‘อนุทิน’ลั่น14พ.ค.รู้ผล!

กรุงเทพฯ ๐ คึกคัก! “ภูมิใจไทย” เปิดตัวผู้สมัคร กทม. 33 เขต “อนุทิน” โวได้ส.ส.มากกว่า 70 คนเยอะ เย็นวันที่ 14 พ.ค.รู้แน่ ลั่นพร้อมเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล   ขณะที่ประชาธิปัตย์คุยได้ 80 ที่นั่ง "นิพนธ์" เผยเป็นเป้าเดิม "เศรษฐา" ย้ำพร้อมเป็นนายกฯ ส่วน “สุริยะ” เผยมีดีเอ็นเอเพื่อไทย ยังไม่ทันไรอัดรัฐบาลประยุทธ์ไร้เอกภาพผสมหลายพรรค

     เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 18 มีนาคม 2566 ที่พรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วยนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ผอ.การเลือกตั้ง กทม.พรรคภูมิใจไทย เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. ทั้ง 33 เขต ประกอบด้วย เขต 1 พระนคร สัมพันธวงศ์ ดุสิต บางรัก น.ส.สิริอร ม้ามณี, เขต 2 สาทร ราชเทวี ปทุมวัน น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์, เขต 3 บางคอแหลม ยานนาวา นายนรเสฏฐ์ เธียรประสิทธิ์, เขต 4 คลองเตย วัฒนา นางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา, เขต 5 ห้วยขวาง วังทองหลาง นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ, เขต 6 ดินแดง พญาไท น.ส.ภาดาท์ วรกานนท์

     เขต 7 บางซื่อ ดุสิต นายพชร ภูมิจิตร, เขต 8 จตุจักร หลักสี่ น.ส.ศลิษา สิงหเสนี, เขต 9 บางเขน จตุจักร หลักสี่ น.ส.พีร์ปภาอร เสถียรไทย, เขต 10 ดอนเมือง นายณัฏฐ์  มงคลนาวิน,       เขต 11 สายไหม นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ, เขต 12 บางเขน สายไหม ลาดพร้าว นายศุภกิจ ตังทัตสวัสดิ์, เขต 13 ลาดพร้าว วังทองหลาง นายกษิดิ์เดช ชุติมันต์, เขต 14 บางกะปิ วังทองหลาง นายอำพล ขำวิลัย, เขต 15 คันนายาว บึงกุ่ม นายอิทธิเดช สุพงษ์,  เขต 16 คลองสามวา นายณัฐดนัย ชนิตร์วัฒน์, เขต 17 หนองจอก คลองสามวา นายนิกม์ แสงศิรินาวิน

     เขต 18 หนองจอก มีนบุรี ลาดกระบัง นายธีระวิทย์ วงศ์เพชร, เขต 19 มีนบุรี สะพานสูง นายพงษ์เพชร เพชรสุวรรณคดี, เขต 20 ลาดกระบัง นายเอกฤทธิ เจียกขจร, เขต 21 ประเวศ สะพานสูง นางสกุลรัตน์ ทิพย์วรรรณงาม, เขต 22 สวนหลวง ประเวศ นายมณฑล โพธิ์คาย, เขต 23 พระโขนง บางนา น.ส.มณีรัตน์ ลิมป์รัตนกาญจน์

     เขต 24 คลองสาน ธนบุรี ราษฎร์บูรณะ น.ส.เจณิสตา เตชะโสภณมณี,  เขต 25 ทุ่งครุ ราษฎร์บูรณะ นายเจริญศักดิ์ มณีรัตนสุบรรณ, เขต 26 จอมทอง บางขุนเทียน นายโชติพิพัฒน์ เตชะโสภณมณี, เขต 27 บางบอน บางขุนเทียน นายสุทธิชัย เมฆสุวรรณ,  เขต 28 หนองแขม บางบอน จอมทอง พญ.ศรันย์รัสย์ อภิวรานันทกุล, เขต 29 บางแค หนองแขม น.ส.ธัณยาการย์ เตชะพัฒน์สิริ, เขต 30 บางแค ภาษีเจริญ น.ส.ศุภิกา พัฒน์ธนันภู, เขต 31 ทวีวัฒนา ตลิ่งชัน นายพศิน ชาญศิลป์,  เขต 32 บางกอกน้อย บางกอกใหญ่ ภาษีเจริญ ตลิ่งชัน ธนบุรี น.ส.อัชญา จุลชาต และเขต 33 เขตบางพลัด บางกอกน้อย นายจักรพันธ์ พรนิมิตร

     โดยนายพุทธิพงษ์ปราศรัยตอนหนึ่งว่า พรรคภูมิใจไทยจะเดินหน้าขอโอกาสรับใช้คน กทม. เราไม่ได้พูดเฉยๆ และเราไม่ได้แค่พูดแล้วทำ แต่ก่อนพูดเราทำ พวกเราได้ทำไปแล้ว สิ่งที่ตนจะนำเสนอในวันนี้อาจจะต่างจากทุกพรรคการเมือง เพื่อบอกว่าทำไมประชาชนต้องเลือกพรรคภูมิใจไทย

      “เราปฏิเสธไม่ได้ว่า กทม.คือประเทศไทย คือที่รวมตัวของพี่น้องประชาชนทั้งประเทศที่เข้ามาพร้อมความหวัง มาเรียน มาศึกษา พรรคภูมิใจไทยจึงต้องมาขอรับใช้พี่น้องคนกทม. ผู้บริหารพรรคภูมิใจไทยได้ศึกษา ได้คิดวิเคราะห์จนตกผลึกแล้วว่า ปัญหาของคน กทม.คืออะไร เรามีความพร้อมมากกว่าพรรคอื่น กทม.ในวันนี้ ถ้าคิดแบบเดิม ทำแบบเดิม ก็ได้แบบเดิม เราจึงต้องมองว่าจะพัฒนา กทม.ไปข้างหน้าอย่างไร พรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคแรกและพรรคเดียวที่นำเสนอนโยบายของ กทม. แบบแบ่งตามกลุ่มเขต ตามสภาวะแวดล้อมและปัญหา เป็น 4 พื้นที่” นายพุทธิพงษ์กล่าว

พร้อมจัดตั้งรัฐบาล

     ขณะที่นายอนุทินกล่าวตอนหนึ่งว่า เราไม่เคยคิดแม้แต่วินาทีเดียวว่าคนกทม.ไม่เลือก เราจะไม่ให้ความสำคัญกทม. ตรงกันข้ามเราให้ความสำคัญ เพราะ กทม.คือทุกสิ่งของประเทศ พรรคเข้าใจประเด็นนี้ จึงทุ่มเททุกสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อ กทม. พร้อมยืนยันว่าทั้ง 33 คนที่อาสาเสนอตัวเข้ามาให้ประชาชนเลือก ไม่ได้อยู่ดีๆ มากรอกใบสมัคร แต่มีกระบวนคัดสรรสืบประวัติเต็มที่ เราทำให้คน กทม.เห็นว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องเลือกพรรคที่ทำงานให้คนกทม. เราจะสู้จนชนะ และเข้าไปมีบทบาทรับใช้พี่น้อง กทม.และชาวไทยทั้งประเทศ ซึ่งเราพร้อมจะจัดตั้งรัฐบาล และเป็นแกนนำต่อไป

     ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากปราศรัยเสร็จแล้ว นายอนุทินได้แจกธงที่มีชื่อและสัญลักษณ์ของพรรค ภท.ให้กับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ทั้ง 33 เขต เพื่อนำไปปักในพื้นที่ของตัวเอง เป็นการแสดงเชิงสัญลักษณ์ว่าพรรค ภท. ประกาศปักธงในพื้นที่ กทม. พร้อมมุ่งสู่การเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง จากนั้นได้ปล่อยขบวนรถแห่ของว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ของพรรคภูมิใจไทยเพื่อวิ่งไปให้ทั่วพื้นที่ กทม. ให้ประชาชนในเขตต่างๆ ได้รู้จักว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ของพรรคภูมิใจไทยให้มากที่สุด   

     นอกจากนี้ นายอนุทินยังให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวที่ไปพบกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และระบุว่าพรรคภูมิใจไทยจะได้ 70 ที่นั่ง เป็นความจริงหรือไม่ว่า ไม่เคยพูดกับใครว่าจะได้ 70 ที่นั่ง ตัวเลขของตนสูงกว่านั้นเยอะ ทั้งนี้ จากที่เราประเมินไว้ ผู้สมัครแข็งแรงมาก มีความนิยมในพื้นที่เป็นจำนวนมาก เราต้องคัดเลือกผู้สมัครก่อน ไม่ใช่ว่าใครจะกรอกใบสมัครอย่างเดียวก็ได้ ตรงไหนดูไม่แข็งแรง สร้างความนิยมไม่ได้เราก็ไม่ส่ง

     เมื่อถามว่า ที่บอกว่าจะได้ ส.ส.มากกว่า 70 ที่นั่ง คาดว่าจะได้จำนวนเท่าไหร่ นายอนุทินกล่าวว่า เย็นวันเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค.นี้ก็จะทราบ เรามั่นใจว่านโยบายความเข้มแข็งของพรรคและผู้สมัครจะทำให้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล

     วันเดียวกันนี้ นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรค และผู้อำนวยการเตรียมการเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์  กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ยังตั้งเป้าได้ ส.ส.เท่าเดิมตามที่ประกาศไว้หรือไม่  นายนิพนธ์กล่าวว่า เรายังตั้งเป้าได้ ส.ส. เท่าเดิม ถึงเวลานี้จำนวน ส.ส.ทั้งเขตและบัญชีรายชื่อ 70-80 ที่นั่ง ส่วนการเปิดตัว ส.ส.ระบบเขต 400 เขต และระบบบัญชีรายชื่อ 100 คนนั้น น่าจะมีการประชุมและเปิดตัวทั้งหมด ซึ่งกำลังดูว่า กกต.จะประกาศวันรับสมัครเมื่อไหร่ เมื่อยังไม่มีการประกาศวันรับสมัคร พรรคก็ลงพื้นที่ปราศรัยหาเสียงไปก่อน  และขณะนี้พรรคได้แจ้งไปยังสมาชิกว่า ใครประสงค์จะลงสมัครรับเลือกตั้ง ก็ให้แจ้งความจำนงมาที่พรรค เพื่อทำไพรมารี ซึ่งเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด

คิวปราศรัย 'บิ๊กตู่'

     นายหิมาลัย ผิวพรรณ ผู้ประสานงานพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)  เปิดเผยว่า กำหนดการปราศรัยของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรคการเมือง พรรครวมไทยสร้างชาติ หลังยุบสภา ในส่วนโซนภาคเหนือที่ตนดูแลนั้น เบื้องต้นตนเตรียมเสนอวันที่ 22 เม.ย. ให้ พล.อ.ประยุทธ์ขึ้นปราศรัยที่ จ.พิษณุโลก และในวันที่ 29 เม.ย. จะไปขึ้นปราศรัยที่ จ.เชียงใหม่ โดยทั้ง 2 จังหวัดดังกล่าวได้วางตัวผู้สมัคร ส.สไว้ครบทุกเขตแล้ว โดยตนจะส่งเรื่องให้คณะกรรมการบริหารพรรคและคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรคพิจารณา  แต่ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ พล.อ.ประยุทธ์ด้วยเช่นกัน

     ที่ อ.เมืองฯ จ.ชลบุรี แกนนำพรรคเพื่อไทย นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย,  นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย, นายสนธยา คุณปลื้ม แกนนำชลบุรี พรรคเพื่อไทย พูดคุยเกี่ยวกับการลงทุนในภาคอุตสาหกรรม และการสนับสนุนจากภาครัฐกับผู้ประกอบการในพื้นที่

     นายเศรษฐายืนยันว่า พร้อมเป็นนายกฯ ส่วนจำเป็นที่จะต้องมีชื่ออยู่ในรายชื่อ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคหรือไม่นั้น อย่าพูดไปถึงขนาดนั้นเลย มันจะเป็นการกดดันกรรมการบริหารพรรค ขอให้แล้วแต่กรรมการบริหารพรรค แต่เชื่อว่าอีกไม่นาน วันนี้ขอทำหน้าที่ที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยให้ดีที่สุด

     กรณีที่มีการแชร์ข้อความจากทวิตเตอร์ ที่นายเศรษฐาได้ทวีตแนะนำให้ประชาชนซื้อบ้านในโครงการบ้านจัดสรรนั้น นายเศรษฐายอมรับว่า เป็นคนทวีตจริง เพราะเห็นว่าตนยังเป็นพนักงานของบริษัท แสนสิริฯ อยู่ เพียงแต่พักงานเป็นการชั่วคราวเท่านั้น ดังนั้น การจะพูดถึงบริษัทก็สามารถทำได้ และถือเป็นสิทธิทั่วไปที่จะแสดงความเห็นเพื่อช่วยพนักงานของบริษัทที่มีกว่า  4,000 คน

     อย่างไรก็ตาม เมื่อทวีตดังกล่าว กลายเป็นประเด็นดรามา และถูกนำมาโจมตีว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม  ตนก็ขอยุติการทวีตข้อความในลักษณะนี้ และจะไม่มีข้อความในลักษณะนี้อีก

     นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีต รมว.อุตสาหกรรม และอดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงเหตุผลในการลาออกจากพรรคพลังประชารัฐ และกลับไปร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยว่า หลังจากทำงานร่วมกับรัฐบาลและพรรคพลังประชารัฐมากว่า 4 ปี พบว่าเป็นการทำงานที่ค่อนข้างมีอุปสรรค เพราะแม้พรรคพลังประชารัฐจะเป็นแกนนำรัฐบาล แต่ด้วยการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา พรรคพลังประชารัฐได้ ส.ส.มา 118 ที่นั่ง ทำให้เกิดความไม่เป็นเอกภาพในรัฐบาล ที่เป็นรัฐบาลผสมหลายพรรค มีการต่อรองโควตาต่างๆ จนพรรคพลังประชารัฐไม่ได้ดูแลกระทรวงเศรษฐกิจทั้งหมด ทำให้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้ประชาชนพึงพอใจได้ แนวนโยบายที่เป็นประโยชน์กับประชาชนและประเทศชาติหลายๆ เรื่องไม่ได้รับการผลักดัน หรือผลักดันไม่สำเร็จ

     เขากล่าวว่า สิ่งที่ต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน คือต้องช่วยประคับประคองให้ความเป็นอยู่ของประชาชน และเศรษฐกิจภาพรวมดีขึ้นโดยเร็ว อย่างทุกวันนี้ไทยมีจีดีพีแทบจะต่ำสุดในอาเซียน ดังนั้นเพื่อสร้างความเป็นเอกภาพในการทำงานของรัฐบาล ทำสิ่งต่างๆ ให้สัมฤทธิผล จึงต้องมองพรรคการเมืองที่จะเดินหน้าในเรื่องแลนด์สไลด์ ก็คงต้องเป็นพรรคเพื่อไทย

     “การตัดสินใจกลับมาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย ซึ่งมาจากพรรคไทยรักไทยในอดีต ก็เปรียบเสมือนบ้านเก่าของผม ผู้บริหารหรือ ส.ส.ก็ล้วนแล้วแต่รู้จักมักคุ้นกันมาก่อน ถือว่ามีดีเอ็นเอเดียวกัน เคยร่วมแรงร่วมใจกันผลักดันผลงานที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางมาแล้ว” นายสุริยะระบุ.

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ล่า ‘หมอบุญ’ เมียแค้นเอาคืน

ออกหมายจับ "หมอบุญ" พร้อมพวก 9 คน ร่วมหลอกลวงประชาชนร่วมลงทุนธุรกิจ รพ.ขนาดใหญ่หลายโครงการ เสียหายกว่า 7,500 ล้านบาท