ศปภ.สรุป 7 วันอันตรายช่วงสงกรานต์ อุบัติเหตุ 2,203 ครั้ง ตาย 264 ราย เจ็บ 2,208 คน กทม.แชมป์ตายสะสม 22 คน ขณะที่เสียชีวิตลดลง 5.04 % จากขับรถเร็ว-เมาแล้วขับ "ผบ.ตร." พอใจ หลังบังคับใช้ กม. 10 ข้อหาหนัก ด้านนายกฯ ขอบคุณทุกฝ่ายตั้งเป้าปี 70 ดับไม่เกิน 12 คนต่อแสนประชากร
เมื่อวันที่ 18 เมษายน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนตามถนน เส้นทางต่างๆ ที่ดูแลประชาชนในช่วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์อย่างเหน็ดเหนื่อย ซึ่งผลที่ออกมาก็ดีขึ้นตามลำดับ โดยวันนี้ได้รับรายงานอุบัติเหตุมีจำนวนสูงขึ้น แต่เสียชีวิตลดลง ตนไม่อยากให้มีเสียชีวิตแม้แต่รายเดียว แต่เป็นสิ่งที่ยาก เพราะรถมีมากและหลายคนไม่เคารพกฎจราจร ขับรถเร็วเกินกำหนดในพื้นที่ที่ไม่ควรใช้ความเร็ว คงต้องขอความร่วมมือกับประชาชน ขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่เสียสละวันหยุดที่จะได้อยู่กับครอบครัว ขอบคุณมากที่มาดูแลประชาชน ทำอย่างไรเราจะลดภาระเหล่านี้ให้ได้ เพื่อทุกคนจะได้พักผ่อนกันบ้าง
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ในที่ประชุม ครม. โดยสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รายงานว่า ในปี 2570 จำนวนผู้เสียชีวิตจะต้องไม่เกิน 12 คนต่อประชากร 1 แสนคน ถือเป็นมาตรฐานที่เข้มข้น เนื่องจากทางองค์การสหประชาชาติได้กำหนดว่า ตัวเลขดังกล่าวจะต้องเกิดขึ้นได้ภายในปี 2573 แต่ไทยจะทำให้ได้ภายในปี 2570 ซึ่งจะเห็นมาตรการที่เข้มข้นของหน่วยงานรัฐเพื่อให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้
ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) นายโชตินรินทร์ เกิดสม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย (มท.) ในฐานะประธานการประชุมคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนตลอดทั้งปี เปิดเผยว่า สถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 17 เม.ย.2566 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการรณรงค์ "ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่อย่างปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ" เกิดอุบัติเหตุ 183 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 16 ราย ผู้บาดเจ็บ 202 คน
สรุปสถิติอุบัติเหตุทางถนนสะสม 7 วัน วันที่ 11-17 เม.ย.66 เกิดอุบัติเหตุรวม 2,203 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 264 ราย ผู้บาดเจ็บ 2,208 คน โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงราย 68 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร 22 ราย และจังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช 70 คน จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต 2 จังหวัด ได้แก่ พัทลุง พังงา
นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า ในภาพรวมจำนวนการเกิดอุบัติเหตุและผู้บาดเจ็บเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาเล็กน้อย ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตลดลงร้อยละ 5.04 รวมถึงพฤติกรรมเสี่ยงขับรถเร็ว ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุลดลงร้อยละ 1.55 ส่วนดื่มแล้วขับลดลงร้อยละ 3.26
ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับข้อมูลค่าเฉลี่ยสถิติอุบัติเหตุทางถนนย้อนหลัง 3 ปี ช่วงสงกรานต์ปีนี้จำนวนครั้งการเกิดอุบัติเหตุ ผู้บาดเจ็บ ลดลงร้อยละ 13 ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตลดลงถึงร้อยละ 15 สาเหตุหลักของอุบัติเหตุทางถนนยังคงเกิดจากการขับรถเร็วและดื่มแล้วขับ รวมถึงจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะที่มีสถิติการเกิดอุบัติเหตุทางถนนสูงสุด โดยพฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดเกิดจากการขับขี่รถจักรยานยนต์ ไม่สวมหมวกนิรภัย
“แม้ว่าการดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 66 จะสิ้นสุดลง แต่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคีเครือข่ายยังต้องร่วมกันขับเคลื่อนการสร้างความปลอดภัยทางถนนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนเดินทางอย่างปลอดภัยไร้อุบัติเหตุตลอดทั้งปี” นายบุญธรรมกล่าว
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวในการประชุมปิดศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ.2566 ว่า มาตรการควบคุมความปลอดภัยเข้มข้นในช่วง 7 วันอันตราย เทศกาลสงกรานต์ปี 2566 ระหว่างวันที่ 11-17 เม.ย.66 ที่ผ่านมา ภาพรวมเป็นที่น่าพอใจและบรรลุเป้าหมายที่ทางรัฐบาลตั้งไว้ คือการลดอุบัติเหตุจากค่าเฉลี่ยสามปีย้อนหลังให้ได้ 5% ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตมีจำนวนผู้เสียชีวิตจำนวน 264 คน ซึ่งนับว่าลดลงจำนวนมากเช่นเดียวกับจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุที่ลดลงกว่า 10% โดยสำหรับพื้นที่กรุงเทพมหานครมีจำนวนผู้เสียชีวิตมากเกินกว่าที่คาดไว้คือ 22 ราย ซึ่งเจ้าหน้าที่จะต้องนำมาปรับปรุงเป็นบทเรียนในครั้งต่อไป
อีกทั้งยอมรับว่าการดำเนินการในปีนี้ยากกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นการเล่นน้ำสงกรานต์อย่างเต็มรูปแบบในรอบ 3 ปี แต่ถือว่าเป็นปีที่สามารถลดอุบัติเหตุได้ ซึ่งเกิดจากความร่วมมือของทุกฝ่าย ทั้งภาคีเครือข่าย ฝ่ายปกครองของแต่ละจังหวัดที่ขับเคลื่อนร่วมกับตำรวจทุกวัน
ผบ.ตร.กล่าวอีกว่า ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้เน้นบังคับใช้กฎหมายใน 10 ข้อหาหลัก และจากสถิติพบว่าสามารถจับกุมในข้อหาใช้ความเร็วเกินกำหนดและเมาแล้วขับได้มากที่สุด โดยเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการควบคู่ไปกับการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจถึงความจำเป็นในการบังคับใช้กฎหมายเมื่อมีการกระทำผิดด้วย
สำหรับการบังคับใช้กฎหมาย 10 ข้อหาหลัก อาทิ มีการตั้งจุดตรวจทุกวันเพื่อบังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่ฝ่าฝืนทั่วประเทศ มีจำนวนจุดตรวจกวดขันวินัยจราจร 2,183 จุดตรวจ จุดตรวจวัดแอลกอฮอล์ 1,637 จุดตรวจ พบผู้ที่ฝ่าฝืนทั้งสิ้น 499,282 ราย เป็นข้อหาขับรถในขณะเมาสุรา 23,278 ราย (มากกว่าค่าเฉลี่ยสงกรานต์ 3 ปีย้อนหลังคิดเป็น 21.31%) ขับรถเร็วเกินกำหนด 195,118 ราย/ไม่สวมหมวกนิรภัย 94,745 ราย/ไม่รัดเข็มขัดนิรภัย 24,967 ราย โดย 10 ข้อหาหลักนี้ จะก่อให้เกิดอันตรายอย่างยิ่งต่อผู้ใช้รถใช้ถนนรายอื่น จึงจำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะการดำเนินคดีเมาแล้วขับ เป็นการนำผู้ขับขี่ที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ซึ่งมีโอกาสก่ออุบัติเหตุออกจากท้องถนนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุได้จำนวน 23,278 คน
ส่วนสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุมากที่สุด 3 ลำดับแรกคือ ขับรถเร็วเกินกฎหมายกำหนด (36.67%), ดื่มแล้วขับ (27.23%) และตัดหน้ากระชั้นชิด (17.63%) ประเภทรถที่เกิดอุบัติเหตุมากที่สุด 3 ลำดับแรก คือ รถจักรยานยนต์ (82.01%), รถกระบะ (7.05%) และรถยนต์นั่งส่วนบุคคล (2.96%) สำหรับพฤติกรรมเสี่ยงที่ทำให้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บมากที่สุด คือไม่สวมหมวกนิรภัย (65.02%) และดื่มแล้วขับ (21.10%)
นายวีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ อธิบดีกรมคุมประพฤติ เปิดเผยข้อมูลยอดสะสม 7 วันอันตราย (วันที่ 11-17 เมษายน 2566) มีจำนวนทั้งสิ้น 8,869 คดี จำแนกเป็น คดีขับรถขณะเมาสุรา 8,575 คดี คิดเป็นร้อยละ 96.69, คดีขับรถประมาท 23 คดี คิดเป็นร้อยละ 0.26, คดีขับซิ่ง 1 คดี คิดเป็นร้อยละ 0.01, คดีขับเสพ 270 คดี คิดเป็นร้อยละ 3.04
ส่วนจังหวัดที่มีคดีขับรถในขณะเมาสุราสูงสุด 3 อันดับ ได้แก่ 1.กรุงเทพมหานคร จำนวน 522 คดี 2.ร้อยเอ็ด จำนวน 473 คดี 3.เชียงใหม่ จำนวน 458 คดี พบว่าปีนี้สถิติคดีขับรถขณะเมาสุราสะสมทั้ง 7 วันที่เข้าสู่ระบบงานคุมประพฤติในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2566 เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 1,434 คดี คิดเป็นร้อยละ 20.08 (พ.ศ.2565 มีจำนวน 7,141 คดี) พร้อมย้ำถึงมาตรการคุมประพฤติที่มีต่อผู้กระทำผิดที่เข้าสู่กระบวนการคุมความประพฤติในฐานความผิดขับรถขณะเมาสุราทุกราย.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘จุรินทร์’ เผย8ปัจจัย การเมืองปี68เดือด!
"จุรินทร์" เปิด 8 ปัจจัยการเมืองปี 2568 จับตามีคดีความที่มีผู้ร้องไปยื่นร้องนายกฯ และผู้เกี่ยวข้องไว้ที่ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระต่างๆ ซึ่งปัจจุบันมีเรื่องที่ค้างอยู่อย่างน้อย
‘จ่าเอ็ม’ ผวาขออารักขา
กัมพูชาส่งตัว "จ่าเอ็ม" ให้ไทยแล้ว นำตัวเข้ากรุงสอบเครียดที่ สน.ชนะสงคราม แจ้งข้อหาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เจ้าตัวร้องขอเจ้าหน้าที่คุ้มครองเป็นพิเศษ
เป็นแม่ที่ดีหรือยัง! ‘อิ๊งค์’ เปิดอกวันเด็กสมัยก่อนไม่มีไอแพดโวยถูกบูลลี่
"นายกฯ อิ๊งค์" เปิดงานวันเด็กคึกคัก! เด็กขอถ่ายรูปแน่น พี่อิ๊งค์ล้อมวงเปิดอกตอบคำถามเด็กๆ มีพ่อเป็นต้นแบบ เผยวัยเด็กไม่มีไอแพด โทรศัพท์ ไลน์ พี่มีลูกสองคน
‘บิ๊กอ้วน’ เอาใจทอ. เคาะซื้อ ‘กริพเพน’
ปิดจ๊อบภายในปีนี้! "บิ๊กอ้วน" ไฟเขียว ทอ.เลือก "กริพเพน" มั่นใจคนใช้เป็นคนเลือก รออนุมัติแบบหลังทีมเจรจาออฟเซตกับสวีเดนจบ แจงทูตสหรัฐแล้ว ไทยยันไม่มีนโยบายกู้เงินซื้ออาวุธตามข้อเสนอขายเอฟ
1ประเทศ2นายกฯ ระวังจบซ้ำรอยเดิม?
มีหลายส่วนในสังคม คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกอึดอัดกับท่าทีของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่พ้นโทษออกมาโดยไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียว แต่ทำตัวเปรียบเหมือนเป็นเจ้าของรัฐบาล
กฤษฎีกายี้กม.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์
จับตา ครม.ถกร่าง กม.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ 13 ม.ค.นี้