"องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน" รวบรวมข้อมูล นักการเมืองโกงในรอบ 10 ปี พบ 61 คดี นักการเมืองกระทำผิด 68 คน โครงการจำนำข้าวยุคยิ่งลักษณ์ เสียหายสูงสุด ตามด้วยคดีบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน ชี้เพียงแค่เศษเสี้ยวเพราะร้องเรียนจริงมหาศาล
องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ได้เผยแพร่ “รายงาน 10 ปีคดีโกงของนักการเมืองไทย” ผ่านเว็บไซต์และเฟซบุ๊กขององค์กร ซึ่งได้รวบรวมข้อมูลจากการนำเสนอข่าวโดยสื่อมวลชน เฉพาะคดีที่มีการชี้มูลความผิดโดย ป.ป.ช. มีการตัดสินคดีโดยศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ระหว่างปี พ.ศ.2555 ถึงปัจจุบัน โดยพบว่ามี 61 คดี และมีนักการเมืองกระทำผิด 68 คน
นายมานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) เปิดเผยถึง 61 คดีดังกล่าวว่า สามารถจำแนกตามลักษณะความผิด ดังนี้ (1) โกงเลือกตั้ง 25 คดี (2) ยื่นบัญชีทรัพย์สินเท็จ 9 คดี (3) โกงจัดซื้อจัดจ้างและฮั้วประมูล 8 คดี (4) เอื้อประโยชน์ให้ตนเองและพวกพ้อง 8 คดี (5) ประพฤติมิชอบหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ 3 คดี (6) แทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ 2 คดี (7) ร่ำรวยผิดปกติ 2 คดี (8) บุกรุกที่ดินหลวง 2 คดี (9) เรียกรับสินบน 1 คดี (10) เครื่องราชอิสริยาภรณ์ 1 คดี และสำหรับนักการเมือง 68 คนในที่นี้หมายถึง ส.ส., ส.ว., สนช., รัฐมนตรี ทั้งจากพรรคเล็ก พรรคใหญ่ ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน
“ข้อมูลนี้คือบทเรียนความเสียหายของแผ่นดินที่เกิดจากคอร์รัปชันโดยนักการเมือง องค์กรฯ จัดทำขึ้นด้วยเจตนาสุจริต ไม่ได้ต้องการจงใจใส่ร้ายผู้ใด แต่ต้องการให้ประชาชนตื่นตระหนักว่า อย่าลืมความเสียหาย อย่ายอมรับความหายนะอีกต่อไป การโกงซับ โกงซ้อน โกงซ่อนเงื่อน การพลิกแพลงกฎหมายและใช้โวหารจอมปลอมของนักการเมือง ทำให้เป็นเรื่องยากสำหรับประชาชนที่จะรู้เท่าทัน ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องต้องเรียนรู้ร่วมกันเพื่อหาทางป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำ” เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) กล่าว
เขากล่าวด้วยว่า โดยทั่วไปคดีคอร์รัปชันโครงการขนาดใหญ่มักมีนักการเมืองอยู่เบื้องหลัง ทำกันเป็นเครือข่ายและมีเจ้าหน้าที่รัฐร่วมด้วย อย่างไรก็ตามกลับพบว่าส่วนใหญ่มีแต่ข้าราชการที่ถูกดำเนินคดี เช่น คดีถุงมือยาง (ความเสียหาย 2,000 ล้านบาท) คดีสร้างโรงพัก (มูลค่า 5,848 ล้านบาท) และแฟลตตำรวจทั่วประเทศ (มูลค่า 3,700 ล้านบาท) เว้นแต่คดีนั้นจะมีหลักฐานแน่นหนาว่ากระทำโดยนักการเมือง เช่น คดีสนามฟุตซอล (มูลค่า 4,450 ล้านบาท) และคดีรุกป่า
ทั้งนี้ คดีที่ระบุได้ว่าสร้างความเสียหายให้ประเทศมูลค่าสูงสุดในรอบสิบปี ได้แก่ คดีโครงการจำนำข้าว (มูลค่า 1.3 แสนล้านบาท) ตามด้วยคดีบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน (มูลค่า 2.49 หมื่นล้านบาท) ไม่เพียงเท่านั้น เฉพาะ 8 คดีที่เกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างและฮั้วประมูล มีมูลค่าความเสียหายรวมกันราว 5.2 หมื่นล้านบาท
“ในแต่ละปีเกิดเรื่องอื้อฉาวและเรื่องร้องเรียนต่อ ป.ป.ช.และยื่นฟ้องต่อศาลจำนวนมาก แต่มีเพียงเศษเสี้ยวเท่านั้นที่ถูกชี้มูลและศาลตัดสินว่าผิดจริง คดีอื้อฉาวจำนวนมากใช้เวลาดำเนินคดีมากกว่า 10 ปี ถึง 30 ปีก็มี บางคดีผ่านไป 20 ปีเพิ่งแจ้งข้อกล่าวหา บางคดีเอาผิดใครไม่ได้เพราะหมดอายุความ และความผิดมีโอกาสเกิดขึ้นในทุกกระทรวงและหน่วยงานรัฐพอๆ กัน โดยไม่จำกัดว่าคนผิดต้องเป็นรัฐมนตรีที่มีอำนาจบริหารเท่านั้น แต่ ส.ส. กรรมาธิการ และเครือข่ายก็สามารถเชื่อมโยงกันทำร้ายบ้านเมืองได้ และนักการเมืองทั้งที่มาจากการเลือกตั้งและแต่งตั้งก็มีโอกาสคอร์รัปชันได้พอกัน” นายมานะกล่าว
รายงานนี้ยังระบุข้อมูลที่น่าสนใจด้วยว่า ในปี 2564 ไม่ปรากฏว่ามีคดีที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดนักการเมืองเลย และในการเลือกตั้งครั้งปี 2566 มีนักการเมืองหลายคนที่ถูกดำเนินคดีคอร์รัปชันกลับมาลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ทั้งที่รู้กันดีว่าผู้ถูกศาลตัดสินว่ามีความผิดในคดีคอร์รัปชันจะหมดสิทธิ์การเป็น ส.ส.แล้วเลือกตั้งใหม่ทันที
นอกจากนั้น ยังมีการตั้งข้อสังเกตว่ามีการดำเนินคดีนักการเมืองข้อหาร่ำรวยผิดปรกติน้อยมาก ทั้งที่พบว่า นักการเมืองแจ้งบัญชีทรัพย์สินให้ร่ำรวยมากขึ้นหรือลดลงอย่างผิดปรกติจำนวนมาก ขณะเดียวกันมีพฤติกรรมประหลาดของนักการเมืองเมื่อเกิดคดีความ หรือส่อว่าจะมีคดี เช่น จดทะเบียนหย่าจากคู่สมรส, เปลี่ยนชื่อ-นามสกุล เป็นต้น และมีคดีของอดีตนายกรัฐมนตรี แม้เสียชีวิตไปแล้ว แต่ทายาทยังต้องชดใช้ค่าเสียหายให้แก่รัฐ
สำหรับการประเมินมูลค่าความเสียหายจากการคอร์รัปชันนั้น เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันกล่าวว่า ยากที่จะประเมินเพราะไม่สามารถคำนวณความเสียหายต่อเนื่องที่ส่งผลกระทบต่อหน่วยงานและประชาชนได้ ทั้งปัญหาคุณภาพชีวิตและปัญหาปากท้อง ชัดเจนอย่างที่สุดคือ คอร์รัปชันเป็นตัวการตอกย้ำซ้ำเติมให้เกิดความเหลื่อมล้ำในสังคม เช่น การที่รัฐซื้อของแพง ได้ของไม่ดีหรือล่าช้าย่อมส่งผลให้เกิดอุปสรรคหรือด้อยคุณภาพในการให้บริการประชาชนด้วยเช่นกัน รวมถึงความเสียหายทางเศรษฐกิจ เกิดความไม่เป็นธรรมทางการค้าหรือความขัดแย้งในสังคมตามมา
“จากรายงานนี้ยิ่งเห็นชัดว่า หากเราเลือกนักการเมืองโกงเข้ามา ประเทศอาจล่มจมได้ และนี่คือบทเรียน" เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) กล่าว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ตั้งกก.สอบผกก.บางซื่อ ทนายปาเกียวเล็งทิ้งตั้ม
“ดีเอสไอ” เตรียมสรุปสำนวนคดี 18 บอสดิไอคอนเสนออัยการคดีพิเศษภายใน 20 ธ.ค.นี้
นิกรหักเพื่อไทย เตือนส่อผิดกม. ให้กมธ.ตีความ
“นิกร” หักข้อเสนอ “ชูศักดิ์” เลยช่วงเวลาแปลงร่างประชามติเป็นกฎหมายการเงินแล้ว
‘สนธิ’ลั่นการเมืองใกล้สุกงอม!
“อุ๊งอิ๊ง” เมินปม กกต.สอบครอบงำต่อ เด็ก พท.ยันเป็นการดำเนินการตามปกติ
จ่อส่งคดีหมอบุญให้DSI
ตร.สอบปากคำอดีตภรรยา-ลูกสาว “หมอบุญ” เพิ่มเติม
ทักษิณรอดคลุมปี๊บ! ส้มเหลวปักธงอุดรธานี ‘คนคอน’ตบหน้า‘ปชป.’
เลือกตั้ง อบจ. 3 จังหวัด “เพชรบุรี-อุดรธานี-นครศรีธรรมราช” ราบรื่น
‘ยิ่งลักษณ์’ กลับคุก ‘บิ๊กเสื้อแดง’ รู้มา! ว่าไปตามราชทัณฑ์ไม่ใช้สิทธิพิเศษ
“เลขาฯ แสวง” ยันเดินหน้าคดี “ทักษิณ-เพื่อไทย” ล้มล้างการปกครองต่อ เพราะใช้กฎหมายคนละฉบับกับศาล รธน. "จตุพร" ลั่นยังไม่จบ! ต้องดูสถานการณ์เป็นตอนๆ ไป