ศิริราชแถลงคืน3ล.ชูวิทย์!

คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลแถลงด่วนขอคืนเงิน 3 ล้านให้ชูวิทย์ รับเป็นกรณีแรกตั้งแต่ศิริราชเปิดรับบริจาคมา “ชูวิทย์” เดือดเล็งส่งทนายกระดูกเหล็กฟ้อง “ษิทรา” แล้ว  ทนายตั้มมั่นใจไม่มีคำให้สัมภาษณ์ให้เสียหาย เตือนระวังคุก 10 ปีฟอกเงิน “เสี่ยหนู” บอกเสี่ยอ่างให้มีน้ำใจนักกีฬา

เมื่อวันที่ 24 มี.ค.2566 ยังคงมีความต่อเนื่องจากกรณีนายษิทรา เบี้ยบังเกิด  หรือทนายตั้ม ออกมาแฉว่านายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองรับเงินสีเทานำไปบริจาค และต่อมานายชูวิทย์ก็ยอมรับว่าเป็นเงินจาก พ.ต.ท.วสวัตติ์  มุครสกุล หรือสารวัตรซัวนั้น

ศ.นพ.อภิชาติ อัศวมงคลกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล  มหาวิทยาลัยมหิดล แถลงชี้แจงว่า เมื่อวันที่ 15 มี.ค. นายชูวิทย์ได้นำเงินมาบริจาค 3 ล้านบาท เป็นแคชเชียร์เช็ค โดยตั้งใจช่วยงานของภาควิชากายวิภาคศาสตร์ และมีใบเสร็จรับเงินจากศิริราชมูลนิธิในชื่อของนายชูวิทย์ ซึ่งหลังบริจาคแล้วไม่ได้มีการพูดคุยเป็นการส่วนตัว แต่เป็นที่แน่ชัดว่าเงินดังกล่าวอาจเกี่ยวข้องกับธุรกิจที่ผิดกฎหมาย ซึ่งนายชูวิทย์ก็ยืนยันเองว่าเป็นเงินที่มาจากธุรกิจผิดกฎหมาย ดังนั้น คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ และได้ติดต่อไปแล้วว่าอยากขอคืนเงิน 3 ล้านบาทนี้ให้นายชูวิทย์โดยเร็วที่สุด

“ครั้งนี้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่ศิริราชมีการเปิดรับเงินบริจาคมา แล้วต้องคืนเงินให้กับผู้บริจาค เพราะที่ผ่านมาบริจาคเราดูที่ตัวเงิน ไม่ดูตัวคน แม้แต่ผู้บริจาคบริจาคเพียงหลักร้อยบาทก็มารับด้วยตัวเอง แต่เงินที่เราทราบขณะนี้ ทราบว่าไม่ใช่เงินของนายชูวิทย์เลยคืน แต่หากเป็นเงินของนายชูวิทย์เองก็ยินดีที่จะรับบริจาค และใครก็ได้ที่มาบริจาค ศิริราชรับเงินบริจาคเพื่อเป็นสะพานบุญต่อไป” ศ.นพ.อภิชาติระบุ

ศ.นพ.อภิชาติกล่าวอีกว่า การรับบริจาคไม่ได้มีกฎเกณฑ์อะไรทั้งสิ้น อยู่ที่ความตั้งใจของผู้บริจาคว่าอยากจะช่วยงานของศิริราชอย่างไร ศิริราชยินดีเป็นสะพานบุญนำเงินบริจาคเหล่านั้นไปใช้ตามวัตถุประสงค์ของผู้บริจาค และจากนี้การบริจาคก็จะทำเหมือนเดิม เพราะเชื่อว่าคนที่มาก็ตั้งใจอยากจะช่วยศิริราช ไม่ว่าจะเป็นจำนวนเงินมากหรือน้อยก็ตาม

ต่อมานายชูวิทย์โพสต์เฟซบุ๊กว่า  คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ประสานขอคืนเงินบริจาคทั้งหมด ซึ่งจะนำไปมอบให้กับตำรวจ ส่วนตัวรู้สึกสบายใจมากขึ้นแล้ว

ต่อมานายชูวิทย์ลงพื้นที่นำรถติดเครื่องขยายเสียงรณรงค์การต่อต้านนโยบายกัญชาของพรรคภูมิใจไทย พร้อมแจกเสื้อยืดให้กับประชาชน โดยนายชูวิทย์กล่าวถึงประเด็นเรื่องเงินบริจาค และทนายตั้ม ซึ่งได้ต่อสายโทรศัพท์ไปหาทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ในฐานะทนายความของนายชูวิทย์ และยืนยันจะฟ้องร้องทนายตั้ม โดยทนายอนันต์ชัยเผยว่า การกระทำของทนายตั้มนั้นถือว่าผิดมารยาททนายความ และหากยังไม่มีพยานหลักฐานชัดเจนแล้วนำมาเปิดเผยต่อสาธารณชน ยังถือว่าเข้าข่ายการหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ส่วนกรณีนายชูวิทย์นำเงินสีเทาไปบริจาคนั้น ยังไม่เข้าข่ายการฟอกเงิน เพราะไม่ได้นำไปซื้อทรัพย์สิน แต่ประเด็นนี้อาจต้องให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเพิ่มเติม

ด้านนายษิทราโพสต์เฟซบุ๊กว่า “พี่ชูวิทย์จะฟ้องแล้วเหรอ ถามอะไรพี่ไม่ตอบ ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร แล้วผมก็มั่นใจไม่มีคำถามไหนทำประเทศชาติเสียหาย เงินจริง ถุงเงินจริง พี่ก็ยืนยันเองว่ารับมาจริง ผมแค่เป็นห่วง ว่าพอพี่ไปแตะเงินโจร เงินคนผิด ทั้งพี่ ทั้งโรงพยาบาลจะโดนพ่วงฟอกเงินกันไปหมด โทษสูงสุด 10 ปีต่อกรรมนะพี่ ต่างกรรมต่างวาระ คุกนะพี่ไม่ใช่โรงแรมเดวิส อย่าคิดไปเช็กอินบ่อย ผมเป็นห่วง”

นายรัชพล ศิริสาคร ทนายความชื่อดัง โพสต์เช่นกันว่า “เฮียชู ไม่ได้ปรึกษาทนายก่อนแถลงแน่ๆ ออกมารับสารภาพรับเงินสกปรก ตร.เตรียมเรียกสอบข้อหาฟอกเงิน คุก 10 ปีเลย”

พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท. ในฐานะโฆษก บช.ก. กล่าวในเรื่องนี้ว่า กองบัญชาการสอบสวนกลางต้องพิจารณาก่อนว่าพนักงานสอบสวนมีอำนาจตรวจสอบหรือไม่ และเงินที่นายชูวิทย์ได้มาเป็นเงินจากอะไร หากเป็นเงินจากการกระทำความผิดต้องถูกดำเนินคดีในฐานความผิดร่วมกันฟอกเงิน

ส่วนนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวว่า ยังไม่ได้ติดตาม พอดีมีภารกิจส่วนตัว ได้แต่อ่านข่าวเห็นว่ามีการเปิดเผยกันบางอย่าง ซึ่งก็ดี เป็นสังคมแห่งการเปิดเผย ใครที่ชอบเปิดเผยอะไรของแต่ละคนไว้ เมื่อถูกเปิดเผยบ้างก็ขอให้มีน้ำใจนักกีฬาเพียงพอที่จะให้ตรวจสอบ อย่าไปข่มขู่ อย่าไปขออะไรใคร อย่าไปบิดเบือน ซึ่งถือเป็นเรื่องดีที่พี่น้องประชาชนจะได้เห็นว่าที่จริงแล้วเป็นเช่นไร

 “คนที่ไม่ดีถึงอย่างไรก็เป็นคนไม่ดี  คนที่ดีถึงอย่างไรก็เป็นคนดี” นายอนุทิน กล่าว

 เมื่อถามว่า นายชูวิทย์กล่าวหาว่านายษิทราไปรับงานใครมาหรือไม่  นายอนุทินกล่าวว่า อันนี้ไม่ทราบ ต้องถามกันเอง และยืนยันว่าไม่ได้รับงานพรรคภูมิใจไทย เพราะไม่สนใจเรื่องพวกนี้ ไม่เสียเวลากับเรื่องเหล่านี้ เพราะเป็นพรรคที่มุ่งทำประโยชน์ให้แก่บ้านเมือง.