กกต.กาฬสินธุ์ ไม่รับ‘5ผู้สมัคร’ แนะยื่นศาลฎีกา

กกต.แนะทำความรู้จักบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ก่อนเข้าคูหา 14 พ.ค. แจ้งตรวจสอบรายชื่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ส.ส.ตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย.ผ่านช่องทางต่างๆ กกต.กาฬสินธุ์ไม่รับ 5 ผู้สมัคร ส.ส.จาก 75 คน แนะยื่นคำร้องศาลฎีกาได้ 

 เมื่อวันที่ 17 เมษายน เพจสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์ภาพพร้อมข้อความระบุว่า รู้จักบัตรเลือกตั้ง 2 ใบก่อนเข้าคูหาเลือกตั้ง ก่อนออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง มาทำความเข้าใจเพื่อป้องกันความสับสน ในการลงคะแนนเสียงการเลือกตั้งครั้งนี้ มีบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ  คือ บัตรเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขต และบัตรเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ บัตรเลือกตั้ง 2 ใบต่างกันอย่างไร

ใบที่ 1 บัตรเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง (สีม่วง) มีหมายเลขผู้สมัคร และช่องสำหรับกากบาท โดยไม่มีชื่อผู้สมัครและโลโก้พรรค

ใบที่ 2 บัตรเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ (สีเขียว) มีสัญลักษณ์ หรือเครื่องหมายของพรรคการเมือง และมีชื่อพรรคในบัตรเลือกตั้ง

วันที่ 14 พฤษภาคม 2566  เวลา 08.00-17.00 น. เข้าคูหากาบัตรเลือกตั้ง เลือกคนที่รัก และเลือกพรรคที่ชอบ

นอกจากนั้น สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งได้ ประชาสัมพันธ์ เชิญชวนประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งตรวจสอบรายชื่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป พ.ศ.2566 ซึ่งกำหนดให้จัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคม 2566 ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น.เป็นวันเลือกตั้ง และกำหนดวันเลือกตั้งล่วงหน้าในวันอาทิตย์ที่ 7 พฤษภาคม 2566 ทั้งนี้ สามารถตรวจสอบรายชื่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งได้ตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2566 เป็นต้นไป จากช่องทางต่าง ๆ ดังนี้

1.ตรวจสอบรายชื่อจากบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งได้ด้วยตนเอง ณ ที่เลือกตั้ง ศาลากลางจังหวัด ที่ว่าการอำเภอ ที่ทำการเขต ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบล สำนักงานเทศบาล ที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน หรือเขตชุมชนใกล้บ้าน

 2.ตรวจสอบรายชื่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งได้ที่เว็บไซต์ของสำนักบริหารการทะเบียน www.bora.dopa.go.th หรือผ่านแอปพลิเคชัน Smart Vote ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

 3.ตรวจสอบจากหนังสือแจ้งเจ้าบ้าน (ส.ส. 1/6) กรณีไม่พบชื่อ หรือมีชื่อผู้ไม่มีสิทธิ์เลือกตั้งปรากฏอยู่ในบัญชีรายชื่อ ให้ยื่นแบบคำร้องแจ้งเพิ่มชื่อ-ถอนชื่อ ต่อนายทะเบียนอำเภอ หรือนายทะเบียนท้องถิ่น

 สำหรับการตรวจสอบรายชื่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งผ่านระบบออนไลน์ สามารถทำได้อย่างสะดวกและรวดเร็วเพียงกรอกเลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลัก ก็สามารถเข้าถึงข้อมูลแสดงรายชื่อที่ตนมีสิทธิ์วันที่เลือกตั้ง จังหวัดและเขตที่มีสิทธิ์ สถานที่จะไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง

 ทั้งนี้ สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่เว็บไซต์ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง www.ect.go.th หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน 1444

วันเดียวกัน นายสุรพงษ์ ทิพย์โอสถ ผู้อำนวยการ กกต.ประจำจังหวัดกาฬสินธุ์ เปิดเผยหลังตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขต จำนวน 6 เขตเลือกตั้ง ซึ่งมีจำนวนผู้สมัครทั้งหมด 75 คน โดยในจำนวนนี้ไม่รับสมัคร 5 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ นายประภาส ยงคะวิสัย ผู้สมัครจากพรรคชาติไทยพัฒนา ตัวเต็ง เขต 5

ทั้งนี้ หากผู้สมัครทั้ง 5 คนเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือต้องการสงวนสิทธิ์ในการเป็นผู้สมัครลงเลือกตั้ง ส.ส. สามารถยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ไม่รับสมัคร หรือวันประกาศรายชื่อผู้สมัครแล้วแต่กรณี ตามมาตรา 49 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

 อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่รอผลการพิจารณาจากศาล ผู้สมัครทั้ง 5 คนดังกล่าวจะไม่สามารถหาเสียงใดๆ ได้ ในขณะที่ศาลจะแจ้งผลการพิจารณาอย่างช้าก่อนวันเลือกตั้ง 3 วัน

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์เรื่อง กกต.ตัดสิทธิ์ผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งจำนวน 71 คน มีผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ว่า ไม่มีเลย เราทำงานเรียบร้อยดี เพราะเรามีระบบงานที่เตรียมการมานาน

ด้านนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ความเป็นสถาบันทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย ที่มีคุณภาพมาตรฐานการทำงานและผ่านการเลือกตั้งมาหลายครั้ง ทำให้เราไม่มีปัญหาในเรื่องนี้ ซึ่งประชาชนจะได้มีความเชื่อมั่นว่าทุกครั้งของการเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยมีกระบวนการที่ยึดโยงตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด และมีระเบียบปฏิบัติที่เป็นมาตรฐาน ประชาชนจะได้เลือกผู้สมัครที่พรรคเพื่อไทยคัดสรรมาอย่างดี และเมื่อได้รับการเลือกตั้งก็พร้อมทำหน้าที่ ไม่เกิดปัญหาในภายหลัง สอดรับกับยุทธศาสตร์แลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทยที่เราประกาศมาแต่ต้น ผู้สมัครของเราทุกคนจึงต้องพร้อมเป็น ส.ส. และขอเชิญชวนประชาชนร่วมกันเลือกตั้งอย่างมียุทธศาสตร์ เลือกพรรคเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ไม่มีคะแนนตกน้ำ ให้เป็นรัฐบาลที่มีอำนาจเต็มในการแก้ไขปัญหาของประชาชน.