หึ่ง!บิ๊กตู่เมินปาร์ตี้ลิสต์

"บิ๊กตู่" ส่อไม่ลงปาร์ตี้ลิสต์  ขณะที่แกนนำตัวท็อป "พีระพันธุ์-เอกนัฏ-ไตรรงค์-จุติ-ธนกร-แรมโบ้" ติดโผหมด รวมถึง "เสี่ยเฮ้ง" ส่งน้องเมียลงเขตแทน "เอกนัฏ" มั่นใจ รทสช.กวาดบัญชีรายชื่อ 15-20 ที่นั่ง "ธรรมนัส" ประกาศ  พปชร.กวาดภาคเหนือไม่ต่ำ 25 เสียง ปชป.ติวเข้มทีมเศรษฐกิจ จ่ออัดฉีดล้านล้านบาทขับเคลื่อน ศก. "เศรษฐา" นำทีมหาเสียงย่านฝั่งธนฯ ชี้ฝ่ายบริหารไม่ต้องลง ส.ส.

เมื่อวันที่ 26 มีนาคม เวลา 07.00 น. ที่สวนเสรีไทย เขตบึงกุ่ม นายเอกนัฏ  พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และนายเกรียงยศ สุดลาภา ผู้บริหารพรรค ลงพื้นที่ช่วยหาเสียงให้กับ น.ส.กาญจนา ภวัครานนท์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตบึงกุ่ม คันนายาว  โดยเดินทักทายแนะนำตัวผู้สมัครกับประชาชนที่มาเดินออกกำลังกายภายในสวนสาธารณะเสรีไทย ก่อนขึ้นรถแห่หาเสียงไปตามเส้นทางหลัก ท่ามกลางความสนใจของประชาชนที่มายืนรอต้อนรับ บางส่วนก็โบกมือให้กำลังใจ  และไปเดินหาเสียงที่ตลาดเช้าหมู่บ้านสหกรณ์ รับฟังปัญหาข้อเสนอแนะจากประชาชนเพื่อขอให้ช่วยแก้ไขหากได้เป็นรัฐบาล ซึ่งประชาชนให้การต้อนรับดีมาก หนุนลุงตู่แบบใจต่อใจ

นายเอกนัฏกล่าวว่า งานเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. 400 เขตทั่วประเทศ เมื่อวันเสาร์ที่ 25 มี.ค.ที่ผ่านมา เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นความพร้อมเพรียงอย่างเต็ม 100% ของว่าที่ผู้สมัครทุกคนตั้งแต่ตนทำงานด้านการเมืองมา ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ไม่ว่าจะมาจากที่ไหน ก็ตั้งใจที่จะมารวมกันอย่างพร้อมเพรียง ซึ่งพรรคมีการประกาศรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค โดยเป็นการลงมติเห็นชอบของคณะกรรมการบริหารพรรคในคืนก่อนมีการจัดเวที

"ทุกครั้งที่ พล.อ.ประยุทธ์เข้ามาที่พรรค ผมเห็นท่านอารมณ์ดีทุกวัน และท่านก็ยังพูดบนเวทีว่า ก่อนหน้านี้เวลาท่านขึ้นพูดท่านขึ้นเดี่ยว แต่ว่าวันนี้ท่านไม่โดดเดี่ยวเดียวดายแล้ว เพราะว่าบนเวทีมีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.อีก 400 คน ที่จะขับเคลื่อนภารกิจไปด้วยกัน ซึ่งนับได้ว่าเวทีเปิดตัวเมื่อวันที่ 25 มี.ค.ที่ผ่านมา เป็นเวทีแถลงข่าวที่ใหญ่และอบอุ่นที่สุดตั้งแต่พรรครวมไทยสร้างชาติก่อตั้งมา"  นายเอกนัฏระบุ

สำหรับการหาเสียงของว่าที่ผู้สมัครส.ส.ทั้ง 400 คนของพรรคนั้น แนวทางสำคัญคือความตั้งใจจริง ตนพูดเสมอว่าการจะมาทำงานเพื่อส่วนรวมจะต้องมาจากจิตวิญญาณ ที่อยากจะเข้ามาทำงานเพื่อบ้านเมือง เพราะเห็นปัญหาของส่วนรวมมากกว่าปัญหาของตัวเองและเสนอตัวเข้ามาที่จะช่วยแก้ไข ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่สุด รวมกับความขยันที่จะลงพบปะประชาชน ส่วนเทคนิคของแต่ละคน ถือเป็นบุคลิกส่วนตัวที่แตกต่างกันไป โดยขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ ไม่ได้เซตวิธีว่าทุกคนจะต้องมีวิธีการหาเสียงที่เหมือนกัน พรรครวมไทยสร้างชาติให้อิสระกับผู้สมัครทุกคนในการหาเสียง ไม่ว่าจะเป็นในกรุงเทพฯหรือต่างจังหวัดก็ตาม ภายใต้กรอบหลักที่ได้แนะนำไป คือขอให้เริ่มต้นจากจิตใจที่มีความตั้งใจจริงในการทำเพื่อส่วนรวม

เป้าปาร์ตี้ลิสต์ 15-20 ที่นั่ง

เลขาธิการพรรค รทสช.กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดทำบัญชีรายชื่อของพรรคว่า ขณะนี้ทั้งการจัดทำรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อ กำลังอยู่ในขั้นตอนของการรับฟังความคิดเห็น ซึ่งในส่วนของ ส.ส.เขต คงไม่มีอะไร แต่ในระบบบัญชีรายชื่อจะมีความชัดเจนในสัปดาห์หน้า ก่อนวันที่ 4 เม.ย. ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะเปิดรับสมัคร โดยเป็นอำนาจของคณะกรรมการบริหารพรรคที่จะพิจารณา คาดว่าจะพิจารณากันประมาณวันที่ 29-30 มี.ค.

ผู้สื่อข่าวถามว่า การพิจารณา ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์มีหลักในการพิจารณาอย่างไรบ้าง นายเอกนัฏกล่าวว่า การพิจารณาลำดับบัญชีรายชื่อมีหลายปัจจัย ที่สำคัญคือเราต้องการสนับสนุนคนที่มีความสามารถ แต่ไม่ใช่นักเลือกตั้งมืออาชีพ เพราะฉะนั้นต้องเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านต่างๆ ที่ไม่ใช่นักเลือกตั้ง โดยจะมีทั้งคนใหม่และคนเก่า ซึ่งไม่จำเป็นต้องเรียงลำดับ ตั้งแต่หัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค และรองหัวหน้าพรรค ไม่จำเป็นต้องเป็นแบบนั้น แต่จะต้องเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ เพราะฉะนั้นเราคงไม่ต้องเป็นไปตามวิธีปฏิบัติเดิมๆ ก็ได้

เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค รทสช. อยู่ในปาร์ตี้ลิสต์อันดับ 1 ของพรรคหรือไม่ นายเอกนัฏกล่าวว่า ไม่ทราบ  ส่วนการลงหรือไม่ลงปาร์ตี้ลิสต์ของ พล.อ.ประยุทธ์ อาจจะไม่ได้มีผลอะไร เพราะการลงเล่นการเมืองเต็มตัว ทั้งในตำแหน่งประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์ของพรรค และพรรคเสนอให้เป็นแคนดิเดตนายกฯ ด้วยมติเอกฉันท์ของคณะกรรมการบริหารพรรค รวมทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ยังลงพื้นที่มาช่วยผู้สมัครด้วยตัวเอง ปราศรัยในหลายเวที ซึ่งถือว่าทําเต็มที่ที่สุดแล้ว ดังนั้นคิดว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่จำเป็นต้องแสดงอะไรไปมากกว่านี้แล้ว แค่นี้ก็เกินไปมากแล้ว อย่างไรก็ตาม เท่าที่ดูคะแนนนิยมของพรรค น่าจะมีบัญชีรายชื่อของพรรคประมาณ 15 คนขึ้นไป ถ้าทําได้ดีก็ต้องมี 20 คนขึ้นไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับความคืบหน้าการจัดทำบัญชีรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อของ รทสช. เพื่อส่งรายชื่อไปให้สาขาพรรคหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดเรียกประชุมสมาชิกพรรคในจังหวัดต่างๆ เพื่อทำไพรมารีโหวตนั้น จะยังไม่มีการเรียงลำดับ โดยจะเรียงลำดับหลังทำไพรมารีโหวตเสร็จ เพื่อยื่นสมัครกับ กกต.ภายในวันที่ 4-7 เม.ย.

โดยรายชื่อหลักๆ ที่จะอยู่ในบัญชีรายชื่อที่จะยังไม่เรียงลำดับ อาทิ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี คนที่ 2 นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์, นายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค, นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองหัวหน้าพรรค, นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, นายวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรค, นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, นายดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง กรรมการบริหารพรรค, นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี, นางพิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พลังประชารัฐ รวมถึงนางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู, นายชุมพล กาญจนะ อดีต ส.ส.สุราษฎร์ธานี, นายชัชวาลล์ คงอุดม หรือชัช เตาปูน, พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ผอ.โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ, นายวินท์ สุธีรชัย อดีตส.ส.พรรคก้าวไกล ที่ปัจจุบันเป็นหนึ่งในทีมเศรษฐกิจ เป็นต้น

'บิ๊กตู่'ส่อไม่ลงบัญชีรายชื่อ

ขณะที่ล่าสุด นายสุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.เขต 1 ชลบุรี รมว.แรงงาน ในฐานะกรรมการบริหารพรรค ได้ตัดสินใจลง ส.ส.บัญชีรายชื่อ โดยจะส่ง น.ส.ณภัสนันท์ อรินทคุณวงษ์ อดีตรองนายกเทศมนตรีตำบลเสม็ด ซึ่งเป็นน้องของภริยา ลงเลือกตั้ง ส.ส.เขต 1 ชลบุรีแทน ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ มีแนวโน้มสูงอาจตัดสินใจไม่ลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ

ทางด้าน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีต ส.ส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานภาคเหนือของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า 17 จังหวัดภาคเหนือ เมื่อปี 2562 พปชร.ได้ ส.ส. 25 ที่นั่ง จึงมั่นใจว่าในการเลือกตั้งครั้งนี้ จะได้ไม่ต่างจากปีที่แล้ว ซึ่งเราจะทำให้ดีที่สุด และรักษาไว้ โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ลำปาง แพร่ น่าน เชียงราย ก็จะพยายามผลักดัน ส.ส.ให้เข้าเป้าให้ได้ ซึ่งมั่นใจว่าจะทำได้มากกว่าเดิม ส่วนภาคเหนือตอนล่าง ไม่น่าเป็นห่วง โดยเฉพาะจังหวัดกำแพงเพชร ซึ่งสร้างผลงานให้กับประชาชนมากมาย

เมื่อถามว่าหลายพรรคอยากจะตีพื้นที่กำแพงเพชร ร.อ.ธรรมนัสย้อนถามว่า "ทำได้มั้ยล่ะ" รวมถึงในพื้นที่ที่จังหวัดผู้สมัครเป็นรายเดิม พะเยา เพชรบูรณ์ กำแพงเพชร ตาก แม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็น ส.ส.ที่เขาไม่ได้ย้ายไปไหน เพราะเราอยู่ครอบครัวพลังประชารัฐปลอดภัยที่สุด

นายวราเทพ รัตนากร กรรมการฝ่ายนโยบายและฝ่ายอำนวยการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า การลงที่ของว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กำแพงเพชร ได้รับการตอบรับจากประชาชน มั่นใจว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะได้ยกทีมทั้งจังหวัด ซึ่ง 4 เขต และ 1 บัญชีรายชื่อจะสามารถเข้าไปเติมเต็มพรรคได้ ส่วนการฝ่ากระแสแลนด์สไลด์พรรคเพื่อไทยนั้น พปชร.จะผลักดันยุทธศาสตร์ที่จะทำประโยชน์ให้กับประชาชน โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะบริหารประเทศผ่านพ้นวิกฤต โดยเฉพาะก้าวข้ามความขัดแย้ง และพร้อมจะเอานโยบายที่ดีๆ มาพิจารณาเป็นนโยบายเพื่อประโยชน์ประชาชน

ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เรียกประชุมทีมเศรษฐกิจบางส่วน เพื่อหารือถึงนโยบายเพิ่มเติมในเรื่องการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ หากพรรคได้มีโอกาสเป็นแกนตั้งรัฐบาล ซึ่งมีผู้เข้าร่วมประชุม อาทิ นายพิสิฐ ลี้อาธรรม, ม.ร.ว.ศศิพฤนท์ จันทรทัต, นายเกียรติ สิทธีอมร, นายสามารถ ราชพลสิทธิ์, น.ส.วทันยา บุนนาค, นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ, นายสรรเสริญ สมะลาภา และนายอลงกรณ์ พลบุตร เป็นต้น

โดยนายจุรินทร์ได้กล่าวถึงภาพรวมของการกำหนดทิศทางขับเคลื่อนประเทศว่า พรรคจะเดินหน้ายุทธศาสตร์ "สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ" เป็นกรอบใหญ่ของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมของประเทศ สำหรับด้านเศรษฐกิจนั้น ประชาธิปัตย์จะให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก เศรษฐกิจมหภาค และเศรษฐกิจทันสมัย ซึ่งจะมีเศรษฐกิจอนาคตรวมอยู่ด้วย

"ที่ประชุมได้มีความเห็นตรงกันว่า ถ้าเรามีโอกาสได้เป็นแกนตั้งรัฐบาล เราจะอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านล้านบาท เพื่อให้เศรษฐกิจสามารถขับเคลื่อนต่อไปได้" นายจุรินทร์ระบุ

 ที่ จ.ยโสธร นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ให้สัมภาษณ์ถึงการมาเปิดเวทีปราศรัยในพื้นที่อีสานระหว่างวันที่ 24-26 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า เพื่อรับฟังปัญหาของชาวยโสธร และจะนำไปทำจริง แก้ปัญหาให้จริง ขอบคุณทุกรอยยิ้ม ทุกพวงมาลัย ที่มาต้อนรับอย่างอบอุ่น และผ้าขาวม้าทุกผืนจะแปรเปลี่ยนเป็นกำลังใจในการทำงานให้ทุกพื้นที่ใน จ.ยโสธร ทั้งนี้ ชทพ.มีแนวทางการทำงาน 2 เงื่อนไขที่สำคัญภายหลังเลือกตั้งคือ ไม่แตะประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และนำนโยบายว้าว ไทยแลนด์ 10 ข้อ โดยเฉพาะเรื่องการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ขึ้นมา ซึ่งถ้าหลังการเลือกตั้งแล้วทราบว่าพรรคใดเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล พรรคใดจะร่วมรัฐบาลบ้าง ชทพ.จะต้องดูว่าสามารถนำนโยบายของพรรคเหล่านี้ไปร่วมดำเนินการได้ เราก็จะทำงานร่วมกันในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล

ฝ่ายบริหารไม่ต้องเป็น ส.ส.

ที่ตลาดเช้าวัดหนองแขม พรรคเพื่อไทย (พท.) นำโดยนายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพมหานคร, นายวัน อยู่บำรุง ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. ลงพื้นที่พบปะพ่อค้าแม่ค้าเพื่อสอบถามปัญหาต่างๆ โดยนายวันได้พานายเศรษฐานั่งมอเตอร์ไซค์มายังบริเวณตลาด โดยพ่อค้าแม่ค้าได้มอบดอกกุหลาบและขอถ่ายรูปกับนายเศรษฐา จากนั้นนายเศรษฐาและคณะเดินทางไปหาเสียงที่ตลาดบางแคและตลาดสดธนบุรี

จากนั้นนายเศรษฐาให้สัมภาษณ์กรณีที่มีข่าวเปิดรายชื่อปาร์ตี้ลิสต์ออกมา แต่ไม่ชื่อของนายเศรษฐาและ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยนั้น ว่าการที่ชื่อของตนไม่ได้อยู่ในปาร์ตี้ลิสต์ไม่ได้ผิดความคาดหวังอะไร เพราะเราพูดกันตลอดว่าฝ่ายบริหารก็อยู่ฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติก็อยู่ฝ่ายนิติบัญญัติ เข้าใจว่ามีหลายฝ่ายอยากให้คนที่จะมาเป็นแคนดิเดตนายกฯ อยู่ในปาร์ตี้ลิสต์ด้วย แต่เข้าใจว่ารัฐธรรมนูญปี 2560 ไม่ได้กำหนดไว้ หากใครก็ตามที่จะมาเป็นแคนดิเดตนายกฯ ได้รับเลือกเข้ามา แล้วต้องไปดำรงตำแหน่งนั้นจริงๆ สิ่งที่สำคัญคือต้องบริหารราชการแผ่นดิน และทำตามกฎหมายที่สภาออกมา ส่วนในสภาก็เป็นหน้าที่ของ ส.ส.ที่ต้องออกกฎหมาย นอกจากนี้สำคัญที่สุดคือการที่ฝ่ายบริหารต้องไปตอบกระทู้ในสภา

เมื่อถามว่า แยกกันดีกว่าใช่หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า “ใช่ครับ”

ส่วนกรณี พล.อ.ประยุทธ์ระบุการแลนด์สไลด์ระวังสไลด์ออกนอกเลนและเจ็บตัวอีกครั้งนั้น นายเศรษฐากล่าวว่า คงคอมเมนต์ไม่ได้ และไม่เข้าใจว่าสไลด์ออกนอกเลนคืออะไร ตนไม่อยากถูกลากเข้าไปในด้านของการตอบโต้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ใหญ่แล้ว อยากพูดอะไรก็เรื่องของท่าน เราก็รับฟัง แต่วันนี้หน้าที่ของตนคือการพบปะประชาชน เดินหน้าปราศรัย รับฟังปัญหาและตอบข้อซักถามของประชาชน

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ลงพื้นที่หาเสียงในจังหวัดนนทบุรี กล่าวถึงกรณีที่ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตรพยายามเสนอนโยบายจะเป็นโซ่ข้อกลางก้าวข้ามความขัดแย้งว่า ความขัดแย้งในปัจจุบันนั้นเกิดขึ้นจากทั้ง พล.อ.ประยุทธ์และ พล.อ.ประวิตรเป็นผู้ทำให้เกิดขึ้นมา ถ้าจะพาสังคมไทยก้าวข้ามความขัดแย้งจริงๆ ทั้งคู่ต้องเข้าสู่กระบวนการรับผิดชอบ เพราะการปรองดองต้องไม่เป็นแค่เรื่องของนักการเมืองมาให้อภัยกันฝ่ายเดียว แต่ต้องเป็นเรื่องของประชาชนด้วย  การปรองดองอย่างแท้จริงจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเราเอาทหารออกจากการเมือง ปิดสวิตช์ ส.ว. เอาทั้ง 3 ป. เข้าสู่กระบวนการรับโทษในสิ่งเลวร้ายที่พวกเขาทำไว้กับประเทศชาติเสียก่อน ต้องไม่มีวัฒนธรรมพ้นผิดลอยนวลอีกต่อไปเท่านั้น การปรองดองถึงจะเกิดขึ้นได้

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงความพร้อมเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคว่า หากพรรคมีมติให้ตนเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรี ตนพร้อมเป็นผู้นำประเทศ พร้อมนำประสบการณ์ในการทำงานการเมืองตลอด 30 ปีที่ผ่านมา อยู่ในหลายกระทรวง รู้ระบบราชการ และทำงานเรื่องยากให้กลายเป็นเรื่องง่ายเสมอ มองว่าหากพรรคไทยสร้างไทยชนะการเลือกตั้งแบบถล่มทลาย จะเป็นชัยชนะที่แท้จริงของประชาชน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง