ไหม้ดอยตุงลาม เสียหาย500ไร่! เชียงใหม่ยังอ่วม

นายกฯ ห่วงไฟป่าหลายพื้นที่ กำชับทุกหน่วย-กองทัพช่วยกันดับเร่งด่วน ไหม้ดอยตุงลามรวดเร็วเสียหาย  500 ไร่ อธิบดีกรมอุทยานฯ รุดตรวจ ชมเจ้าหน้าที่คุมสถานการณ์ไว้ได้ พร้อมสั่งเฝ้าระวังอีก 2 วัน เชียงใหม่ยังเผชิญวิกฤตหมอกควัน จุดฮอตสปอตยังเพิ่มสูง ฝุ่น PM 2.5 เกินมาตรฐานติดท็อปไฟว์ตลอด 3 สัปดาห์

เมื่อวันที่ 6 เมษายน น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ  รมว.กลาโหม ได้ติดตามสถานการณ์เหตุไฟป่าในพื้นที่ต่างๆ อย่างใกล้ชิด โดยได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.), กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช  พร้อมขอให้กองทัพสนับสนุนการปฏิบัติการเพื่อดำเนินการดับไฟป่าที่เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วนและต่อเนื่อง ด้วยความห่วงใยพี่น้องประชาชนและทรัพยากรธรรมชาติ

ส่วนกรณีไฟไหม้ป่าพื้นที่ตำบลพรหมณีและตำบลเขาพระ อำเภอเมืองฯ  จังหวัดนครนายกนั้น ไฟป่าได้ดับลงแล้วทั้งหมดจากการปฏิบัติการอย่างเข้มข้นในระยะเวลา 5 วัน จึงได้ลดระดับศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันระดับจังหวัดเป็นศูนย์อำนวยการฯ ระดับท้องถิ่น เพื่อติดตามเฝ้าระวังต่อไป เพื่อสร้างความมั่นใจและความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ ทั้งนี้ นายกฯ ได้ขอบคุณทุกภาคส่วนที่ระดมสรรพกำลังช่วยคลี่คลายสถานการณ์ในครั้งนี้ พร้อมกับเน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ และติดตามการฟื้นฟูสภาพป่า ที่สำคัญคือความร่วมมือของประชาชนและทุกภาคส่วนในการป้องกันและลดการเผาทำลายป่า พื้นที่การเกษตรในทุกพื้นที่ ทั้งนี้ นอกจากการบังคับใช้กฎหมายแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ได้มุ่งขับเคลื่อนนโยบายแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อนในทุกมิติ

ที่ จ.เชียงราย เกิดเหตุไฟโหมลุกไหม้อย่างหนักบริเวณชายแดนไทย-เมียนมา เขตติดต่อหมู่บ้านผาบือและหมู่บ้านลาบา บนพื้นที่โครงการพัฒนาดอยตุง ต.แม่ฟ้าหลวง อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย  ตั้งแต่เวลา 15.00 น. วันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยไฟได้ไหม้ผืนป่าและหญ้าแห้งจนเกิดเป็นเปลวไฟเต็มขุนเขา รวมทั้งพื้นที่ที่อยู่ติดกับถนนเลียบชายแดนไทย-เมียนมา และได้ลุกลามอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่สถานีควบคุมไฟป่าดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ พร้อมเจ้าหน้าที่ดับไฟป่าและรถดับเพลิงนับสิบคันที่ได้รับการสนับสนุนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นข้างเคียง เร่งช่วยกันเข้าสกัดไฟไม่ให้ลุกลามขยายวงออกไป จนถึงโครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ และบริเวณพื้นที่สวนป่าที่ปลูกต้นแมคคาเดเมียของโครงการพัฒนาดอยตุง ซึ่งตลอดทั้งคืนก็ยังไม่สามารถควบคุมเพลิงได้ ทำได้เพียงแค่คอยเฝ้าระวังและฉีดพ่นน้ำเอาไว้ให้เป็นป่าเปียก

ต่อมาในช่วงเช้าวันที่ 6 เม.ย. นายปิยะพงษ์ ศรไชย หัวหน้าสถานีควบคุมไฟป่าดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่อาสาดับไฟป่า ร่วมกับผู้ใหญ่บ้าน ชาวบ้าน จำนวนกว่า 100 คน เข้าดับไฟป่าที่คุกรุ่นขึ้นมาใหม่อีกครั้ง และช่วยกันทำแนวกันไฟอย่างเร่งด่วน เพื่อป้องกันไฟลุกลามขยายเข้าพื้นที่ทำกินของชาวบ้าน พร้อมทั้งประสานเจ้าหน้าที่ทหารนำเฮลิคอปเตอร์ขึ้นช่วยโปรยน้ำดับไฟป่าไม่ให้ลุกลามขยายมากกว่านี้ ส่วนสาเหตุของไฟป่าครั้งนี้ เกิดจากสายไฟฟ้าพาดลงมาถูกกอไผ่แห้ง ทำให้กระแสไฟฟ้าลัดวงจรและเกิดเปลวไฟลุกไหม้และลามขยายวงอย่างรวดเร็ว ซึ่งความเสียหายประเมินเบื้องต้นคาดว่าไม่ต่ำกว่า 600 ไร่

นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้เดินทางไปตรวจสถานการณ์การเกิดไฟป่าขึ้นในพื้นที่ดอยตุง พร้อมระบุว่าสามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้แล้วเมื่อเวลา 04.00 น. วันที่ 6 เม.ย. และพบว่ามีป่าไม้ถูกไฟเผาได้รับความเสียหายเบื้องต้นประมาณ 200-500 ไร่ โดยอยู่ระหว่างสำรวจด้วยมุมสูง หรือจีพีเอส เพื่อคำนวณความเสียหายที่แท้จริงอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่และชาวบ้านได้จัดทำแนวกันไฟป้องกันไม่ให้ลุกลามไปยังชุมชนและสถานที่สำคัญได้สำเร็จ ซึ่งเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก ทั้งในเรื่องของการจัดกำลัง การสนับสนุนจากท้องถิ่นและอำเภอใกล้เคียง การสนับสนุนของหน่วยดับไฟป่าเสือไฟ 3 ชุดจาก จ.นครราชสีมา จ.ขอนแก่น

"เมื่อเกิดไฟไหม้จึงทำให้เกิดการปลิวกระจายจนลุกลามไหม้จำนวน 3 จุดใหญ่ ซึ่งหลังจากเจ้าหน้าที่ได้ดับไฟและทำแนวกันไฟไว้ได้แล้ว จึงจะมีการนำเฮลิคอปเตอร์เข้าโปรยน้ำเพื่อดับไฟให้สนิท เพราะยังมีต้นไม้ เศษไม้ ขอนไม้ ตอไม้ ฯลฯ ที่ยังหลงเหลืออยู่ จากนั้นจะเฝ้าระวังให้ดับสนิทอีกอย่างน้อย 1-2 วันต่อไป" นายอรรถพลระบุ

ที่ จ.เชียงใหม่ นายชัชวาลย์ ปัญญา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ขณะนี้จังหวัดได้ระดมทุกช่องทางในการเฝ้าระวังป้องกันและแก้ปัญหาไฟป่าหมอกควันที่เกิดขึ้น ซึ่งถือว่ามีการทำงานกันอย่างหนัก แต่ยังเอาไม่อยู่ ยังมีการลักลอบเผา แม้จะมีการแจ้งเตือนและใช้ทั้งมาตรการกฎหมายมาจัดการ ก็ยังพบจุดความร้อน (ฮอตสปอต) กระจายในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงหลักที่อำเภอเชียงดาว อุทยานแห่งชาติศรีลานนา รวมไปถึงพื้นที่ใกล้เคียงทั้งในและต่างประเทศ ทำให้อากาศเหนือเมืองเชียงใหม่และภาคเหนือเวลานี้ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกควันที่หนาแน่น บางช่วงแสงอาทิตย์ไม่สามารถสาดส่องมาถึง สังเกตได้ด้วยตาเปล่าว่ามีทัศนวิสัยที่ขุ่นมัวหนาแน่นกว่าทุกวัน จากการตรวจสอบเว็บไซต์ https://www.iqair.com  รายงานการตรวจวัดคุณภาพอากาศและการจัดการเมืองที่มีคุณภาพอากาศแย่ที่สุดของโลก US AQI พบว่า จังหวัดเชียงใหม่ยังอยู่อันดับ 1 มีค่าถึง 332 ไมโครกรัม (มคก.) ต่อลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ทำให้ตลอด 3 สัปดาห์จังหวัดเชียงใหม่ยังคงท็อป 1 ใน 5 มาต่อเนื่อง

ส่วนการรายงานของศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 จังหวัดเชียงใหม่มีจุดความร้อนรอบเช้าจำนวน 233 จุด เกิดในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ, ป่าอนุรักษ์ เขต ส.ป.ก. และเขตชุมชน พบมากที่อำเภอพร้าว 50 จุด, เชียงดาว 40 จุด และแม่แจ่ม 28 จุด จุดความร้อนยอดสะสมตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2566 ถึงปัจจุบันทั้งหมดจำนวน 9,078 จุดแล้ว

ศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาไฟป่า  หมอกควันและฝุ่นละอองฯ จังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยข้อมูลจุดไฟป่าของวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา ดาวเทียมตรวจพบจุดไฟป่าในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนทั้งหมดจำนวน 313 จุด ขณะที่เช้าวันที่ 6 เม.ย. ตรวจพบจุดไฟป่าแล้วจำนวน 190 จุด สูงสุดที่ อ.ปาย 75 จุด, อ.เมืองแม่ฮ่องสอน 50 จุด, อ.ขุนยวม 24 จุด, อ.ปางมะผ้า 13 จุด, อ.แม่สะเรียง 13 จุด อ.สบเมย 8 จุด และ อ.แม่ลาน้อย 7 จุด จากสถานการณ์ไฟป่าที่ยังคงหนักอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ค่าปริมาณฝุ่นละอองใน อ.ปาย วัดได้ 398 มคก./ลบ.ม., อ.เมืองแม่ฮ่องสอน วัดได้ 196 มคก./ลบ.ม. และ อ.แม่สะเรียง วัดได้ 132 มคก./ลบ.ม. โดยเฉพาะที่ อ.ปาย ค่าฝุ่นพิษเกินมาตรฐาน ถึง 7 เท่า กระทบต่อสุขภาพประชาชนอย่างหนัก

นายเอนก ปันทะยม ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก  อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวว่า ตามที่ได้รับรายงานมาว่าในพื้นที่อำเภอปายมีค่าฝุ่น PM 2.5 จากหมอกควันไฟป่า ซึ่งเกินค่ามาตรฐาน ได้สั่งการให้ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง อำเภอปาย ประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และเจ้าหน้าที่ศูนย์ ปภ.เขต 10 นำรถบรรทุกน้ำฉีดพ่นละอองน้ำเพื่อลดผลกระทบด้านสุขภาพประชาชนในพื้นที่และนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ เครือข่ายควบคุมและป้องกันไฟป่าบ้านสบสา ต.เมืองแปง อ.ปาย ได้รับแจ้งว่ามีไฟป่าเกิดขึ้น บริเวณเขตติดต่ออำเภอกัลยาณิวัฒนา พบจุดความร้อนเป็นบริเวณกว้าง สาเหตุน่าจะไหม้ลุกลามออกมาจากในป่า จึงเข้าดับและเป่าลมทำแนวกันไฟไม่ให้ลุกลาม.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อวยทักษิณชนะนายกอบจ.

"ภูมิธรรม" โว พท.ชนะนายก อบจ.อุดรฯ เป็นเรื่องธรรมดา เหตุ ปชช.ยังรัก “ทักษิณ” ชอบผลงานที่ทำมา