ไทยโพสต์ ๐ สหภาพการไฟฟ้าฯ ยำรัฐบาล บริหารการผลิตไฟฟ้าเอื้อเอกชน ทำให้ค่าไฟแพงขึ้น เผยการผลิตไฟฟ้าอยู่ในมือเอกชนถึง 70% แนะหยุดเปิดโรงไฟฟ้าแห่งใหม่เพราะผลิตเกินจนประชาชนต้องแบกต้นทุนแทน "กรณ์" ซัดถือเป็นการต้มประชาชนครั้งใหญ่
เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2566 สภาที่ 3 ร่วมกับคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา '35 จัดเวทีอภิปรายสภาที่ 3 ออนไลน์ วาระประเทศไทย ว่าด้วย "ค่าไฟแพงและการอนุญาตให้เอกชนผูกขาดพลังงานและการผลิตไฟฟ้า" นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา'35 กล่าวเปิดงานว่า ปัญหาเกิดจากวางนโยบายการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเกินจำนวนที่ต้องใช้จริง เป็นความผิดพลาดจากนโยบายของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เวทีวันนี้จึงนำผู้มีความรู้ความเข้าใจมาอภิปรายนำเสนอต่อสังคมและผู้มีอำนาจที่เกี่ยวข้อง รัฐบาลไม่ได้อุ้มประชาชนที่ลำบาก อุ้มแต่นายทุน โดยเฉพาะโรงไฟฟ้า เพราะรัฐบาลปล่อยให้เอกชนเอาเปรียบแบบนี้ เอกชนก็ไม่มีธรรมาภิบาล ทำให้ประชาชนลำบาก แม้แต่ภาคอุตสาหกรรมกรรมยังทนไม่ไหว แล้วประเทศจะอยู่อย่างไร
ด้านนายอิฐบูรณ์ อ้นวงษา รองเลขาธิการองค์กรของผู้บริโภค (สอบ./ TCC) กล่าวว่า สภาพของ กฟผ.ไม่ใช่ยักษ์ใหญ่ที่ผลิตไฟฟ้าอีกต่อไป โดยในปี 2566 นี้ กฟผ.มีสัดส่วนเพียง 34-35% ที่เหลือเป็นของเอกชน และยังรับซื้อไฟฟ้าจากประเทศลาวด้วย ดังนั้น กฟผ.จึงเหลือสัดส่วนการผลิตน้อย ขณะที่ภาคเอกชนผลิตและจัดหาไฟฟ้าได้มากกว่า กฟผ. กลายเป็นว่า กฟผ.ต้องรับซื้อไฟจากเอกชนแล้วมาขายให้การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ก่อนจะขายให้ถึงประชาชน เชื่อว่าที่ค่าไฟฟ้าแพง มีที่มาจากการเเบ่งงานกันทำ และกินผลประโยชน์ร่วมกันของผู้เกี่ยวข้อง เพราะปัจจุบันประเทศไทยมีกำลังผลิตไฟฟ้าล้นเกินในระบบถึง 50% เนื่องจากมีโรงไฟฟ้าเอกชนจำนวนมากที่รับซื้อในอัตราที่สูงมาก บางโรงรับซื้อในราคา 6-10 บาทต่อหน่วย จึงไม่แปลกใจที่ไปคำนวณในค่า ft ค่าไฟในรอบเดือนที่ผ่านมาจึงสูง
ขณะที่นางณิชารีย์ กิตตะคุปต์ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (สร.กฟผ.) กล่าวว่า กฟผ.ไม่ใช่ผู้ผลิตหลักแต่พยายามคำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชน และแบกรับภาระหนี้สินมาโดยตลอด และค่าไฟฟ้าที่แพง เกิดจากมีกำลังไฟฟ้าสำรองที่สูง เนื่องจากมีการเอื้อให้โรงไฟฟ้าเอกชนผลิตเพิ่มมากขึ้น โดยไม่ดูสัดส่วนหรือความต้องการไฟฟ้าที่เหมาะสม ถือเป็นความผิดพลาดของรัฐบาล เพราะกำลังการผลิตไฟฟ้านั้นเอกชนมีถึง 70% ขณะที่ กฟผ.มีราว 30% เท่านั้น และในส่วนเชื้อเพลิงที่ผลิตไฟฟ้าจากแก๊สและพลังงานหมุนเวียน กฟผ.ต้องรับซื้อจากเอกชนหน่วยละเกือบ 10 บาท แต่ กฟผ.ไม่มีอำนาจกำหนดราคาไฟฟ้า ต้องทำตามนโยบายรัฐบาลและคำสั่งของหน่วยงานที่กำกับดูแล
"สหภาพแรงงาน กฟผ.จึงเรียกร้องให้รัฐบาลยุติหรือทบทวนสัญญาการซื้อขายไฟฟ้ากับเอกชน รวมถึงการทบทวนยุติอนุมัติโรงไฟฟ้าเอกชนแห่งใหม่อีก, ทบทวนแผน PDP ซึ่งเชื่อว่าหากแผน PDP นี้ผ่าน จะทำให้ค่าไฟฟ้าสูงขึ้นอีก ดูได้จากเชื้อเพลิงที่ควบคุมไม่ได้ ต่างจากของ กฟภ. ที่มีโรงผลิตที่ใช้เชื้อเพลิงที่หลากหลายในการผลิตไฟฟ้า พร้อมกันนี้ขอให้หน่วยงานที่กำกับดูแลหันกลับมาทำหน้าที่ตัวเองเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนด้วย" นางณิชารีย์กล่าว
นายปรีชา กรปรีชา รองประธานสหภาพแรงงาน กฟผ. ระบุว่า ปัจจุบันจะเห็นการเริ่มมีการทำลายความเป็นรัฐวิสาหกิจของ กฟผ. เพื่อเอาไปให้กับนายทุน ดังนั้น สิ่งแรกที่ต้องทำคือหยุดโรงไฟฟ้าเอกชน หรือหยุดสนับสนุนการสร้างและรับซื้อไฟฟ้าเอกชนไว้ก่อน แล้วกลับมาดูความมุ่งหมายของรัฐวิสาหกิจกับเอกชน ซึ่งแตกต่างกัน ขณะที่ปัจจุบันภาครัฐเองพยายามใช้ภาคเอกชนทำลายรัฐวิสาหกิจอย่างเช่นที่ทำร้ายองค์การโทรศัพท์ ซึ่งเป็นการทำลายผลประโยชน์ประชาชน
วันเดียวกันนี้ นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงข่าวกรณีจะมีการขึ้นค่าไฟฟ้าในเดือนพฤษภาคมนี้ว่า ทุกคนรู้ดีว่าในช่วงฤดูร้อนคนไทยใช้ไฟเพิ่มสูงมากกว่าปกติ ค่าไฟโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นทุกครัวเรือน แต่รัฐยังประกาศจะขึ้นค่าไฟ ถือเป็นการซ้ำเติมประชาชน พรรคชาติพัฒนากล้าต่อสู้เรื่องนี้มาตลอด โดยเฉพาะการแก้ปัญหาสินค้าราคาแพง ซึ่งหนึ่งในต้นตอสำคัญทำให้สินค้าราคาสูงขึ้นคือต้นทุนพลังงาน เราเสนอแนวนโยบายที่ชัดเจนที่จะแก้ปัญหา คือต้องรื้อโครงสร้างพลังงาน
"สาเหตุของการปรับค่าไฟฟ้าครั้งนี้คือการปรับค่าเอฟที โดยภาคประชาชนมีการปรับค่าเอฟทีขึ้น 5% แต่กลับลดให้ภาคอุตสาหกรรมคิดเป็น 30 กว่าเปอร์เซ็นต์ จากตัวเลขดังกล่าว พวกเราเห็นแล้วถึงกับอึ้งกับแนวนโยบายการกำหนดค่าไฟแบบนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไม่ได้คำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชน แต่กลับลำเอียงเข้าข้างภาคอุตสาหกรรมมากเกินไป"
นายกรณ์กล่าวด้วยว่า เราพบปะพี่น้องประชาชน ส่วนใหญ่ขอให้เราช่วยเรื่องค่าครองชีพ ของแพง ซึ่งมีสาเหตุมาจากต้นทุนพลังงาน เพราะฉะนั้นอย่าซ้ำเติมประชาชน และอย่าเข้าข้างนายทุนในระดับที่ประชาชนต้องเดือดร้อน อย่างไรก็ตาม ตนเห็นด้วยที่จะลดต้นทุนให้ภาคอุตสาหกรรม แต่ต้องไม่ใช่การเพิ่มภาระให้กับประชาชนแบบนี้ มันไม่ใช่แนวทางบริหารเศรษฐกิจของพรรคชาติพัฒนากล้า เพราะถือเป็นการต้มประชาชนครั้งใหญ่
ด้านนายวรภพ วิริยะโรจน์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ อดีต ส.ส. พรรคก้าวไกล กล่าวว่า โรงไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น สุดท้ายก็จะเป็นประชาชนที่ต้องรับภาระค่าใช้จ่ายจากสัญญาที่รัฐบาลทำไว้กับเอกชนตลอดระยะเวลา 29 ปี และยังเป็นการอนุมัติสัญญาโรงไฟฟ้าทิ้งทวนแบบเร่งรีบ โดยที่รัฐบาลเตะถ่วงการทบทวนแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศให้ล่าช้ามาแล้ว 1 ปี จากที่ควรออกมาตั้งแต่ปี 2565 เพราะถ้านำข้อมูลจริงมาทบทวน ก็จะรู้ว่ายังไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องอนุมัติโรงไฟฟ้าเพิ่มในวันนี้
"ถ้าประเทศไทยยังปล่อยให้มีรัฐบาลที่มีนโยบายเอื้อประโยชน์กลุ่มทุนพลังงานแบบนี้อีกต่อไป ประชาชนก็ต้องเป็นคนมาคอยจ่ายค่าไฟฟ้าแพงขึ้น ทั้งๆ ที่ไม่ควรต้องจ่าย ก่อเกิดเป็นความเหลื่อมล้ำ และลดขีดความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจไทยต่อตลาดโลกจากต้นทุนพลังงานที่แพง"
พรรคก้าวไกลจึงเสนอทางออก หนีจากวังวนทุจริตเชิงนโยบายเอื้อประโยชน์กลุ่มทุนพลังงาน ด้วยการปลดล็อกสายส่ง เปิดเสรีให้ประชาชนเลือกซื้อไฟฟ้าที่มีราคาถูกที่สุดได้เอง ไม่ต้องถูกบังคับผูกขาดซื้อไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฯ อีกต่อไป ทำให้ไม่มีรัฐบาลที่จะสามารถทำสัญญาเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนพลังงานแบบไม่เป็นธรรมในระยะยาวได้แบบที่ผ่านมา รวมถึงเสนอลดค่าไฟฟ้าได้เลย 70 สตางค์/หน่วย ภายใน 1 ปี จากการเปลี่ยนนโยบายก๊าซธรรมชาติของประเทศไทย.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กังขาเก็บ‘MOU44’ไว้หาประโยชน์
"สนธิญา" บุกทำเนียบฯ จี้ "นายกฯ-ครม." ยกเลิก MOU 44
สนอง‘พ่อนายกฯ’ คลังแจกเงินหมื่น คนอายุ60ปีขึ้นไป
รมว.คลังรับลูก "ทักษิณ" แจกเงินหมื่นคนอายุ 60 ปีขึ้นไป เผยใช้งบไม่มาก
รฟท.จี้กรมที่ดินทบทวนมติ มท.โบ้ยต้องไปยื่นศาลแพ่ง
"อนุทิน" ลั่นปัญหาเขากระโดงจบในกรม อย่าโยง รมว.มหาดไทย
ตร.รอคำสั่งศาล จ่อตั้งรองผบ.ตร. สอบวินัยบิ๊กโจ๊ก
“บิ๊กต่าย” ขอไม่ก้าวล่วงคำวินิจฉัยศาลปกครองสูงสุด แจงไม่ว่าคำวินิจฉัยจะเป็นอย่างไรพร้อมปฏิบัติตาม
‘แม้ว’โทษม.112 ชงแก้การบังคับใช้
"ทักษิณ" เผยธาตุแท้ อ้างพรรคร่วมรัฐบาลลงสัตยาบันไม่แตะ ม.112 แต่ ม.112
จวกทักษิณลวงโลก! ลืมสัจจะวาจาไม่ยุ่งการเมืองจะกลับมาเลี้ยงหลาน
ฮึกเหิม! "สทร." บอกเห็นมวลชนมาเยอะหัวใจพองโต ซัดพวกอิจฉาหาครอบงำ