ไพบูลย์ปิดประตูพท.-กก.

“ไพบูลย์” กร้าว “พปชร.” ไม่ร่วม “เพื่อไทย-ก้าวไกล” รับไม่ได้กับหลายนโยบาย ยันไม่เคยมีดีลลับ อ้าง คุยผู้ใหญ่ในพรรคแล้วพร้อมรับผิดชอบคำพูดตัวเอง "ธนกร" ฟิตวางเกมรุก รทสช.สู้ศึกเลือกตั้ง นัดถกคณะทำงาน 2ชุดรวด "ปชป." ลุยสมุทรสาคร-กระบี่ "มาดามเดียร์“ โวกระแส ปชป.ใน กทม.ดีขึ้น เหตุ 8 ปีฝากชีวิตกับ "ประยุทธ์" ไม่ได้ "เศรษฐา” ลุยกาดเมืองใหม่ ปัดเป็นนอมินีให้ใคร ลั่นคนที่ครอบงำได้คือ ปชช.   

ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) วันที่ 10 เมษายน นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค พปชร. กล่าวถึงจุดยืนทางการเมืองของ พปชร.ว่า พปชร.มีนโยบายก้าวข้ามความขัดแย้ง มุ่งที่จะเดินหน้ากำจัดปัญหาความขัดแย้งที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อน เพื่อให้ประชาชนอยู่ดีกินดี ขจัดความยากจนให้สิ้นไป โดยจะมีนโยบายมานำเสนออีกในเร็วๆ นี้ ส่วนจุดยืนของ พปชร.เรามีความเชื่อมั่นในหลักการที่จะดำเนินการกิจการต่างๆ ของพรรคให้เป็นไปอย่างถูกต้อง ดังนั้น กรณีที่ปรากฏเป็นข่าวว่าเราจะไปร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย (พท.) หรือพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ตนขอถือโอกาสนี้แถลงอย่างเป็นทางการว่า เราไม่ร่วมด้วยกับ พท.และ ก.ก. เราต้องการสร้าง พปชร.ให้เป็นพรรคที่ทำประโยชน์ให้ประชาชน เป็นตัวแทนในการทำหน้าที่ในจุดยืนที่ประชาชนยึดมั่น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ทำให้พรรคเป็นที่พึ่งของประชาชนในการขจัดความยากจน 

 “การที่บางพรรคไปกล่าวอ้างต่างๆ นานา หรือมีกระแสข่าวแพร่ออกมา ไปจนกระทั่งเป็นความเข้าใจผิดว่าพรรคเราไปมีดีลร่วมกับพรรคเพื่อไทยหรือพรรคก้าวไกลขอแถลงในวันนี้ว่าไม่จริง และเราไม่ประสงค์ด้วย ไม่ประสงค์ที่จะร่วมมือใดๆ เราต้องการเป็นพรรคการเมืองที่มีอิสระ มีเอกภาพในการที่จะแก้ไขปัญหาให้ประชาชนได้อย่างสมบูรณ์” นายไพบูลย์กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ประกาศว่าจะไม่จับมือได้คุยกับหัวหน้าพรรคและแกนนำพรรคแล้วใช่หรือไม่ นายไพบูลย์ กล่าวว่า ได้คุยกับผู้ใหญ่ของพรรคแล้ว เราไม่ร่วม ขอให้เกิดความชัดเจน เมื่อถามว่า การประกาศไม่ร่วมเฉพาะช่วงนี้ หรือหลังการเลือกตั้งค่อยว่ากันอีกที นายไพบูลย์ กล่าวว่า หลักการไม่ร่วมก็เป็นหลักการไม่ร่วม และเหตุผลที่เราไม่ร่วมเพราะมีนโยบายที่เรารับไม่ได้หลายเรื่อง เราไม่เห็นด้วยกับนโยบายเหล่านั้น 

เมื่อถามว่า จะสวนทางกับแนวทางพรรคที่ต้องการก้าวข้ามความขัดแย้งหรือไม่ นายไพบูลย์กล่าวว่า การที่เราไม่ร่วมเกิดจากการไม่เห็นด้วยกับนโยบายของพรรคเหล่านั้น เป็นการใช้สิทธิตามระบอบประชาธิปไตย แต่เราไม่ได้ไปสร้างความรุนแรงหรือไปทำอะไรต่างๆ เพียงแค่แถลงจุดยืนว่าเราไม่สบายใจกับนโยบายต่างๆ ของพรรคที่เอ่ยไป เมื่อซักว่า นโยบายอะไรที่ไม่เห็นด้วย นายไพบูลย์ กล่าวว่า ขอเว้นส่วนนั้นไว้ แต่คงจะทราบกัน

เมื่อถามว่า ที่แถลงในวันนี้เป็นเพราะพรรคเพื่อไทยประกาศไม่ร่วมงานกับทั้ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ใช่หรือไม่ นายไพบูลย์กล่าวว่า ไม่จริง ในช่วงที่ผ่านมาเราไม่แสดงความเห็น เพราะการเสนอนโยบายยังไม่มีความชัดเจน แต่เมื่อพรรคต่างๆ เสนอนโยบายมาแล้ว เราก็มีสิทธิ์ที่จะรู้ว่าพรรคไหนที่ร่วมได้และร่วมไม่ได้ และรับนโยบายเหล่านั้นได้หรือไม่ และเมื่อเราดูทั้งสองพรรคนั้นเรารับไม่ได้ ซึ่งพรรคก้าวไกลมีปัญหามากที่สุด พรรคเพื่อไทยเป็นลำดับที่สอง ทั้งสองพรรคอยู่ในเกณฑ์ที่เราไม่สบายใจกับนโยบาย จึงคิดว่าไม่น่าร่วม 

เมื่อถามว่า การแถลงเรื่องนี้ พล.อ.ประวิตรรับทราบหรือไม่ นายไพบูลย์เลี่ยงตอบว่า “ผมรับผิดชอบคำพูดผม”

'ธนกร' ฟิตถกคณะทำงาน 2 ชุด

ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)ว่า หลังจากที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค ได้ลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานสื่อสารและการประชาสัมพันธ์ ที่มีนายธนกร วังบุญคงชนะ ในฐานะคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรคเป็นหัวหน้าคณะทำงานนั้น ทั้งนี้ยังได้แต่งตั้งคณะทำงานจัดกำหนดการหาเสียงและการปราศรัยด้วย โดยมีนายธนกรเป็นหัวหน้าคณะทำงานเช่นกัน ขณะที่คณะทำงาน ประกอบด้วย นายสุชาติ ชมกลิ่น, นายอนุชา นาคาศัย, นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู, นายอนุชา บูรพชัยศรี, นายเสกสกล อัตถาวงศ์, นายดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง นอกจากนี้ยังมี นายเกชา ศักดิ์สมบูรณ์ เป็นคณะทำงานและเลขานุการ นายบุญยอด สุขถิ่นไทย, น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ และนายสยาม บางกุลธรรม เป็นคณะทำงานและผู้ช่วยเลขานุการ รวมถึงมีนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี, นายวิทยา แก้วภราดัย และนายจุติ ไกรฤกษ์ เป็นที่ปรึกษาคณะทำงาน

ทั้งนี้ คณะทำงานจัดกำหนดการหาเสียงและการปราศรัย มีอำนาจหน้าที่กำหนดตารางการหาเสียงและกำหนดการปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งของพรรคในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ให้เป็นไปโดยเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ โดยนายธนกรจะเรียกประชุมคณะทำงานทั้ง 2 ชุดเป็นนัดแรกวันที่ 11 เม.ย. เวลา 14.30 น. และเวลา 15.30 น.ที่ รทสช.

นอกจากนี้ รทสช.ยังได้มีการแต่งตั้งคณะทำงานอำนวยการการเลือกตั้ง ส.ส.ขึ้นมา เพื่อกำกับดูแลและสนับสนุนการหาเสียงเลือกตั้งของผู้สมัคร ส.ส.ของ รทสช.ในแต่ละเขตเลือกตั้งให้เป็นไปโดยเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ ทั้งหมด 24 คน โดยมีที่ปรึกษา 5 คน ได้แก่ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค, นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี,นายชัชวาลล์ คงอุดม, พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง, นายชุมพล กาญจนะ และให้นายจุติ ไกรฤกษ์ เป็นหัวหน้าคณะทำงาน

ด้านนายอนุชา บูรพชัยศรี ในฐานะผู้บริหาร รทสช.   ลงพื้นที่หาเสียงเพื่อขอคะแนนให้นายเขตรัฐ เหล่าธรรมทัศน์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตคลองเตย วัฒนา เบอร์ 10 และเบอร์ 22 เบอร์ของพรรค โดยได้สร้างความเข้าใจให้แก่ประชาชนในพื้นที่ถึงผลงานของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของ รทสช.ที่ได้ทำมาแล้วมากมาย จนกลายเป็นสโลแกนที่ติดปาก “ทำแล้ว ทำอยู่ และทำต่อ” โดยได้รับการต้อนรับจากประชาชนในพื้นที่อย่างอบอุ่น ส่วนใหญ่บอกตรงกัน “พวกเรามีหัวใจเดียวกัน”

ขณะที่นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการ รทสช.พร้อมด้วยนายเกรียงยศ สุดลาภา ผู้บริหารพรรค ลงพื้นที่ชุมชนโกสุมรวมใจ หมู่ 1-2 และชุมชนริมคลองเปรมประชา เขตดอนเมือง ขอคะแนนเสียงสนับสนุน น.ส.ณัฐวรินธร บวรภัควุฒิศิริ (อาจารย์อิ๊ก) ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตดอนเมือง โดยร่วมพูดคุยถึงนโยบายพรรคและตอบคำถามประชาชนในพื้นที่ พร้อมรับฟังปัญหาและร่วมพูดคุยกับประชาชนชุมชนริมคลองเปรมประชาถึงปัญหาต่างๆโดยระหว่างลงพื้นที่มีประชาชนให้กำลังใจทักทายและขอถ่ายภาพด้วยจำนวนมาก

ปชป.ซัดฝากชีวิตกับ 'บิ๊กตู่' ไม่ได้

ด้านพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค พร้อมคณะเดินทางมายัง จ.สมุทรสาคร เพื่อช่วยผู้สมัคร ส.ส.สมุทรสาครหาเสียง โดยเริ่มด้วยการสักการะองค์พระหลักเมือง ที่ศาลหลักเมืองจังหวัดสมุทรสาคร จากนั้นมีประชาชนในพื้นที่เข้ามายื่นหนังสือเพื่อร้องเรียนปัญหาแรงงานต่างด้าวเข้ามาแย่งงานในประเทศ ซึ่งนายจุรินทร์ก็ได้รับหนังสือไว้ จากนั้นไปเดินในตลาดมหาชัย โดยนายจุรินทร์กล่าวว่า แต่เรื่องนี้ก็จำเป็นต้องมีข้อจำกัดว่า แรงงานต่างด้าวจะเข้ามาทำอะไรผิดกฎหมายไม่ได้ โดยเฉพาะการจะมาทำธุรกิจเองในประเทศไทยเหมือนคนไทยนั้นทำไม่ได้

ส่วนนายบัญญัติ บรรทัดฐาน ประธานกรรมการสภาที่ปรึกษา และอดีตหัวหน้าพรรค ปชป. พร้อมด้วย น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง ลงพื้นที่อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ ช่วยหาเสียงให้ น.ส.พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล ผู้สมัคร ส.ส.กระบี่ เขต 3 หมายเลข 5 ของพรรค โดย น.ส.วทันยาปราศรัยว่า ขอให้ประชาชนสนับสนุนและช่วยเลือก ส.ส.ที่ไม่ขายตัว ไม่ขายจิตวิญญาณ ไม่ขายอุดมการณ์ และหวังว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ประชาชนจะเลือกอย่างรอบคอบ เพราะเรากำลังจะเลือกอนาคตให้ตัวเอง และเลือกอนาคตให้ลูกหลาน  

"วันนี้กระแสของ ปชป.ที่ กทม.เริ่มดีขึ้น เพราะเขารู้แล้วว่า 8 ปีที่ผ่านมาฝากชีวิตไว้กับ พล.อ.ประยุทธ์ไม่มีอะไรดีขึ้น และเขารู้แล้วว่าสุดท้ายแล้วพรรคการเมืองที่เป็นสถาบันการเมือง พรรคการเมืองที่อยู่คู่คนไทย พรรคการเมืองที่ได้รับความไว้วางใจมาถึง 77 ปี มีเพียงพรรคเดียว คือพรรคประชาธิปัตย์" น.ส.วทันยาระบุ

ช่วงเช้าวันเดียวกัน ที่ จ.เชียงใหม่ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย (พท.) และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ลงพื้นที่กาดเมืองใหม่หาเสียงช่วยนายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ผู้สมัครส.ส.เชียงใหม่ เขต 1 หมายเลข 1 โดยมีนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย นายจักรพงษ์ แสงมณี นายทะเบียนพรรค เดินทางมาด้วยเพื่อพบปะพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนที่มาจ่ายตลาด ซึ่งต่างมาให้กำลังใจและขอถ่ายรูปกันอย่างอบอุ่น พร้อมส่งเสียงเชียร์ว่าพรรค พท.ชนะแน่นอน ทั้งนี้ นายเศรษฐาได้ถือโอกาสทำบุญใส่บาตรพระในช่วงเช้าของวันนี้ เพื่อเอาฤกษ์เอาชัยในการลงพื้นที่หาเสียง จ.เชียงใหม่

จากนั้นเวลา 07.50 น. นายเศรษฐาและคณะเดินทางไปยัง ถ.นิมมานเหมินทร์ อ.เมืองเชียงใหม่ เพื่อพูดคุยกับ ส.ส.และประชาชนในพื้นที่เกี่ยวกับปัญหาฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่

นายเศรษฐากล่าวกรณีนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ แกนนำ พปชร. ปราศรัยโจมตีว่าหากพรรค พท.ได้เป็นรัฐบาล นายเศรษฐาได้เป็นนายกฯ จะต้องฟังนายใหญ่ที่เป็นเจ้าของพรรคตัวจริง หรือต้องเป็นน้องเขยเท่านั้นถึงจะตัดสินใจอะไรได้ ว่าก็เป็นความคิดของนายชัยวุฒิ อยากพูดอะไรก็พูดไปแล้วกัน วันนี้เรามีหน้าที่เผยแพร่นโยบายทำให้ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพมากขึ้น และทำให้ปัญหาปากท้องหายไป เดินหน้าทำงานให้ประชาชนที่เป็นเจ้าของประเทศ เจ้าของอำนาจอธิปไตย ซึ่งเราต้องให้เกียรติ

'เศรษฐา' ปัดนอมินี 'แม้ว'

เมื่อถามว่า จะสร้างความมั่นใจให้ประชาชนได้อย่างไรว่า หากเป็นรัฐบาลแล้วจะสามารถเดินหน้านโยบายด้วยตัวเองในฐานะแคนดิเดตนายกฯ นายเศรษฐากล่าวว่า พรรค พท.มีแคนดิเดตนายกฯ 3 คน เชื่อว่าเรามี ส.ส.เก่งๆ จำนวนมากที่จะมาผลักดันนโยบาย กำกับดูแลการทำงานของฝ่ายบริหารให้ดีขึ้น

เมื่อถามอีกว่า จะลบภาพนอมินีอย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า “ผมไม่เคยเป็นนอมินีให้ใครอยู่แล้ว” เมื่อถามย้ำว่าจะไม่ถูกครอบงำใช่หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า “ผมไม่ถูกครอบงำ แต่ผมถูกครอบงำโดยประชาชนอย่างเดียวเท่านั้น”

ที่พรรคเพื่อไทย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำพรรคเพื่อไทย พบปะกับผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทยทั่วประเทศ กว่า 200 คน เพื่อมอบแนวทางการสื่อสารนโยบายของพรรคกับพี่น้องประชาชน รวมถึงรับฟังความคิดเห็นและเสียงสะท้อนของแต่ละจังหวัด

โดยนายสมศักดิ์กล่าวว่า จากประสบการณ์ของตน  คนที่จะเลือก พท.แบ่งเป็น 4 กลุ่ม คือ 1.ญาติพี่น้อง 2.เพื่อนสมัยเรียน รวมถึงครู 3.ผลงานการช่วยส่วนรวม 4.นโยบายพรรค ซึ่งขณะนี้ผู้สมัครของ พท.ทุกคนได้เปรียบ เพราะยังไม่มีพรรคใดมีนโยบายที่ดีกว่า พท.แน่นอน จึงเชื่อมั่นว่านโยบายเติมเงินกระเป๋าดิจิทัล 1 หมื่นบาท จะทำให้ทุกคนชนะการเลือกตั้ง เพราะขณะนี้กระแสแรงเหลือล้น ทุกฝ่ายจึงให้ความสนใจ ส่วนพรรคอื่นเขาคิดนโยบายไม่ทัน จึงอาจใช้ปัจจัยอื่นมาสู้กับนโยบายของ พท. ดังนั้น เราต้องรักษาคะแนนไว้ให้ได้

"การที่จะให้พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลต้องเลือกทั้งคน และพรรคแบบแลนด์สไลด์ เพราะรัฐธรรมนูญปี 60 กำหนดให้ ส.ว. 250 คนมาร่วมกับ ส.ส. 500 คน เลือกนายกรัฐมนตรีด้วย ดังนั้น การจัดตั้งรัฐบาลเสียงต้องเกินครึ่งของ 750 เสียง คือ 376 เสียง เราต้องเร่งทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน ให้ช่วยกันเลือกพรรคเพื่อไทยทั้งคนและพรรค เบอร์ 29 แบบแลนด์สไลด์ เพื่อให้เสียงของพี่น้องประชาชนโดยตรงชนะเสียง 250 ส.ว. พรรคเพื่อไทยจะได้จัดตั้งรัฐบาล ขับเคลื่อนนโยบายเพื่อพี่น้องประชาชนให้อยู่ดีกินดีขึ้น” นายสมศักดิ์กล่าว

วันเดียวกัน ที่ทำการศูนย์ประสานงานพรรคก้าวไกล จังหวัดตราด นายศักดินัย นุ่มหนู อดีต ส.ส.ตราด พรรคก้าวไกล และผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ตราด เบอร์ 1 ให้การต้อนรับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล ที่ได้เดินทางมาหาเสียงช่วยเหลือนายศักดินัย โดยมีรถแห่ 3 คัน

ก่อนออกเดินพบปะประชาชน นายธนาธรกล่าวว่า เรื่องรัฐสวัสดิการในความหมายของพรรคก้าวไกลนั้น จะดูแลประชาชนตั้งแต่เกิดจนถึงตาย ซึ่งเราจะต้องอธิบายเรื่องการจัดเก็บภาษีจากคนรวยมาช่วยเหลือคนจน ซึ่งคือที่มาของรายได้ของรัฐบาลที่จะนำมาช่วยเหลือคนจน และที่เน้นย้ำก็คือ จะแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ที่ร่างโดยเผด็จการรัฐประหาร เป็นรัฐธรรมนูญที่สืบทอดอำนาจของทหาร ส่วนการเข้าร่วมรัฐบาลก็พร้อมเข้าไปร่วมจัดตั้งด้วยทุกพรรคการเมือง ยกเว้นพรรคการเมืองจำแลงที่เป็นของฝ่ายทหาร.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ฟิล์ม-รัฐภูมิ ยื่น กกต.ไขก๊อกพ้นสมาชิก พปชร. ‘ไพบูลย์’ ชี้เรื่องส่วนตัวไม่กระทบพรรค

เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัว ที่ยังไม่รู้ว่าเขาผิดหรือเขาถูก เพราะเราไม่เกี่ยวข้อง และเรื่องนี้ไม่กระทบกับภาพลักษณ์พรรค ไม่ทำให้เรามีปัญหา