวลาน้อย จะเดินทางไปเพียง 2-3 ประเทศไม่ได้ เราต้องการไปดูให้ทั่วถึง ส่วนข้อวิพากษ์วิจารณ์เรื่องงบประมาณที่ใช้นั้น ยืนยันว่าเป็นไปตามที่ได้รับการจัดสรร ผ่านการอนุมัติจากสภาผู้แทนราษฎร ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ทั้งนี้ จะให้สำนักงานจัดชี้แจงในรายละเอียดอีกครั้ง

ในส่วนของค่าของที่ระลึกนั้น สำนักงาน กกต.เป็นผู้ดูแล ซึ่งคิดว่าไม่เกิน 3,000 บาท เพราะทุกคนทราบข้อกฎหมาย ส่วนของตนได้มอบเนกไทยี่ห้อจิม ทอมป์สัน ให้กับทูตเคนยา และผ้าพันคอให้อุปทูตโมร็อกโก และมอบน้ำพริกพร้อมสมุดบันทึกเล่มเล็กให้กับเจ้าหน้าที่สถานทูตเท่านั้น จึงไม่กังวลที่มีการยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช.ให้ตรวจสอบจริยธรรมอย่างร้ายแรง เพราะเป็นการกระทำตามหน้าที่

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวว่า วันนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เปิดศูนย์รักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยการจัดการเลือกตั้ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศลต.ตร.) ร่วมกับ กกต. และบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เพื่อร่วมกันวางแนวทาง กำชับการปฏิบัติตามข้อกฎหมาย และการเตรียมพร้อมก่อนถึงวันเลือกตั้งล่วงหน้าในวันที่ 7 พ.ค. และการเลือกตั้งทั่วประเทศในวันที่ 14 พ.ค.นี้ พร้อมกับสอบถามความพร้อมของแต่ละหน่วย โดยตั้งเป้าว่าภายในสิ้นเดือนนี้ทุกหน่วยจะต้องดำเนินการอบรมให้ความรู้ด้านข้อกฎหมายกับเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยให้เสร็จสิ้น

ผบ.ตร.กล่าวว่า สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัยหน่วยเลือกตั้งนั้น  จะใช้กำลังตำรวจกว่า 130,000 นาย ดูแลความปลอดภัยหน่วยเลือกตั้งกว่า 90,000 หน่วยทั่วประเทศ โดยเบื้องต้นจะจัดเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 นาย คอยดูแลความปลอดภัยต่อหน่วยเลือกตั้ง 1 หน่วย ชุดเคลื่อนที่เร็ว ชุดสืบสวนหาข่าว ซึ่งในการเลือกตั้งครั้งนี้ ประเมินว่ามีการแข่งขันสูงในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ โดยจะจับตาเป็นพิเศษในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 2 และภาค 7 ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการแข่งขันกันสูง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าจะมีการใช้ความรุนแรงจนถึงชีวิต.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง