เงินไม่พอล้วงงบทหาร พท.เมินต้านลุยแจกหมื่น รทสช.โชว์บัตรลุงตู่ได้จริง

"เศรษฐา" เมินคลัง-ธปท.ห่วงแจกเงินดิจิทัลได้ไม่คุ้มเสีย มั่นใจทำถูกต้องโดนใจ ปชช. ย้ำไม่เก็บภาษีเพิ่ม ยันงบปี 67 เหลือ 2 แสนล้าน ไม่มีปัญหา พร้อมชี้แจง กกต. ย้อนบางพรรคใช้งบเยอะกว่าอีก "เฉลิม" ฟุ้ง พท.คิดรอบด้าน ลั่นถ้างบไม่พอก็ไปรื้องบทหารงบซื้อเรือดำน้ำและงบลับนายกฯ มาใช้   "จุรินทร์" ยอมรับนโยบาย ปชป.ไม่หวือหวาแต่ทำได้จริง ไม่อยากเห็นแจกเงินโดยไม่รับผิดชอบ สุดท้ายกรรมตกที่ ปชช. "มาดามเดียร์" ห่วงประชานิยมหวังครองใจ Voter "ศรีสุวรรณ" ร้อง กกต.อีก ชี้เมื่อเป็นคูปองหรือเหรียญจะเข้าข่ายขัด พ.ร.บ.เงินตราฯ จี้เร่งไต่สวน-สั่งระงับ

เมื่อวันที่ 12 เมษายน นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ระหว่างลงพื้นที่หาเสียงที่วัดเพชรสมุทรวรวิหาร (วัดบ้านแหลม) จ.สมุทรสงคราม กรณีกระทรวงการคลังชี้แจงคณะรัฐมนตรีถึงงบประมาณปี 67 หากหักงบประจำและงบต่อเนื่องแล้วจะเหลืองบประมาณ 2 แสนล้านบาท หากพรรคเพื่อไทย (พท.) เป็นรัฐบาล งบส่วนนี้จะเพียงพอหรือไม่ ว่า เราต้องมาปรับปรุงกัน ในเรื่องของการหารายได้เป็นเรื่องที่สำคัญ โดยงบประมาณที่เหลือกว่า 2 แสนล้านนั้นยืนยันว่าไม่เป็นปัญหา

ผู้สื่อข่าวถามกึงกรณีกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยมองว่าโครงการกระเป๋าเงินดิจิทัลจะได้ไม่คุ้มเสีย นายเศรษฐากล่าวว่า ทุกภาคส่วนมีความเป็นห่วง แต่เราก็มั่นใจในนโยบายของเราว่าเป็นนโยบายที่ถูกต้องและโดนใจประชาชน

เมื่อถามว่า หลายฝ่ายกังวลว่า 1 หมื่นคูณ 70 ล้านคน จะใช้งบมากเกินไป นายเศรษฐากล่าวว่า ปกติแล้วนี่ไม่ใช่ทางของตนเท่าไหร่ที่จะไปเปรียบเทียบกับคนอื่น แต่บางพรรคการเมืองที่ให้ 700 บาทต่อเดือนต่อคน คูณไปก็ 7-8 แสนล้านแล้ว ซึ่งเป็นการเฉลี่ย 4 ปี แต่ตนคิดว่าการทำเช่นนั้นเป็นการหยอดน้ำข้าวต้ม ไม่ได้เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบที่เราอยากให้เป็น เพราะประชาชนเดือดร้อนกันมานาน เขาต้องการการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งยิ่งใหญ่ วิธีที่เราใช้เป็นวิธีที่เราคิดมาแล้วว่าหาเงินได้ และผลตอบแทนที่กลับมาในรูปแบบภาษีก็ชัดเจน

"อย่างที่บอกว่าให้ไปศึกษาดูว่าบางพรรคการเมืองจริงๆ แล้วใช้จ่ายเยอะกว่า จริงๆ ไม่ใช่วิสัยของเราที่จะไปดูคนอื่นแล้วจะพูดคุย หน้าที่ของผม ในนามแคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย เรามีหน้าที่เดินสายพบปะพี่น้องประชาชน กระจายนโยบายดีๆ ที่เรามีให้พี่น้องประชาชนทราบ ซึ่งแต่ละพรรคก็มีวิธีการที่จะแถลงนโยบายแตกต่างกันไปให้พี่น้องประชาชนตัดสินวันที่ 14 พ.ค." นายเศรษฐากล่าว

เมื่อถามว่า หากโครงการนี้สะดุดจะมีโครงการอื่นมาเทียบเคียงหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า มีอยู่แล้ว เรามั่นใจว่านโยบายเราดี มีประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน วันที่ 14 พ.ค. ขอให้เข้าคูหากาพรรคเพื่อไทย

เมื่อถามต่อว่า โครงการนี้จะได้ภาษีกลับมาเพียงพอหล่อเลี้ยงโครงการต่อไปหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ยืนยันว่าอัตราการเก็บภาษีเท่าเดิม แต่จำนวนเม็ดเงินที่ได้เข้ามาจากการที่ห้างร้าน SME ภาคอุตสาหกรรมที่ได้ประโยชน์จากรายได้สูงขึ้นมายังภาษีนิติบุคคล ภาษี VAT ซึ่งทุกอย่างเท่าเดิม อัตราการเก็บเท่าเดิม 7% ยืนยันว่าเราไม่ได้ขึ้นภาษี ทั้งนี้ เราคิดไว้หมดแล้วว่าหากเราเก็บภาษีเท่าเดิมจะได้รายได้ เพิ่มขึ้นเท่าไหร่ ตามที่เคยมีการชี้แจงไป อย่างไรก็ตาม การได้เงิน 10,000 บาท จะไม่มีการหักภาษีใดๆ อย่าให้ใครเบี่ยงเบนความจริง

เมื่อถามว่า แปลกใจหรือไม่ว่าทำไม กกต.ถึงเพ่งเล็งพรรคเพื่อไทยเป็นพิเศษ นายเศรษฐากล่าวว่า “ไม่ครับ ท่านทำตามหน้าที่ท่าน เราเคารพการตัดสินใจและการทำงานขององค์กรอิสระ ไม่มีปัญหา ยืนยันว่าพร้อมที่จะชี้แจงตลอด”  เมื่อถามอีกว่า ยังไหวที่จะชี้แจงเรื่องนี้หรือไม่ นายเศรษฐายกแขนซ้ายเบ่งกล้าม ยิ้มมุมปาก พร้อมกล่าวว่า “ยังไหวครับ ไม่มีปัญหาครับ แข็งแกร่งครับ สู้”

'เหลิม'ขู่ตัดงบกองทัพ

ที่เขตบางแค ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง  ที่ปรึกษาศูนย์ปฏิบัติการเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่านโยบายเงินดิจิทัลไม่มีกฎหมายรองรับ และถ้าเข้าสภา ส.ว.จะคว่ำนโยบายนี้ว่า นายไพบูลย์พูดไร้สาระ เหมือนมีคนเขียนบทละครมาให้พูด คนที่วิพากษ์วิจารณ์นโยบาย พท.เขาตกใจกับนโยบาย พท. เพราะทีมงาน พท.ได้คิดผลิตนโยบายออกมาอย่างละเอียดรอบด้าน ตอบโจทย์ทั้งในมิติเศรษฐศาสตร์ มิติด้านกฎหมาย มิติด้านสังคม นโยบายเดียวสามารถแก้ปัญหาให้พี่น้องได้หลายมิติในเวลาเดียวกันและทรงพลังจนพวกเขาเหล่านั้นนั่งอยู่นิ่งเฉยไม่ได้ ดังนั้นถ้าใครถามอะไร พท.ตอบได้หมด

ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ บอกว่า งบประมาณปี 2567 เหลืองบประมาณให้ใช้แค่ไม่ถึง 200,000 ล้านบาทเท่านั้น ตนขอบอกว่าที่เงินไม่พอก็เพราะพวกคุณใช้กันไปแบบไร้ประโยชน์ และถ้าเงินไม่พอจริง ผมก็จะไปรื้องบทหาร งบซื้อเรือดำน้ำ และงบลับของนายกรัฐมนตรีที่เขาปิดปากเงียบไม่เอ่ยถึง ถ้าไม่พอเราจะไปค้นมาใช้เอง

 “บอกเงินเหลือแค่ 2 แสนล้านบาทไม่พอใช้ ไม่เป็นไร ถ้าเงินไม่พอ งบเรือดำน้ำเราจะซื้อไปทำไม กฎหมายเรารู้  ระบบราชการเรารู้ เราจะไปรื้องบทหาร งบลับที่นายกฯ นั้นแหละถืออยู่เงียบๆ เราจะไปเอางบที่ใช้กันอีลุ่ยฉุยแฉก เอามาเป็นงบมาใช้เพื่อปากท้องและความกินอยู่ที่ดีของประชาชน” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว

ด้านนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พท. กล่าวว่า ทีมงานของ พท.ทำงานอย่างมียุทธศาสตร์ มีหลักคิด ทุกนโยบายเช่นนโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท ตอบโจทย์อย่างสมบูรณ์แบบ เพราะเราคิดทั้งระบบภาพรวม ไม่ได้คิดออกมาเป็นส่วนๆ ดังนั้นถ้ามีคนวิพากษ์วิจารณ์นโยบายจุดไหน เราพร้อมยินดีตอบคำถาม และขอให้พี่น้องเชื่อใจว่า ทุกนโยบายของเพื่อไทยทำได้ ทำจริง และถ้าเลือกเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์เป็นรัฐบาลเมื่อใด เราจะลงมือทำนโยบายทันทีให้ประสบความสำเร็จเหมือนสมัยที่พรรคไทยรักไทยเคยทำในอดีต

ขณะที่นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพมหานคร พท. กล่าวว่า เงินดิจิทัล 10,000 บาทที่จะช่วยพี่น้องให้ฟื้นจากเศรษฐกิจที่ล้มฟุบได้ทันที เลือกเพื่อไทยไม่ลังเลใจ เลือกเพื่อไทยทั้ง 2 ใบ

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้สัมภาษณ์ระหว่างลงพื้นที่เขตสายไหม บางเขน ลาดพร้าว ที่สโมสรเสนาฯ  นิเวศน์ พร้อมด้วยทีมกรุงเทพฯ ถึงกรณีที่ กกต.ให้พรรคการเมืองชี้แจงรายได้ที่จะนำมาใช้ในการดำเนินนโยบายที่หาเสียงกับประชาชน โดยยืนยันว่า ปชป. แจงเป็นเล่มนโยบายสรุปต่อ กกต.ตามขั้นตอนและเงื่อนไขที่ กกต.กำหนดแล้ว นโยบายของ ปชป. ไม่มีปัญหา แม้จะไม่หวือหวา แต่อยู่บนพื้นฐานของความรับผิดชอบต่อประชาชนและประเทศ

ห่วงแจกเงินกรรมตกกับ ปชช.

 “พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองหนึ่งในไม่กี่พรรคการเมืองที่มียุทธศาสตร์นโยบายไม่เน้นการแจกเงิน แต่มีนโยบายที่เน้นการหาเงินและสร้างเงินให้กับประเทศและประชาชน มีนโยบายประกันรายได้ให้กับประเทศและคนไทย ที่อย่างน้อยหากพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล จะสามารถนำเงินเข้าประเทศจากการท่องเที่ยวและการส่งออกได้ไม่ต่ำกว่า 85 ล้านล้านบาท ซึ่งทีมเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์ได้ประเมินมาแล้ว และสามารถทำได้จริง” หัวหน้าพรรค ปชป.กล่าว

นายจุรินทร์กล่าวว่า ปชป.มีนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน ทั้งประกันรายได้เกษตรกร และเกษตรกรจะได้รับเงิน 30,000 บาทเพื่อสนับสนุนการแก้ปัญหาการประมงให้เพียงเทียบเท่า IUU ส่งเสริม start up รวมถึงธนาคารหมู่บ้านและชุมชน ซึ่งเป็นคนละส่วนกับกองทุนหมู่บ้าน ขอให้ประชาชนไตร่ตรองนโยบายของพรรคการเมือง ที่ต้องไม่หลอกเอาคะแนนเสียงประชาชนเพื่อให้ผ่านการเลือกตั้ง หรือต้องกู้เงินมาเพื่อสนองนโยบายต่างๆ ที่จะไม่เกิดประโยชน์ต่อประชาชน เนื่องจากหน่วยงานด้านเศรษฐกิจชี้แจงในที่ประชุมครม.ว่า ในปีงบประมาณปี 2567 เหลืองบประมาณสำหรับการดำเนินนโยบายของพรรคการเมือง หลังการเลือกตั้งไม่เกิน 200,000 ล้านบาทเท่านั้น

"เราไม่ต้องการเห็นการแจกเงินเพียงอย่างเดียวโดยไม่รับผิดชอบ คิดเพียงขอให้ได้คะแนนเสียง และสุดท้ายกรรมจะไปตกที่ประชาชน เพราะถ้าพรรคการเมืองมีนโยบายแจกเงินมากกว่านี้ งบประมาณก็จะไม่เพียงพอ และสุดท้ายก็ต้องไปขึ้นภาษีหรือต้องกู้เพิ่ม”

ส่วน กกต.จำเป็นต้องตรวจสอบนโยบายที่แจกเงินหรือไม่ นายจุรินทร์กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของ กกต.ที่ต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเที่ยงธรรม ทั่วถึงและเท่าเทียม ไม่ยกเว้นพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง

น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง ปชป. กล่าวถึงนโยบายกองทุนไอเดีย 10,000 ล้านบาท ของ ปชป. หลัง กกต.ให้พรรคการเมืองชี้แจงว่า ที่มาของเงินแจกแจงได้ชัดเจน ทั้งเงินที่มาสนับสนุนจากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือ กองทุน USO ของสำนักงาน กสทช. และภาษีจากอุตสาหกรรมบันเทิง

ส่วนนโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท ของพรรคเพื่อไทยนั้น น.ส.วทันยากล่าวว่า ทุกๆ นโยบายที่แต่ละพรรคการเมืองเป็นเรื่องที่ดี ในการเสนอขายนโยบายให้กับประชาชน แต่ตามที่นักวิชาการหลายฝ่ายกังวลว่าอาจจะเป็นนโยบายที่เป็นแนวประชานิยม เพื่อหวังครองใจ Voter (ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง) แต่หลายนโยบายมีการใช้เม็ดเงินจำนวนสูงมาก จึงเกิดคำถามว่าจะนำเม็ดเงินจากที่ไหนอย่างไร

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของ ทสท.  กล่าวถึงกรณี กกต.ให้พรรคการเมืองชี้แจงนโยบายหาเสียงที่เกี่ยวข้องกับการใช้จ่ายเงินว่า ไม่มีความกังวล มั่นใจว่าสามารถชี้แจงได้หมด เพราะไม่ได้ใช้งบประมาณจำนวนมาก เนื่องจากนโยบายทสท.ไม่เน้นการแจกเงิน แต่เน้นการจ้างงานและให้ได้รับประโยชน์ตามสิทธิ์ที่ควรได้รับ และทุกนโยบายมีผลตอบแทนกลับมาทางด้านเศรษฐกิจจำนวนมาก เช่น นโยบายบำนาญประชาชน 3,000 บาท ที่จะต้องมีให้กับคนไทยที่ทุกคนควรจะได้รับเมื่อเกษียณอายุ เพื่อให้เพียงพอต่อการเลี้ยงชีพ และลดภาระลูกหลาน ซึ่งถือเป็นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน

 “เราไม่ได้แจกผ่านบัตร เราโอนเงินสดเข้าบัญชีผู้สูงอายุ เบิกมาใช้อะไรก็ได้ ใช้ใกล้บ้าน ซึ่งผู้สูงอายุก็จะใช้ทั้งหมดจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งตามทฤษฎีของแบงก์ชาติ หมุนเวียน 3 รอบ เงินเราใช้ 3 แสนล้านบาทต่อปี เท่ากับเพิ่มกำลังซื้อใหม่ ปีละ 1.2 ล้านล้านบาท ที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก นี่คือนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจ และไม่ได้ให้ฟรี แต่ให้พร้อมหน้าที่ เป็นการให้บำนาญ 3,000 บาท ที่คนได้รับไปต้องไปสร้างสุขภาพให้แข็งแรง ถ้ารับไปแล้วไปเล่นไพ่ กินเหล้า ตรวจเจอจะต้องถูกตัดเงิน เราต้องให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง เพื่อลดค่ารักษาพยาบาลของรัฐและของครอบครัว ถ้าเปรียบเทียบกับนโยบายที่แจกเงินเฉยๆ ของหลายพรรคถึงแม้จะแจกน้อยหรือแจกมาก 600, 700, 1,000 หรือ 10,000 บาท และแจกครั้งเดียว แต่ของพรรคจะเป็นการแก้ไขปัญหาได้ตรงจุดและแก้อย่างยั่งยืน ทำให้เศรษฐกิจฐานรากฟื้นตัวอย่างมั่นคง นี่คือสิ่งที่ยืนยันว่าเราคิดอย่างครบวงจร” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว

จี้ กกต.ไต่สวน-สั่งระงับ

วันเดียวกัน นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นหนังสือเพื่อขอให้ กกต. ตรวจสอบนโยบายหาเสียงของพรรคเพื่อไทยที่จะแจกเงินดิจิทัล ซึ่งล่าสุดได้ชี้แจงว่าไม่ใช่คริปโตเคอร์เรนซี แต่เป็นคูปองหรือเหรียญ ว่าขัดต่อ พ.ร.บ.เงินตรา 2501 หรือไม่ การที่พรรคเพื่อไทยยืนยันเป็นเงินดิจิทัลเพื่อไทย แสดงว่าเพื่อไทยพยายามจะฉีกตัวเพื่อหนีจากกฎหมาย พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล 2561 เมื่อจะหนีกฎหมายก็อาจจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.เงินตรา 2501 ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม เพราะในมาตรา 9 กำหนดชัดเจนว่า ห้ามผู้ใดใช้หรือแจกจ่ายหรือให้วัตถุอันมีค่าเป็นทรัพย์สิน ไม่ว่าจะอยู่ในรูปของเหรียญหรือคูปอง

นายศรีสุวรรณกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยกำลังสุ่มเสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมาย พ.ร.บ.เงินตรา จึงขอให้ กกต.ไต่สวนและวินิจฉัย หากเข้าข่ายผิด ขอให้ กกต.สั่งระงับการดำเนินการนโยบายนี้เป็นการด่วน เพราะอำนาจตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา  22 ให้อำนาจ กกต. โดยเฉพาะนายทะเบียนพรรคการเมือง ต้องรีบแจ้งไปยังพรรคถึงสิ่งที่ผิดกฎหมายหรือขัดรัฐธรรมนูญหรือระเบียบ กกต.

 “ผมจับจุดได้ว่าเมื่อเขาปฏิเสธว่าเงินดิจิทัลไม่ใช่คริปโตเคอร์เรนซี เพราะถ้ายอมรับว่าเป็นคริปโตฯ ต้องทำตาม พ.ร.ก.การประกอบการสินทรัพย์ดิจิทัลปี 2561 ซึ่งมีขั้นตอนการใช้เงิน แต่เมื่อเขาปฏิเสธ ก็ต้องเข้าไปสู่ พ.ร.บ.เงินตรา ซึ่งจะมาใช้หรือกำหนดขึ้นเองไม่ได้ ไม่เช่นนั้นจะเหมือนเบี้ยกุดชุม ที่กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยวินิจฉัยว่าเป็นการกำหนดเงินตราขึ้นมาโดยผิดกฎหมาย ในที่สุดก็ต้องยกเลิกการใช้ การที่พรรคเพื่อไทยกำหนดเงินดิจิทัลขึ้นมาไม่ใช่คริปโตฯ ก็จะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากวัตถุหรือสิ่งอื่นใดที่คล้ายเงินตราตามกฎหมายเงินตรา” นายศรีสุวรรณกล่าว

ด้านนายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระ ออกบทความเรื่อง “แจก “เงินดิจิทัล” : สินบนเลือกตั้ง???” มีเนื้อหาสรุปว่า ตามความเข้าใจของผมนั้น “เงินดิจิทัล” ของเพื่อไทย ก็คล้ายกับคูปอง ที่เราต้องซื้อเวลาไปศูนย์อาหารตามห้างสรรพสินค้า ซื้อมาแล้วก็ใช้ได้แต่ซื้ออาหารในศูนย์นั้นเท่านั้น เงินดิจิทัลที่เพื่อไทยจะแจกก็เหมือนกัน คือแจกให้ทุกคนที่อยู่ในเขตชุมชนรัศมี 4 กิโล ให้ได้คูปองไปซื้อหาสินค้าในวงสี่กิโลเมตรนี้ได้ ถามว่าถ้าผมไปเป็นผู้สมัคร ส.ส. แล้วประกาศว่า ชนะเลือกตั้งเมื่อไหร่ ห้างเดอะมอลล์จะแจกคูปองอาหารให้พี่น้อง 6 เดือนเลย อย่างนี้ผมผิด กฎหมายเลือกตั้งฐานสัญญาว่าจะให้ไหม ผิดครับ คุณจะให้เองหรือ เดอะมอลล์ให้ ก็ผิดเหมือนกัน กกต. น่าจะไต่สวนให้ละเอียด ให้ปรากฏออกมาเลยว่า โครงการนี้มันเป็นสินบนเลือกตั้ง หรือเป็นนโยบายที่งี่เง่าโดยสุจริตเท่านั้น.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง