"ส.ว.อุปกิต" แถลงข่าวร่ำไห้ เอาคืน "รังสิมันต์" แฉร่วมขบวนการกับ "พ.ต.ท.มานะพงษ์" ที่ภรรยาเป็นผู้สมัคร ส.ส.เขตสายไหม พรรคก้าวไกล ถามสมคบคิดกันหรือไม่ ปฏิเสธลั่นไม่รู้จักกับ คสช.ที่ได้เป็น ส.ว.เพราะมีความชำนาญด้านการต่างประเทศ และชำนาญด้านการไฟฟ้า
เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2566 ที่รัฐสภา นายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) แถลงข่าวกรณีถูกกล่าวหาพัวพันกับธุรกิจสีเทาและกระบวนการยาเสพติด ว่า ขออภัยที่แถลงข่าวช้าจากที่เกิดเหตุการณ์ เพราะเกรงว่าจะเสียรูปคดี แต่เมื่อสื่อบางสื่อกับนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้อภิปรายทั่วไปในสภาฯ ทำให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจผิด
จากนั้นนายอุปกิตเริ่มต้นด้วยการกล่าวถึงคดีลูกเขยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ยืนยันว่าหากเป็นผู้ที่มีอิทธิพลอย่างที่กล่าวถึงกัน คงจะช่วยลูกเขยตั้งแต่วันที่โดนจับที่บ้าน ไม่ปล่อยให้ลูกเขยอยู่ในเรือนจำถึงวันนี้เป็นเวลา 7 เดือน
นายอุปกิตกล่าวว่า ส่วนคดีของตนที่มีการออกหมายจับ และได้ถอนหมายจับในวันเดียวกันนั้น ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจเหล่านั้นโดนย้าย ยืนยันว่าตนไม่มีอำนาจจะสั่งย้ายใคร หรือกดดันให้ย้ายใครได้ เรียนให้ทราบว่า พ.ต.ท.มานะพงษ์ วงศ์พิวัฒน์ ในฐานะสารวัตรที่ทำคดีทุน มิน ลัต และพวกโดนย้าย เนื่องจากเป็นการย้ายไปตามรอบ และไม่มีผลงานใน 3-4 เดือน เพราะมีแค่คดี ทุน มิน ลัต การย้ายในครั้งนี้ไม่ได้ย้ายเพื่อลงโทษ แต่ย้ายไปในตำแหน่งใกล้เคียงกัน ถ้าตนมีอิทธิพลจริง ก็คงจะย้ายเขาออกไปไกล อีกทั้งตำรวจชุดนี้ไม่ได้รับคดีไว้ตั้งแต่ก่อนถูกย้ายแล้ว แล้วจะหาว่าตนทำอย่างนั้นทำอย่างนี้ได้
อย่างไรก็ตาม เหตุผลที่ขอออกหมายจับตนนั้น พบว่ามีการตกแต่งคำพูดในแชต นำบทสนทนาเรื่องต่างๆ มาผสม ซึ่งไม่ทราบว่าตั้งใจหรือไม่ตั้งใจเพื่อนำมาปั้นเป็นหลักฐานทำให้ตนมีความผิด การที่นายรังสิมันต์กล่าวว่า บุคคลย่อมเสมอภาคกันภายใต้กฎหมาย หากนายรังสิมันต์โดนออกหมายจับก็อยู่ภายใต้กฎระเบียบเดียวกับตน
นายอุปกิตกล่าวต่อว่า ตนทำธุรกิจซื้อขายไฟฟ้ามา 10 กว่าปีตั้งแต่ต้น หลังจากที่ก่อสร้างโรงแรม Allure เมียนมา ทางการเมียนมายังไม่มีไฟที่ใช้อย่างสม่ำเสมอ โรงแรมต้องใช้เครื่องปั่นไฟโดยเติมน้ำมันดีเซล เปิด-ปิดเครื่องทุก 6 ชั่วโมง ทำให้ไม่มีไฟใช้อย่างเสถียร และต้นทุนสูงมาก ทางรัฐบาลเมียนมาจึงให้ตนนำไฟไทยมาใช้ในเบื้องต้น ต่อมาประชาชนที่ท่าขี้เหล็กมีความต้องการใช้ไฟฟ้าเช่นเดียวกัน บริษัทจึงได้เป็นตัวกลางในการขายไฟ และการชำระค่าไฟไม่เคยมีปัญหามาก่อน แต่เริ่มมีปัญหาเมื่อด่านไทย-เมียนมาที่ท่าขี้เหล็กปิดในปี 2563 เนื่องจากโควิด-19 นายทุน มิน ลัต ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบในการโอนเงินได้ฝากเงินผ่านผู้รับบริการโอนเงินฝั่งเมียนมา แต่ในความเป็นจริงไม่ใช่ เพราะเมียนมาไม่มีระบบการเงินการธนาคารที่รองรับการโอนเงินได้ จึงใช้ระแบบแมชชิ่ง
“เมื่อนายทุน มิน ลัต ไปให้เงินในฝั่งเมียนมา ก็จะใช้บัญชีของลูกค้าฝั่งไทยโอนเงินไปตามที่เราต้องการ โดยเป็นการโอนเงินเข้าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ซึ่งทางตำรวจพบว่าบางบัญชีที่โอนเข้ามาเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ถ้าดูมูลค่าของธุรกิจไฟฟ้า ที่มีมูลค่าปีหนึ่งเป็นร้อยๆ ล้านบาท แต่ถ้าเทียบกับยอดเงินไม่ดีที่เข้า กฟภ. คิดเป็นเปอร์เซ็นต์แล้วถือว่าน้อยมาก ต่อมานายทุน มิน ลัต ได้จัดตั้งบริษัท ALLURE GROUP (P&E) CO.,LTD. ในไทย เปิดบัญชีกับธนาคารและให้ผู้รับโอนเงินโอนเข้าบัญชี ซึ่งก็คือเป็นวิธีแมชชิ่งเช่นเดิม คือเอาบัญชีในไทยโอนเข้าบัญชีบริษัทเพื่อที่จะรวบรวมเงินชำระค่าไฟฟ้า และลงบัญชีการเงินเพื่อชำระภาษีอย่างถูกต้อง และสามารถใช้อินเทอร์เน็ตแบงกิงได้จากย่างกุ้ง หรือที่ที่เขาอยู่ โอนเข้าไปที่ กฟภ. เพราะด่านชายแดนปิด นายทุน มิน ลัต ไม่สามารถเข้า-ออกประเทศไทยได้ แต่ยังไม่ทำเรื่องภาษีก็ถูกจับกุมเสียก่อน ข่าวกลุ่มบริษัท ALLURE เป็นเรื่องเกี่ยวกับการซื้อขายไฟฟ้าเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับธุรกิจอื่น แต่ตำรวจนครบาลกล่าวหาว่าบริษัท ALLURE เป็นตัวแปรค่ายาเสพติดเป็นกระแสไฟฟ้า แล้วจ่ายค่ายาเสพติดที่เมียนมา” นายอุปกิตกล่าว
นายอุปกิตกล่าวด้วยว่า เรื่องนี้ขอตั้งข้อสังเกตว่าเป็นทฤษฎีสมคบคิดหรือไม่ พ.ต.ท.มานะพงษ์มีความสัมพันธ์กับพรรคก้าวไกลหรือไม่ เส้นทางของข่าวเป็นระบบที่แปลกมาก และเป็นความชำนาญทางโซเชียลในการปล่อยข่าว เอกสารชี้แจงข้อเท็จจริงร้องขอหมายจับและเพิกถอนหมายจับ ซึ่ง พ.ต.ท.มานะพงษ์มาถึงกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม ถูกโพสต์โดยบัญชีเฟซบุ๊กลึกลับช่วงดึกของวันที่ 11 มี.ค. และผู้สื่อข่าวคนหนึ่งโพสต์ต่อในทวิตเตอร์ ซึ่งก่อนหน้านี้เธอคนนี้เป็นนักทำกิจกรรมเคลื่อนไหวปล่อยตัวผู้ชุมนุมทางการเมือง ตนไม่ทราบว่าเคมีตรงกับพรรคการเมืองใด
สื่อที่แชร์ข้อมูลเป็นสื่อแรกมักนำเสนอความเคลื่อนไหวพรรคการเมืองหนึ่งและกลุ่มนักกิจกรรมบ่อยครั้ง ต่อมาเฟซบุ๊กของ พ.ต.ท.ธีระวัฒน์ ปัญญาธรรมกุล ซึ่งเป็นเพื่อนรักของ พ.ต.ท.มานะพงษ์ โพสต์เป็นห่วง พ.ต.ท.มานะพงษ์ วันเดียวกัน นายรังสิมันต์ โรม นัดแถลงข่าวนำหนังสือชี้แจงของ พ.ต.ท.มานะพงษ์มาลง หลังจากนั้นฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลก็แชร์หนังสือดังกล่าว
ที่น่าสนใจคือ พ.ต.ท.ธีระวัฒน์ยังเป็นเพื่อนในเฟซบุ๊กของนายรังสิมันต์ด้วย เป็นตำรวจที่แสดงออกทางการเมืองหลายครั้งแบบหัวก้าวหน้า เช่น ร่วมเวทีเสวนากับไอลอว์ หัวข้อ ปราบม็อบ 101 ร่วมรายการ Spokedark TV ให้สัมภาษณ์มุมมองในเหตุการณ์กราดยิงที่หนองบัวลำภู เป็นต้น แต่ที่สำคัญคือ นางศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ หรือ ทนายแจม ภรรยาของ พ.ต.ท.ธีระวัฒน์ เป็นผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตสายไหม ของพรรคก้าวไกล เป็นนักกฎหมายสิทธิมนุษยชนกลุ่มของนายอานนท์ นำภา เคยรับมอบหมายให้ดูแลคดีการเมือง หนึ่งในนั้นคือ คดีของนายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ผู้ต้องหาคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ช่วงหลังว่าความให้แก่กลุ่มชุมนุมทางการเมือง กลุ่มทะลุต่างๆ ดังนั้นจึงอยากถามว่า พ.ต.ท.มานะพงษ์มีความสัมพันธ์กับพรรคก้าวไกลหรือไม่ เป็นความบังเอิญหรือสมคบคิดหรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการแถลงข่าว นายอุปกิตให้สัมภาษณ์กรณีการเชื่อมโยงทางการเมืองหรือถูกใช้เป็นเกมการเมือง เกี่ยวข้องกับการที่พรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ไปเช่าตึกของนายอุปกิตเป็นที่ทำการพรรคหรือไม่ว่า เรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องการเมืองตามที่ตนได้กล่าวไปแล้ว ส่วนตึกที่พรรคของนายกรัฐมนตรีใช้อยู่นี้ยอมรับว่าเป็นของตน แต่มีคนให้ตนซื้อตึกนี้ไว้ เนื่องจากมีเหตุการณ์โควิด เจ้าของบอกว่าไม่จำเป็นต้องใช้เป็นออฟฟิศแล้ว ซึ่งเป็นบริษัทที่ตนเคยบริหารขอร้องให้ตนซื้อไว้ โดยตนซื้อในราคาตลาด เขาทำยังไม่เสร็จ ตนก็มาจ่ายค่าก่อสร้างต่อ เมื่อสร้างเสร็จแล้ว ตนไม่ได้ทำธุรกิจแล้ว จึงได้เปิดให้เช่า และคนที่มาเช่าตึกนี้คือ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ตนไม่ทราบว่าเขาจะเอาไปทำพรรคการเมือง เนื่องจากเช่ามา 1 ปี ก่อนที่จะมีการจัดตั้งพรรคนี้
“ถ้าจะให้ยุติธรรม ผมไม่รู้จัก พล.อ.ประยุทธ์เป็นการส่วนตัว ท่านไม่ได้เข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ และผมให้พรรครวมไทยสร้างชาติเช่าอย่างถูกต้อง มีสัญญาเช่าถูกต้อง และเบื้องต้นผมไม่ทราบว่าเขาจะเอามาทำพรรคการเมือง ผมเลยเป็นเหยื่อของการเมือง” นายอุปกิตกล่าว
เมื่อถามว่า ทำไมบอกว่าไม่รู้จักกับนายกรัฐมนตรี เพราะในการแต่งตั้งเข้ามาเป็น ส.ว. อย่างน้อยก็ต้องรู้จักกับ คสช.มาก่อน นายอุปกิตตอบว่า ตนไม่ได้รู้จักสนิท แต่ตนคาดว่าสาเหตุที่เขาเลือกตนเป็น ส.ว.ก็เพราะตนมีความชำนาญด้านการต่างประเทศ และชำนาญด้านการไฟฟ้า
เขาบอกว่าคิดที่จะลาออกจากตำแหน่ง ส.ว. แต่ถ้าตนลาออก ก็เท่ากับตนผิด ตนสามารถที่จะปกป้องเกียรติได้ด้วยการไม่ลาออกจาก ส.ว. การลาออกเป็นประโยชน์อะไร จริงๆ แล้วถ้าตนทำผิดก็สามารถที่จะทำหนังสือถึงประธานรัฐสภา เพื่อขอตัวตนไปดำเนินคดีได้ แต่ตนไม่อยากที่จะไปเข้าทางใคร ไม่ใช่ว่าพอมาปรักปรำกัน แต่ยังไม่มีการพิสูจน์ก็ลาออก
ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายเรืองศักดิ์ สุขเสียงศรี ทนายความ ซึ่งได้รับอำนาจจากนายอุปกิต ยื่นหนังสือร้องเรียนและขอความเป็นธรรม การใช้พยานหลักฐานที่เจตนาบิดเบือนข้อเท็จจริงในการยื่นคำร้องขอออกหมายจับนายอุปกิต ต่ออธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา
นายเรืองศักดิ์กล่าวว่า ไม่ขอก้าวล่วงอำนาจอัยการสูงสุด ต้องปล่อยให้พนักงานสอบสวนที่ตั้งขึ้นมาทำคดีไป แต่ถ้ามีการออกหมายเรียกมา นายอุปกิตก็พร้อมไปให้ความร่วมมือ ถ้านายอุปกิตผิดคงหนีไปเเล้ว ตั้งแต่มีข่าวมานายอุปกิตก็อยู่บ้านเเละคุยกับตนตลอด.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แฉระบบเด็กฝาก ทำลายองค์กรตร. ดับฝัน‘ดาวฤกษ์’
เช็ก 41 รายชื่อแต่งตั้งนายพลสีกากี ระดับรอง ผบ.ตร.-ผบช.
ยธ.เมินแจงกมธ. ปมนักโทษเทวดา รพ.ตำรวจชั้น14
ชั้น 14 น่าพิศวง "โรม" กวักมือเรียก “ทักษิณ” ไปสภา เข้าแจง กมธ.มั่นคงฯ
แจกเฟส2เอื้อเลือกอบจ. เตือนร้องถอดถอนครม.
นายกฯ โชว์วิชั่น Forbes ยันไทยสงบ สันติ หวังแม้รัฐบาลเปลี่ยน
ฟ้อง9บิ๊กมท.ทุจริตที่เขากระโดง
เรื่องถึงศาล "ณฐพร" ฟ้องกราวรูด "บิ๊ก ขรก.มหาดไทย"
ลุ้นศาลรับคดีล้มล้าง ตุลาการถก6ประเด็น‘ทักษิณ-พท.’/ดันแก้ประชามติไม่รอ180วัน
"ทักษิณ-พท." ระทึก! 9 ตุลาการศาล รธน.ยืนยันนัดประชุมวาระพิเศษ 22 พ.ย.นี้
สั่งประหารชีวิต ‘แอม ไซยาไนด์’ คุกผัวเก่า-ทนาย
ศาลพิพากษาประหารชีวิต "แอม ไซยาไนด์" วางยาฆ่าก้อย พร้อมชดใช้ 2.3 ล้าน