ยื่นป.ป.ช.ฟัน‘ศักดิ์สยาม’ ‘ศุภชัย’ลั่นภท.ยอมไม่ได้

"ชูวิทย์" ยื่น ป.ป.ช.ตรวจสอบ 4 ปมทุจริตโยง  “ศักดิ์สยาม-ภท.” ลั่นจะตามทำลายพรรคภูมิใจไทย และจะไปบุรีรัมย์เคาะประตูบ้าน "เนวิน" ประกาศจองกฐิน  “เศรษฐา” ถ้าเป็นนักการเมืองไร้อุดมการณ์ ขู่แบล็กเมล์แน่ มีหลักฐานหมดแล้ว "อนุทิน" ปลง! เลิกถามได้แล้ว "ศุภชัย" ย้อนอีกยุค ร.5-ร.6 ปม รฟท.ตอบไม่ได้ที่ดินของตัวเองหรือเปล่า เตือนอย่ากล่าวหากัน พรรคยอมไม่ได้

เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2566 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เดินทางมายื่นเรื่องร้องเรียนต่อนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.ให้ตรวจสอบกรณีการทุจริตใน 4  ประเด็น ได้แก่ 1.กรณีนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ให้นอมินีถือหุ้นใน หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น  เพื่อไปรับโครงการต่างๆ จากกระทรวงคมนาคม 2.ตรวจสอบนายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ดำเนินการเพิกถอนที่ดินเขากระโดงของผู้บุกรุกที่ดิน รฟท. 3.ตรวจสอบนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข กรรมการ ป.ป.ช. กรณีขาดคุณสมบัติการเป็นกรรมการ ป.ป.ช. และ 4.ตรวจสอบเลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม  (ส.ป.ก.) กรณีปล่อยปละละเลยให้พนักงาน บมจ. ช.การช่าง ถือครองที่ดิน ส.ป.ก.ใน จ.สระบุรี โดยไม่ใช่ผู้ยากไร้ 

นายชูวิทย์กล่าวว่า การยื่นตรวจสอบในครั้งนี้ไม่มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ต้องการให้ทรัพย์สมบัติกลับมาเป็นของประชาชน พร้อมสาบานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์และพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่  5 ที่ประดิษฐานอยู่ด้านหน้าสำนักงาน ป.ป.ช. นอกจากนี้ยังได้นำธนบัตรกงเต๊กและกระดาษเงินกระดาษทองมาด้วย  โดยระบุว่านายศักดิ์สยามชอบเงิน หาเงินทอนจากโครงการต่างๆ รวมทั้งโฉนดที่ดินเขากระโดง ตนเผาไปให้เพื่อนำไปใช้ในปรโลก

"จะตามทำลายพรรคภูมิใจไทย และจะไปจังหวัดบุรีรัมย์ โดยจะไปเคาะประตูบ้านนายเนวินและนายศักดิ์สยาม เพราะไม่ใช่บ้านของนายเนวินและนายศักดิ์สยาม  แต่เป็นที่สาธารณะ ที่ รฟท."

เขายังกล่าวว่า หลังจากยุบสภาในวันที่ 20 มี.ค.จะยื่นให้ กกต.ตรวจสอบเพื่อยุบพรรคภูมิใจไทย กรณีนอมินีที่ถือหุ้นใน หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่นแทนนายศักดิ์สยาม  นำเงินที่ได้จากโครงการของกระทรวงคมนาคมไปบริจาคให้พรรคภูมิใจไทย ซึ่งถือเป็นเงินที่ไม่ชอบ เมื่อพรรคนำไปใช้ก็ต้องถูกยุบ และจะบอกให้ กกต.พิจารณาเป็นเรื่องเร่งด่วน และทำให้เสร็จก่อนการเลือกตั้งในเดือน พ.ค.66  เพราะถ้าไปยุบหลังการเลือกตั้ง บุคคลเหล่านี้ได้เป็น ส.ส.ก็จะเปล่าประโยชน์ เพราะสามารถย้ายพรรคได้ 

นายชูวิทย์กล่าวว่า ขณะนี้ตนกำลังจับจ้องนายเศรษฐา ทวีสิน ที่มีเบื้องหลังเรื่องสำคัญ และตนมีหลักฐานไว้หมดแล้ว แต่ยังไม่ขอนำมาเปิดเผย ขอดูพฤติกรรมนายเศรษฐาก่อน ซึ่งจะเรียกว่าตนแบล็กเมล์ก็ว่าได้ จะมีความตั้งใจจริงในการเป็นนักการเมืองแค่ไหน ถ้าดูแล้วไม่เข้าท่า  เป็นนักการเมืองที่ไม่มีอุดมการณ์ ตนจะเปิดเผยเรื่องเหล่านี้ ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับที่ นอกจากนั้นเห็นว่าผู้ที่เคยเป็นนายหน้าที่ดินอย่างนายเศรษฐา, นายศักดิ์สยาม,  นายอนุทิน ไม่ควรจะมาดูแลกระทรวงคมนาคมหรือกระทรวงที่เกี่ยวข้อง แต่ควรอยู่กระทรวงวัฒนธรรมเพื่อปรับปรุงตัว

ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ ว่า เรื่องคุณชูวิทย์ต้องเลิกถามตนแล้ว เพราะท่านใช้สิทธิในฐานะประชาชน ถ้าท่านยื่นต่อ ป.ป.ช.แล้วมีการรับเรื่อง  ผู้ที่เกี่ยวข้องก็ต้องตอบตามภาระหน้าที่ ซึ่งต้องพร้อมที่จะตอบไม่ว่าจะถูกหรือไม่ถูก

เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ที่นายชูวิทย์ประกาศทำลายเสียงของพรรคภูมิใจไทย โดยจะตามไปทุกที่ นายอนุทิน ตอบว่า เป็นเรื่องที่ดี เพราะผู้สมัครทุกคนก็ต้องขยันทำงานมากขึ้น พรรคภูมิใจไทยเราลงพื้นที่ทำงานกัน ซึ่งมีผู้สมัครครบทั้ง 77 จังหวัด ในการประชุมพรรคทุกสัปดาห์ก็มีการนำปัญหาจากพี่น้องประชาชนมาเสนอให้ผู้ใหญ่ให้การสนับสนุน

นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนสมาชิกพรรคภูมิใจไทย ตอบโต้ว่า ที่ดินเขากระโดงเป็นที่ดินที่มีเจ้าของอยู่ประมาณกว่า 1,000 แปลง ในเนื้อที่ประมาณกว่า  5,000 ไร่ เป็นที่ดินมีเอกสารสิทธิกันเกือบทุกแปลง  และกรมที่ดินก็ออกเอกสารสิทธิให้มาโดยชอบ โอนผ่านกันเป็นมือที่สองมือที่สามมือที่สี่ไปกันเรื่อยๆ เฉพาะที่ดินที่กล่าวหาคุณศักดิ์สยาม

ประการแรกคือ คุณศักดิ์สยามไม่มีที่ดิน เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินที่อยู่ตรงนี้เลย สองก็คือ ที่ดินที่ท่านประธานชัย ชิดชอบ เป็นเจ้าของ ก็เป็นที่ดินที่ซื้อมาจากบุคคลอื่นที่เป็นเอกสารสิทธิ และมีการออกเอกสารสิทธิกันมาถูกต้อง

 “มันเคยมีคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด กรณีที่กรมที่ดินไปเพิกถอนเอกสารสิทธิของประชาชนที่มีเอกสารสิทธิโดยชอบ คุณต้องจ่ายค่าชดเชยเขานะ ผมว่าที่ดินแถบนั้นราคามหาศาล แล้ววันนี้กรมที่ดินเองก็ถามการรถไฟฯ ว่า การรถไฟฯ มีเอกสารสิทธิอะไรที่มายืนยันว่าที่ดินทั้งหมดเป็นของ ร.ฟ.ท. ซึ่งก็ตอบไม่ได้ เพราะไม่มีอะไรนอกจากแผนที่สมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งซึ่งยืนยันว่า ถ้าในที่สุดแล้วมันจะต้องวินิจฉัยกัน อย่างไรก็เป็นเรื่องของหน่วยงานสองหน่วยงาน”

นายศุภชัยกล่าวอีกว่า ประชาชนอีกประมาณกว่า  1,000 รายจะเดือดร้อน กว่าพันรายที่อาจจะรับโอนมาต่อเนื่อง หรือผู้ที่ได้รับเอกสารสิทธิโดยชอบ เพราะฉะนั้นวันนี้เป็นเรื่องหนึ่งที่พยายามโยง จะบอกว่าเอกสารที่ท่านชัย ชิดชอบได้มา ตอนนั้นคุณเนวินอายุ 11 ขวบ จริงๆ  การรถไฟฯ ก็ไม่เคยคิดว่ากว่า 5,000 ไร่นี้เป็นของตัวเอง ในสมัยรัชกาลที่ 5 มีการตัดทางรถไฟไปอุบลราชธานี  ไม่ใช่ทางสองข้างทาง ความจริงก็คือที่ที่เขากระโดงเป็นเส้นทางจากนครราชสีมาที่จะไปบุรีรัมย์ และมีการทำรางรถไฟพิเศษมาที่เขากระโดง เพื่อมาขนหินไปก่อสร้าง ตรงนี้ไม่ใช่เป็นเส้นทางสายหลัก แต่ทำมาเข้ามาในป่าเพื่อที่จะมาขนหินจากเหมืองหินที่เขากระโดง เพื่อสร้างทางรถไฟไปจนถึงอุบลฯ

 “เพราะฉะนั้นตรงนี้ไม่ใช่เป็นทางสายหลักเลย เป็นการสร้างมา แล้วตรงนั้น ณ ช่วงเวลาสมัยรัชกาลที่ 6 เป็นที่รกร้างว่างเปล่า มาขนเสร็จแล้วก็จบ สร้างแล้วก็ไปต่อ  ตรงนี้ก็เป็นที่ร้าง แล้วประชาชนก็เข้ามาจับจอง จนกระทั่ง กรมที่ดินเองก็ได้มีการออกเอกสารสิทธิให้ อย่ามากล่าวหาว่าท่านศักดิ์สยามได้ทำผิด หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ในการที่ไม่ให้หน่วยงานที่กำกับได้ดำเนินการเพื่อผลประโยชน์ตัวเอง อันนี้เป็นการกล่าวหากันซึ่งในแง่ของพรรคเองก็ยอมไม่ได้” นายศุภชัยกล่าว

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ  (ป.ป.ช.) แจ้งข้อกล่าวหาผู้บริหารกรุงเทพมหานคร และนักธุรกิจ รวม 13 คน กรณีต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว  จะมีผลต่อรัฐบาลอย่างไรหรือไม่ว่า ไม่มีผลอะไรกับรัฐบาล  แต่มีผลกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวว่าเขาจะเดินต่อไปอย่างไร ส่วนที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.จะร้องให้  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมตรวจสอบเรื่องนี้นั้น ป.ป.ช.ตรวจสอบอยู่แล้ว ซึ่งไม่ว่ารัฐบาลจะตรวจสอบอะไรก็ตามก็ต้องไปที่ ป.ป.ช.อยู่ดี  และการที่ ป.ป.ช.กล่าวหาทั้ง 13 คน ก็มีหลากหลายกลุ่มที่เกี่ยวข้อง

เมื่อถามว่า นายกฯ ไม่มีอำนาจพิจารณาเรื่องนี้เลยใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า หาก ป.ป.ช.ไม่ได้ทำอะไร  รัฐบาลก็จะต้องดู แต่กรณีนี้ ป.ป.ช.ดำเนินการแล้ว เป็นเรื่องของ ป.ป.ช.แล้ว รัฐบาลจะไปสอบอย่างไรในเมื่อเอกสารหลักฐานอยู่ที่ ป.ป.ช.หมดแล้ว 

ถามอีกว่า มองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องการเมืองหรือไม่ รองนายกฯ ยอมรับว่าใช่.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง