ปลุกคนไทยรักชาติ บิ๊กตู่ยกเพลงพระราชนิพนธ์‘ไร้รักไร้ผล’เตือนสติ

"บิ๊กตู่" สะดุ้ง บวงสรวงเจ้าพ่อหอกลอง วันสถาปนากลาโหมครบ 136 ปี ใช้มือข้างเจ็บจุดธูปโดนธูปจี้แขน กวักมือเรียกสื่อสัมภาษณ์ ยกบทเพลงพระราชนิพนธ์ ร.6 "ไร้รักไร้ผล" ฝากให้ช่วยคิด อย่าให้เกิดวิกฤตการณ์ทำชาติเสียหาย ปัดตอบส่งสัญญาณหลังเลือกตั้งวุ่น "กกต." สรุปยอดสมัครปาร์ตี้ลิสต์วันที่ 2 เพิ่มอีก 3 พรรค "ชพก.-พท." ยื่น 3 ชื่อแคนดิเดตนายกฯ แล้ว "แสวง" ยันใช้รถแห่หาเสียงได้ "รทสช." เอาใจ FC ลุงตู่ จัดเวลาเล็กให้ได้ใกล้ชิด "พปชร." แย้มเดินสายหาเสียงเหนือจรดใต้ "พท." ปิดห้องติวปักธงภาคใต้ "อิ๊งค์" ปัดตอบใครแคนดิเดตนายกฯ เบอร์ 1

ที่กระทรวงกลาโหม วันที่ 5 เม.ย. เวลา 07.40 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม  เป็นประธานในพิธีวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงกลาโหม ครบ 136 ปี โดยมีพล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม  รวมทั้งปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ยกเว้น พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ซึ่งติดภารกิจ มอบให้ พล.อ.อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ เสนาธิการทหารบก ร่วมพิธีแทน

โดย พล.อ.ประยุทธ์ได้นำสักการะเจ้าพ่อหอกลองและสิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญภายในศาลาว่าการกระทรวงกลาโหม  ก่อนจะร่วมพิธีสงฆ์ ที่ห้องพินิตประชานาถ ในศาลาว่าการกลาโหม  อย่างไรก็ดี ระหว่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ปักธูปบวงสรวงลงบนเครื่องเซ่นในพิธีสักการะเจ้าพ่อหอกลอง มีบางจังหวะที่ไม่ถนัด เนื่องจากมือขวายังคงมีอาการบาดเจ็บอยู่ บางช่วงจึงมีอาการสะดุ้งเล็กน้อย เพราะมือถูกปลายธูปร้อน ก่อนยกมือซ้ายขึ้นมาปัดอยู่หลายครั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจ พล.อ.ประยุทธ์ได้กวักมือเรียกผู้สื่อข่าวเพื่อให้มาสัมภาษณ์ โดยพล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงวาระวันคล้ายวันสถาปนาครบรอบ 136 ปี กระทรวงกลาโหม ซึ่งอยู่คู่บ้านคู่เมืองมาอย่างยาวนาน ด้วยสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ทรงก่อตั้งมา เราในฐานะเป็นลูกเป็นหลาน ก็ต้องช่วยกันรักษาธำรงไว้ ความเข้มแข็งเกียรติยศเกียรติศักดิ์ของกองทัพเหล่าทัพ และของกระทรวงกลาโหม

"พวกเราต้องรักบ้านรักเมืองให้มากยิ่งขึ้น เพื่อบ่อเกิดของความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ผมเคยพูดไปแล้วว่าหากบ้านเมืองไม่สงบเรียบร้อย มีปัญหามากๆ จะทำให้โอกาสหลายๆ อย่างหายไปทันที ในมุมมองของต่างประเทศ ขอฝากบทพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 "ไร้รักไร้ผล" จำได้ไหม จำไม่ได้กันหมดแล้ว ให้ลองไปเปิดฟังดูก็แล้วกัน "อันชาติใดไร้รักสมัครสมาน จะทำการสิ่งใดก็ไร้ผล หากชาติย่อยยับและอับจน ประชาชนจะสุขอยู่ได้อย่างไร” ไปคิดดู ฝากทุกคนด้วย ฝากประชาชนทุกคนช่วยกันคิดด้วยก็แล้วกัน ทำให้บ้านเมืองเราสงบเรียบร้อยมากยิ่งขึ้น เพื่อเราจะก้าวเข้าสู่เวทีโลกได้อย่างสมศักดิ์ศรีและสง่างาม" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

นายกฯ กล่าวว่า ขอให้ติดตามพัฒนาการด้านความมั่นคงของทุกประเทศด้วย โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้าน หากบ้านเมืองเราสงบเรียบร้อย เราก็จะสามารถใช้ศักยภาพที่มีอยู่ได้อย่างเต็มที่ในทุกมิติ ทั้งความมั่นคง สิ่งแวดล้อม สังคม สุขภาพ ช่วยกันก็แล้วกัน ขอให้ช่วยกันนำพาบ้านเมืองไปสู่ความปลอดภัย สันติสุข อย่าให้เกิดวิกฤตการณ์อะไรต่างๆ ที่ทำให้ประเทศชาติเสียหายก็แล้วกัน ในช่วงนี้และช่วงต่อๆ ไป

ถามว่า มองว่าจะมีสัญญาณถึงความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้นใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ขอให้ไปคิดเอาเอง

ซักว่าสัญญาณความวุ่นวายเกิดมาจากพรรคขั้วตรงข้ามรัฐบาลใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่เกี่ยวๆ หลายๆ อย่างก็รู้อยู่แล้ว ถามแบบไม่รู้เรื่องได้อย่างไร บ้านเมืองมันจะสงบได้ด้วยอะไรล่ะ เมื่อย้ำว่าบางเรื่องพูดไม่ได้ใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีระบุเพียงสั้นๆว่า ไปคิดเอาเอง

ยกบทเพลงพระราชนิพนธ์ ร.6

ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์เดินทางไปที่ลานอเนกประสงค์ ชั้น 2 อาคารรัฐประศาสนภักดี (อาคาร B) ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 เป็นประธานในพิธีเปิดงานวันผู้สูงอายุแห่งชาติและวันครอบครัว และพิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ ประจำปี 2566

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เมื่อสักครู่ได้ไปงานวันคล้ายวันสถาปนาครบรอบ 136 ปี กระทรวงกลาโหม ทุกรัฐบาลมีการพัฒนาในที่สุดคือความเข้าใจว่าเราจะนำพาประเทศไปในทิศทางใดให้มีรายได้มากขึ้น เพื่อดูแลประชาชนที่มีความยากลำบาก ซึ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับความรักความสมัครสมานสามัคคีที่เราจะต้องเดินหน้าไปด้วยกัน ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง วันนี้ต้องขอบคุณภาคเอกชนองค์กรต่างๆ ที่ออกมาช่วยกัน

"ผมอยากจะกล่าวถึง ถ้าทุกคนจำได้  มีบทพระราชนิพนธ์บทหนึ่งรู้สึกจะเป็นเพลงด้วย เพิ่งนึกออกเมื่อตอนเช้า รัชกาลที่ 6 ชื่อเพลงไร้รักไร้ผล อันชาติใดไร้รักสมัครสมาน จะทำการสิ่งใดก็ไร้ผล  แม้ชาติย่อยยับอับจน ประชาชนจะสุขอยู่ได้อย่างไร ทุกอย่างถ้าเราไม่รักกัน ไม่ทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย บ้านเมืองเราเดินหน้าไปไม่ได้แน่นอน ถ้าเรายังมีปัญหาอยู่ ผมคิดว่าก็ยังมีอยู่บ้าง แต่วันนี้ทุกอย่างเป็นธรรมดา โลกเจริญแล้ว หลายอย่างเปิดกว้างมากขึ้น หลายคนมีความคิดที่แตกต่าง ผมไม่ว่าอะไรตรงนี้ แต่ทำอย่างไรจะกลับมาร่วมกันทำในสิ่งที่ถูกต้องดีงาม" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

นายกฯ กล่าวว่า สิ่งสำคัญวันนี้เราต้องให้ความสำคัญกับสังคมครอบครัวให้มากที่สุด อย่าลืมว่าบ้านเมืองเราไม่อยู่ได้ด้วยใครคนใดคนหนึ่ง เราอยู่ได้ด้วยพวกเราทุกคน 70 ล้านคนจะต้องช่วยกันดูแลสังคม ภาคเอกชนที่มีกำไรก็ต้องช่วยกันดูแลบ้านเมืองให้เกิดความสงบ ทำให้บ้านเมืองสมัครสมานสามัคคีกันให้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสังคมของเรา อย่าให้เป็นสังคมที่มีความแตกแยก สังคมที่สำคัญคือสังคมครอบครัว จะต้องเป็นครอบครัวที่มีคุณภาพยากดีมีจนอย่างไรก็เป็นครอบครัวที่มีคุณภาพ ขอฝาก รมว.การพัฒนาสังคมฯ ด้วย รัฐบาลก็ทำหน้าที่ให้ดีที่สุดในการบริหารราชการแผ่นดิน ทุกคนมีความหมาย ทุกคนเป็นคนไทย แล้วอย่าลืมชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 3 สถาบันหลักของเรา เราทิ้งไม่ได้ นี่คือพื้นฐานของประเทศไทย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้เดินทักทายผู้สูงอายุ พร้อมกล่าวย้ำว่า "วันนี้ประเทศไทยของเราต้องช่วยกัน ถ้าไม่ช่วยกันจะเดินไปได้อย่างไร" ซึ่งระหว่างเดินชมนิทรรศการ พล.อ.ประยุทธ์ได้ถ่ายภาพและเซลฟีกับผู้สูงอายุที่มาร่วมงาน พร้อมพูดคุยใช้กำปั้นทุบไปที่อกส่งสัญลักษณ์มินิฮาร์ต พร้อมทำท่าดอกลำดวนซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของผู้สูงอายุอย่างอารมณ์ดี อย่างไรก็ตาม ระหว่างเยี่ยมชมนิทรรศการ ผู้ที่ขอถ่ายภาพเป็นที่ระลึกบางคนได้ส่งนิ้วสัญลักษณ์เบอร์ 22 ที่พรรครวมไทยสร้างชาติจับสลากได้ ปรากฏว่าทางเจ้าหน้าที่กองพิธีการทำเนียบรัฐบาลได้ขอความร่วมมือห้ามทำสัญลักษณ์เลข 22 เนื่องจากเกรงข้อกฎหมายเลือกตั้ง ขณะที่นายกฯ เองได้ระมัดระวัง โดยเฉพาะช่วงชมบูธที่มีการร้องเพลงและเล่นดนตรี นายกฯ ปฏิเสธที่จะร่วมร้องเพลง โดยกล่าวว่า ช่วงนี้ห้าม เพราะอยู่ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง

ภายหลังเยี่ยมชมนิทรรศการงานวันผู้สูงอายุเสร็จสิ้น ผู้สื่อข่าวสอบถามนายกฯ ว่าวันนี้เหนื่อยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทำเพื่อประเทศชาติ นายกฯ ต้องคิดแบบนี้ ทำสิ่งดีๆ มันก็ต้องอดทน เหนื่อยก็ต้องยอม เมื่อถามว่าวันนี้ดูนายกฯ ระวังเรื่องการแสดงสัญลักษณ์หมายเลข 22 พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องระวัง เขาไม่อยากให้มีปัญหา บางคนหวังดีก็ดี บางคนหวังไม่ดีมันก็ไม่ดี เราก็ไม่อยากทำให้วุ่นวาย

ปาร์ตี้ลิสต์เพิ่ม 3 พรรค

จากนั้นเวลา 11.50 น. พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงกรณีการหยิบยกบทเพลงพระราชนิพนธ์ของรัชกาลที่ 6 ชื่อเพลงไร้รักไร้ผล มาพูดในวันเดียวกันนี้ถึง 2 ครั้ง มีนัยอะไรหรือไม่ว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาไปที่ศาลากระทรวงกลาโหมมา ก็ได้พูดกับข้าราชการของกระทรวงกลาโหมว่าพวกเราต้องช่วยกันรักษาและสานต่อสิ่งที่ทรงพระราชนิพนธ์ไว้ ซึ่งเพลงเพลงนี้ก็มีความหมายว่าคนในชาติจะต้องร่วมมือกัน ไม่ได้ปะปนอย่างอื่น

นายกฯ ยังได้ย้อนถามผู้สื่อข่าวว่าแล้วมันเสียหายอะไรมากล่ะเพลงนี้ โดยผู้สื่อข่าวตอบว่า เป็นเพลงปลุกใจให้คนรักชาติ พล.อ.ประยุทธ์จึงตอบกลับว่า  “ก็ให้ไปคิดกันเอาเองว่าประเทศชาติจะอยู่กันอย่างไร ก็เป็นเรื่องของพวกเรา และเป็นเรื่องกระบวนการประชาธิปไตยของพวกเธอ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ฉันให้กองทัพไปคิดแบบนี้”

ถามว่า ในทางการข่าวในเรื่องของความสงบเรียบร้อยไม่มีปัญหาอะไรในช่วงนี้ใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ก็ไม่มีอะไร ยังไม่เห็นมีอะไรเลย มีแต่ใช้ปากอะไรกันหน่อย เราก็ไม่ไปต่อสู้อะไรกับใครอยู่แล้ว เพียงแต่มันจะทำให้เหตุการณ์บานปลายอะไรหรือเปล่าเราไม่รู้ แล้วมันก็จะไปเดือดร้อนคนอื่น เจ้าหน้าที่ก็จะต้องทำงาน มันก็จะมีปัญหาต่อไปอีก ถ้ามันไม่มีคนที่จะคิดทำอะไรที่ไม่ดี มันก็เรียบร้อย แล้วเขาทำเพื่อมุ่งหวังอะไรกันล่ะ ก็ไม่รู้

ย้ำว่าเมื่อ 8 ปีที่ผ่านมานายกฯสามารถทำให้เกิดความสงบเรียบร้อยลงได้ หลังจากนี้คิดว่าจะทำได้ใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวเลี่ยงโดยตอบเพียงว่า  “จ้าๆๆ”

ส่วนความคืบหน้าการเปิดรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และแจ้งรายชื่อบุคคลที่พรรคการเมืองมีมติจะเสนอสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี วันที่สอง ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดระหว่างวันที่ 4-7 เม.ย.2566 ที่อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เขตดินแดงนั้น​

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศตลอดทั้งวันเป็นไปด้วยความเงียบเหงา มีพรรคการเมืองมาสมัครรวม 3 พรรค   คือ พรรคไทยก้าวหน้า, พรรคประชาไทย และพรรคพลังเพื่อไทย นอกจากนี้ มี 2 พรรคมายื่นรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ คือพรรคชาติพัฒนากล้า จำนวน 3 คน คือนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ, นายกรณ์ จาติกวณิช และนายเทวัญ ลิปตพัลลภ  และพรรคเพื่อไทย จำนวน 3 คน คือ  น.ส.แพทองธาร ชินวัตร, นายเศรษฐา ทวีสิน และนายชัยเกษม นิติสิริ

ที่สำนักงาน กกต.​ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เดินทางมายื่นหนังสือขอให้นายทะเบียนพรรคการเมือง และ กกต.ตรวจสอบการนำรถยนต์และรถกระบะมาดัดแปลงเป็นรถแห่หาเสียง ของพรรครวมไทยสร้างชาติ เพื่อไทย  ประชาธิปัตย์ พลังประชารัฐ เสรีรวมไทย และอีกหลายพรรค หลังพบว่าการรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส.ทั้งสองแบบ นำรถยนต์และรถกระบะมาดัดแปลงเป็นรถแห่หาเสียง ซึ่งการนำรถกระบะ รถปิกอัพ มาดัดแปลงอาจเข้าข่าวผิดกฎหมาย

จัดเวทีย่อยเอาใจ FC ลุงตู่

อย่างไรก็ตาม นายแสวง บุญมี   เลขาธิการ กกต. กล่าวถึงการใช้รถแห่หาเสียงว่า สามารถใช้หาเสียงได้ เมื่อมีผู้สมัครหรือสมาชิกพรรค ตลอดจนแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคอยู่บนรถ และสามารถเปิดเพลงหรือร้องเพลงของพรรคได้เท่านั้น แต่รถแห่ที่มีการแสดงรื่นเริงบนรถทำไม่ได้ ดังนั้นหากมีการร้องเรียนมาที่ กกต. จะต้องพิจารณาเป็นกรณี

"เรื่องผู้ช่วยหาเสียงของพรรคการเมืองสามารถทำได้ทุกอย่างเหมือนกับผู้สมัคร  แต่อย่าทำอะไรที่ผิดกฎหมาย  และสามารถขึ้นเวทีดีเบตได้ หากพรรคส่งเป็นตัวแทน จึงอยากให้สื่อให้โอกาสกับทุกพรรคการเมืองได้ประชันนโยบายเวทีดีเบต ซึ่งการทำกิจกรรมของผู้ช่วยหาเสียงจะต้องคิดเป็นค่าใช้จ่ายของพรรคทั้งหมด  ยกเว้นกรณีที่เป็นสามีหรือภรรยาของผู้สมัคร จะถือเป็นคนเดียวกันตามกฎหมาย จึงไม่ต้องคิดรวมเป็นค่าใช้จ่ายหาเสียง ดังนั้นแม้คู่สมรสจะเป็นดารานักร้องหรือนักแสดงก็สามารถช่วยหาเสียงได้โดยไม่คิดเป็นค่าใช้จ่าย" เลขาฯ กกต.กล่าว

ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค รทสช. กล่าวถึงการหาเสียงว่า จากนี้คือการเข้าสู่โหมดเลือกตั้งอย่างเต็มตัว โดยสิ่งสำคัญที่สุดได้กำชับให้ผู้สมัครทุกคนทุกเขตต้องขยันเดินหน้าหาเสียงกับประชาชน แม้ตอนนี้การสื่อสารส่วนใหญ่จะสามารถใช้วิธีการทางออนไลน์ได้ แต่ก็ไม่ควรปฏิเสธความสำคัญของการเดินเคาะประตูบ้านหาเสียง

นายเอกนัฏกล่าวถึงการเปิดเวทีปราศรัยว่า มีการวางแผนไว้แล้ว โดยจะคิกออฟที่กรุงเทพมหานครก่อน และก่อนจะถึงวันเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค. น่าจะปิดเวทีในกรุงเทพฯ อีกครั้ง แต่ระหว่างทางก็จะมีการตั้งเวทีปราศรัยอย่างต่อเนื่องไปทุกภาค พยายามจะเข้าไปในทุกพื้นที แต่การจัดเวทีหรือการหาเสียงมีหลายรูปแบบ อาจจะไม่ใช่เป็นการจัดเวทีใหญ่อย่างเดียว แต่จะเปิดเวทีย่อย มีการขึ้นรถแห่แล้วก็ไปหยุดพูดตามจุดต่างๆ ขณะนี้ได้มีการออกแบบวิธีการและกำหนดการไว้เรียบร้อยหมดแล้ว

"การจัดเวทีปราศรัยใหญ่อย่างเดียวอาจจะเข้าถึงได้น้อย เราจะจัดรูปแบบใหม่ อาจจะมีการแห่พาลุงตู่ไปปราศรัยเป็นจุดเล็กๆ ในที่ต่างๆ อาจจะใช้เวลาสั้นหน่อย แต่ทำเพื่อให้ประชาชนแฟนคลับลุงตู่ที่อยู่ต่างจังหวัดได้เข้าถึง ได้สัมผัสลุงตู่มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพราะเรารู้ว่าหลายคนยังรักและศรัทธาลุงตู่ มาถึงวันนี้ได้เรามีความพร้อมที่จะเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง" เลขาฯ พรรค รทสช.ระบุ

ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.การคลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค พปชร. กล่าวถึงหมายเลข 37 ของพรรค พปชร.ว่า เลข 37 ใครๆ ก็จําได้ หลานชายที่บ้านยังจําได้เลย ติดหูติดสมองแน่นอน เพราะจำง่าย ตัวเลขน้อยอยู่ข้างหน้า ตัวเลขมากอยู่ข้างหลัง

"ไม่ต้องปรับกลยุทธ์อะไร พรรคมี 3 นโยบายหลัก และกระจายออกมาเป็น 7 นโยบายย่อย และมีนโยบายเบี้ยผู้สูงอายุ 3,000 บาทและบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 700 บาท นโยบายต่างๆ ก็เอื้อให้เข้ากับเลข 37 อยู่แล้ว" นายสันติระบุ

นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค พปชร. กล่าวว่า ผู้สมัคร ส.ส.บอกจดจำง่าย เลือกพรรค พปชร.ได้อย่างน้อย 3,700 โดยมาจากนโยบายเบี้ยผู้สูงอายุ 3,000 บาท และนโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 700 บาท จำง่ายๆ เลือกลุงป้อม 3,700 แต่จะใช้เป็นแคมเปญใหม่หรือไม่ ตอนนี้กำลังหารือกับผู้สมัคร เพื่อบอกกับประชาชนให้จดจำได้ เข้าใจง่าย พลังประชารัฐ 3,700 ตอนนี้ทุกอย่างจะผูกให้เป็นหมายเลข 37 คือ 3 นโยบายเร่งด่วน 7 นโยบายเร่งรัด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกิจกรรมการปราศรัยหาเสียงของพรรค พปชร.  ตลอดเดือนเม.ย. ได้มอบหมายให้หัวหน้าภาคแต่ละภาคและแกนนำพรรค เป็นตัวหลักรับผิดชอบในการช่วยเวทีปราศรัยหาเสียง โดยกำหนดการเบื้องต้น เริ่มจากภาคเหนือ วันที่ 6 เม.ย. ที่ จ.สุโขทัย, วันที่ 7 เม.ย. ที่ จ.ตาก, วันที่ 8 เม.ย. ที่ จ.สมุทรสาคร, วันที่ 9 ที่ จ.ปทุมธานี, วันที่ 10 เม.ย. ที่ จ.นครปฐม  และเว้นในช่วงวันหยุดสงกรานต์ จากนั้นวันที่ 19 เม.ย. ที่ จ.ฉะเชิงเทรา ภาคอีสาน ในวันที่ 22 เม.ย. ที่ จ.นครราชสีมา จากนั้นจะลงภาคใต้ วันที่ 28 เม.ย. ที่ จ.สงขลา, วันที่ 29 เม.ย. ที่ จ.นครศรีธรรมราช, วันที่ 30 เม.ย.ที่ จ.ขอนแก่น, วันที่ 1 พ.ค. ที่ จ.ร้อยเอ็ด ทั้งนี้ ภาคอีสานและภาคใต้คาดว่า พล.อ.ประวิตรจะนำหัวหน้าทีมนำแกนนำและผู้บริหารปราศรัยหาเสียง และเวทีปราศรัยปิดวันที่ 12 พ.ค.นี้ ที่ กทม.

พท.ปิดห้องติวปักธงใต้

ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค ปชป. เป็นประธานในพิธีมอบ “ปักธงชัยประชาธิปัตย์ นำชัยชนะทั่ว กทม.” โดยมีนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค ดูแล กทม., น.ส.วทันยา บุนนาค คณะทำงานนวัตกรรมการเมือง กทม.,  นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม. และทีมยุทธศาสตร์ กทม. พรรคประชาธิปัตย์ น.ส.จิตภัสร์ ตั๊น กฤดากร รองเลขาธิการพรรค พร้อมผู้สมัคร ส.ส.กทม. 33 คน เข้าร่วมกิจกรรมอย่างพร้อมเพรียง

นายเฉลิมชัยกล่าวว่า วันนี้พรรคปชป.พร้อมแล้ว เราจะลั่นกลองรบสำหรับพื้นที่ กทม. ขอเป็นตัวแทนผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคทุกคน ในการขอแรงใจจากสมาชิกพรรค และผู้ที่ให้การสนับสนุนพรรค ปชป. ทั้งในอดีตและปัจจจุบันว่า วันนี้เราจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง และยืนยันได้เลยว่าเราจะปักธง ปชป.ในพื้นที่กรุงเทพฯ ได้อย่างแน่นอน 100%

น.ส.จิตภัสร์กล่าวว่า ขอโอกาสจากชาว กทม.ให้เลือกพรรค ปชป.มารับใช้  มาเป็นปากเป็นเสียงให้ชาว กทม. ในการแก้ปัญหาความเดือดร้อนต่างๆ ให้กับชาว กทม.อีกครั้ง ขอย้ำว่าพรรคปชป.ไม่เคยทิ้งพื้นที่ ไม่ทิ้งปัญหา ไม่ทิ้งประชาชน

ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำพรรค พท. พร้อมด้วยนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ รองผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการเลือกตั้ง, นายสุธรรม แสงประทุม แกนนำพรรคเพื่อไทย ได้เชิญผู้สมัคร ส.ส.พรรคในจังหวัดภาคใต้ อาทิ น.ส.บุญฑริกา ยอดสุรางค์ ผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดนครศรีธรรมราช เขต 1 เบอร์ 2, นายถาวรรัตน์ คงแก้ว ผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดนครศรีธรรมราช เขต 6 เบอร์ 1,  พล.ต.ต.เชาวศิลป์ บุญประดิษฐ์ ผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดนครศรีธรรมราช เขต 8 เบอร์ 8, น.ส.ปรมาภรณ์ บริบูรณ์ ผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดนครศรีธรรมราช เขต 10 เบอร์ 10, นายฮานาฟี หมีนเส็น ผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดสงขลา เขต 8 เบอร์ 8, น.ส.ชานิสรา ภูวิจิตร ผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดสงขลา เขต 9 เบอร์ 10 และนายกฤษ ศรีฟ้า ผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดพังงา เขต 2 เบอร์ 4 เพื่อมาหารือถึงแนวทางการนำเสนอนโยบายของพรรคที่จะใช้สื่อสารกับประชาชน ทั้งแนวทางการปลดล็อกพืชกระท่อมและกีฬาชนวัว

นายสมศักดิ์กล่าวว่า ในพื้นที่ภาคใต้ถือว่าเป็นพื้นที่ใหม่ที่พรรค พท.ยังไม่สามารถปักธงได้ ตนจึงเข้ามาช่วยผู้สมัคร ส.ส. เพราะตลอดการเป็น รมว.ยุติธรรม ตนได้ลงพื้นที่ภาคใต้อย่างต่อเนื่อง จนรับทราบปัญหาและแนวทางการพัฒนา รวมถึงมีหลายนโยบายที่ได้ขับเคลื่อนจนสำเร็จไปแล้ว

"จากการหารือกับผู้สมัคร ส.ส.ภาคใต้ นับว่าเป็นสัญญาณที่ดี เพราะหลายคนทราบถึงปัญหาและแนวทางถึงแก่นแกน รวมถึงเข้าใจแนวทางการพูดคุยกับพี่น้องประชาชน เพราะถ้าเราสามารถนำเสนอนโยบายให้ประชาชนเข้าใจได้ ก็จะมีโอกาสที่จะได้รับความไว้วางใจ ซึ่งในพื้นที่ภาคใต้ ผมมั่นใจว่าครั้งนี้จะสามารถปักธงได้อย่างแน่นอน เพราะโพลต่างๆ พรรคเพื่อไทยก็มาแรงอย่างต่อเนื่อง สะท้อนว่าพี่น้องชาวภาคใต้ให้การยอมรับนโยบายและแคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทย" นายสมศักดิ์กล่าว 

เวลา 16.00 น. พรรค พท.จัดงานปราศรัยใหญ่ ภายใต้แนวคิด “คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน ตอน One Team for all Thais : หนึ่งทีมเพื่อไทยทุกคน” ที่ธันเดอร์โดม สเตเดียม อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พร้อมเปิดตัวแคนดิเดตนายกฯของพรรค พท.ทั้ง 3 คนร่วมปราศรัยด้วย

น.ส.แพทองธารให้สัมภาษณ์ว่า แคนดิเดตนายกฯ ทั้ง 3 คนมีจุดเด่นไม่เหมือนกันเลย บอกแล้วว่าหากเลือกพรรคเพื่อไทยจะได้ทั้ง 3 คนไปทำงาน

เมื่อถามว่า การเลือกแคนดิเดตเบอร์ 1 มาจากอะไร น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ทราบว่าใครคือเบอร์ 1, 2, 3 ทุกบัญชีเราเสนอชื่อเต็มหมด ไม่ว่าจะเป็น ส.ส.เขต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และแคนดิเดตนายกฯ เพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

30วันเลือกนายกปทุม

"พิเชษฐ์" แจ้งสภา 143 สส.สังกัดพรรคประชาชนแล้ว ด้าน "ณัฐวุฒิ" เผยใช้อักษรย่อ "ปชน."