อัยการเลื่อนฟังคำสั่งคดี “ส.ว.อุปกิต” ฟอกเงินยาเสพติด หลังเจ้าตัวร้องขอความเป็นธรรม อสส.ให้ตรวจสอบบริษัทอื่นๆ ที่ได้รับเงินบัญชียาด้วย "โรม" ผิดหวังวอนอัยการทบทวนสั่งเลื่อนคดี หวั่นซ้ำรอย "บอส-อยู่วิทยา" จนนำไปสู่การล้มคดี จี้รัฐบาลอย่าให้มีแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมไทยให้ถอนชื่อลูกสาว "มิน อ่อง หล่าย" จากคดีทุน มิน ลัต
เมื่อวันจันทร์ นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงกรณีที่คณะพนักงานสอบสวนคดีนอกราชฯ ได้เลื่อนนัดหมายฟังคำสั่งคดีนายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในความผิดฐานสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ เกี่ยวพันกับคดีนายทุน มิน ลัต อายุ 53 ปี นักธุรกิจค้าอาวุธชาวเมียนมา ซึ่งเดิมนัดฟังคำสั่งช่วงหลังเทศกาลสงกรานต์นี้ว่า วันนี้อัยการได้เลื่อนนัดฟังคำสั่งทางคดีออกไปก่อน เนื่องจากก่อนหน้านี้นายอุปกิตได้ยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมต่อ น.ส.นารี ตัณฑเสถียร อัยการสูงสุด (อสส.) เมื่อวันที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมา
โดยนายอุปกิตระบุว่า เงินในบัญชีที่มีการกล่าวหาว่าเป็นเงินค่ายาเสพติด นอกจากบัญชีที่มีการเกี่ยวพันกับ นายอุปกิตแล้ว ยังมีการโอนเงินเข้ามายังบริษัทชั้นนำในประเทศไทยอีกหลายเเห่ง รวมถึงรัฐวิสาหกิจในประเทศ แต่คณะพนักงานสอบสวนกลับแจ้งข้อหาดำเนินคดีเฉพาะกับตน จึงยื่นขอความเป็นธรรมให้อัยการสูงสุดพิจารณาตรวจสอบว่าเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมืองหรือไม่ เนื่องจากตนได้ให้อาคารที่ดินกับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่เพิ่งเช่าที่ดินอาคารเป็นที่ทำการพรรค ประกอบกับถูกมองว่านายกรัฐมนตรีเป็นผู้เเต่งตั้งสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งทำให้มองว่าเป็นการโจมตีทางการเมืองเพื่อไปกระทบกับบุคคลอื่น
นายโกศลวัฒน์ยังกล่าวว่า การยื่นขอความเป็นธรรมในครั้งนี้ทำให้อัยการจะต้องส่งเรื่องให้พนักงานสอบสวนพิจารณา ร่วมกับคณะทำงานสอบสวนที่อัยการได้ตั้งขึ้นมา รวมทั้งยังมีประเด็นที่ต้องสอบสวนเพิ่มเติม ทำให้จำเป็นต้องเลื่อนการสั่งคดีในครั้งนี้ออกไปก่อน
ที่พรรคก้าวไกล นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล แถลงกรณีความรุนแรงที่เกิดขึ้นในประเทศเมียนมา ที่รัฐบาลเผด็จการทหารทำการปราบปรามฝ่ายต่อต้านและโจมตีเป้าหมายที่เป็นพลเรือน โดยรายงานข่าวจากสื่อต่างประเทศระบุว่ามีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 171 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้หญิง 24 คน และเด็ก 38 คน ว่าพรรคก้าวไกลขอยืนยันจุดยืนว่าการใช้กำลังทางการทหารต่อพลเรือนเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ในทุกกรณี และขอเรียกร้องให้รัฐบาลทหารเมียนมายุติการใช้ความรุนแรงกับพลเรือนทุกรูปแบบ พร้อมทั้งคืนประชาธิปไตยกลับสู่ประชาชนโดยเร็ว
โฆษกพรรคก้าวไกลกล่าวว่า ท่าทีวางเฉยของรัฐบาลไทยในขณะนี้เป็นการเพิกเฉยต่อมนุษยธรรม และไม่ช่วยทำให้สถานการณ์ดีขึ้น ประเทศไทยควรฟื้นฟูบทบาทนำในเวทีอาเซียนอีกครั้ง ด้วยการกลับมาเป็นผู้นำในการเจรจาด้านต่างๆ โดยเฉพาะการเจรจาสันติภาพ คืนประชาธิปไตยสู่ประเทศเมียนมา โดยยึดหลักการการสร้างเสถียรภาพอย่างสร้างสรรค์ ตั้งเป้าหมายว่าจะยุติสงครามกลางเมืองและการเสียชีวิตของประชาชนโดยเร็ว ด้วยการใช้ความร่วมมือระหว่างอาเซียนและสหประชาชาติจัดการกับวิกฤตในประเทศเมียนมา ปฏิบัติต่อผู้ลี้ภัยทางการเมืองด้วยความเคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ไม่ส่งตัวกลับไปยังประเทศต้นทาง ดังที่ประเทศไทยได้ส่งกลับ 3 ผู้ลี้ภัย จนมีรายงานว่าคนที่ถูกรัฐบาลไทยส่งกลับนี้ถูกสังหารแล้วอย่างน้อย 1 ราย
นายรังสิมันต์กล่าวอีกว่า การส่งกลับผู้ลี้ภัยทางการเมืองสะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่แนบแน่นระหว่างเผด็จการทหารไทยและเผด็จการทหารเมียนมา ซึ่งถูกตั้งคำถามว่าความสัมพันธ์นี้ต่อยอดกลายเป็นการอำนวยความสะดวกให้ขบวนการค้ายาเสพติด ให้ทำธุรกิจค้ายาและฟอกเงินในประเทศไทยได้อย่างง่ายดาย เห็นได้จากกรณีที่ถูกตั้งคำถามว่า มิน อ่อง หล่าย พูดคุยกับทางการไทยให้ถอนชื่อลูกสาวจากคดีทุน มิน ลัต หรือไม่ ตามที่สำนักข่าว The Irrawaddy ของประเทศเมียนมา รายงานข่าวว่า พลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย หัวหน้าคณะรัฐประหารเมียนมา พยายามติดต่อเจรจากับทางการไทยเพื่อให้ถอนชื่อบุตรสาวของตัวเองออกจากคดีของทุน มิน ลัต ผู้ซึ่งถูกจับกุมดำเนินคดีในความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดและข้อหาฟอกเงิน และมีความเชื่อมโยงไปถึง อุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา ในคดีดังกล่าวไม่ได้มีชื่อลูกของมิน อ่อง หล่าย ร่วมเป็นจำเลย
"รัฐบาลไทยจะปล่อยให้รัฐบาลอื่นมาแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมไม่ได้ ในเมื่อคดีของทุน มิน ลัต มีการตั้งข้อหาทั้งเรื่องยาเสพติดและการฟอกเงินไปแล้ว ทางการไทยย่อมมีอำนาจในการยึดหรืออายัดทรัพย์สินที่ต้องสงสัยว่าเกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดได้ ซึ่งหน่วยงานสำคัญที่มีอำนาจหน้าที่เหล่านี้ก็คือ ป.ป.ส.และ ปปง.ทว่าตลอดที่ผ่านมาหลายเดือนก็ยังไม่เห็นว่าทั้ง 2 หน่วยงานจะดำเนินการอะไรกับทรัพย์สินของลูกๆ มิน อ่อง หล่าย อย่างจริงจังเสียที ไม่แน่ใจว่าท้ายที่สุดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ทำหน้าที่ของตัวเองหรือเปล่า หรือปล่อยให้คืนทรัพย์สินไปยังมิน อ่อง หล่าย เราจะถูกตั้งคำถามจากนานาชาติมากยิ่งขึ้น ว่ารัฐบาลไทยมีส่วนได้เสียกับขบวนการค้ายาเสพติดและความรุนแรงที่เกิดขึ้นในเมียนมาหรือไม่ จากความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดดังกล่าว" นายรังสิมันต์กล่าว
ส่วนกรณีอัยการสูงสุดเปิดเผยการเลื่อนนัดฟังคำสั่งทางคดี ส.ว.อุปกิต ซึ่งเดิมกำหนดให้เป็นวันนี้ออกไปก่อนโดยไม่มีกำหนด เนื่องจากยื่นคำร้องขอความเป็นธรรม นายรังสิมันต์กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นตลกร้าย สิ่งที่ตนกังวลมาตลอดเกิดขึ้นจริงแล้ว ที่อัยการระบุว่าจำเป็นต้องตรวจสอบข้อมูลบริษัทที่เกี่ยวข้องกับนายอุปกิตกว่า 80 แห่งนั้น ตนเห็นว่า 2 เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องมัดรวมกัน หากจะมัดรวมควรมัดรวมกับคดีทุน มิน ลัต ซึ่งวันนี้มีการฟ้องร้องดำเนินคดีไปแล้ว ถ้าอัยการทำหน้าที่แบบนี้ สังคมจะตั้งคำถามเรื่องความโปร่งใส อาจตราหน้าว่ากำลังช่วยเหลือคนที่เกี่ยวข้องคดีค้ายาหรือไม่ ตนไม่อยากให้เรื่องนี้ซ้ำรอยคดีบอส อยู่วิทยา จึงขอให้อัยการทบทวนให้ดี เพราะถึงที่สุดแล้วกังวลว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่อาจนำไปสู่การล้มคดีหรือไม่.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
พิชัยปธ.งบ69 เน้นศก.เติบโต การเงินเข้มแข็ง
มอบแต่ต้นปี “แพทองธาร” ให้ “พิชัย” นั่งหัวโต๊ะแทนประชุมกรอบงบประมาณปี
พท.รอเคาะแก้ไขรธน. ติง2สภาขัดแย้งร้าวลึก
“ชูศักดิ์” เผย 7 ม.ค. พรรคเพื่อไทยจะหารือว่าจะว่ายตามน้ำชงร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญประกบพรรคประชาชนหรือไม่
6วันตาย272ศพ! เข้มบังคับใช้กม. ขาซิ่ง-ดื่มแล้วขับ
10 วันอันตรายปีใหม่ 6 วันตายแล้ว 272 เจ็บ 1,694 คน
แดงปะทะนํ้าเงินชิงนายกอบจ.
ตัวพ่อลุยเอง "ทักษิณ" บุกเหนือ-อีสาน เชียงราย-นครพนม
12ปีฟัน3สส.เสียบบัตรแทนกัน
เปิดปีใหม่มาวันแรก ป.ป.ช.ดุรับขวัญปีมะเส็ง ฟันดะ 3 อดีต สส.เสียบบัตรแทนกัน
ปี68จัดหนัก‘ทักษิณ’ ‘นักร้อง’ยื่นสอบ4ปมร้อน/กุนซืออิ๊งค์มั่นใจไร้ปัญหา
"ชัยเกษม" เชื่อ รบ.-นายกฯ อยู่ครบเทอม มั่นใจปมร้อนชั้น 14-เอ็มโอยู 44