![โกศลวัฒน์-อินทุจันทร์ยง-1](https://storage-wp.thaipost.net/2023/01/โกศลวัฒน์-อินทุจันทร์ยง-1.jpg)
“โกศลวัฒน์” เเจงขั้นตอนสอบสวนคดีเครือข่ายทุน มิน ลัต ชี้หมายจับยังไม่ถึงมือ อสส. ยันตั้งพนักงานสอบสวนคุ้ย ส.ว.คนดังแล้ว ผบก.ปส.3 บช.ปส.แจงขั้นตอนดำเนินการยิบ ลั่นไม่มีผู้ใหญ่หรือใครกดดัน เพราะหากทำจริงต้องรับโทษหนักกว่า 3 เท่า “โรม” เตรียมเปิดชื่อบิ๊กตำรวจเบื้องหลัง
เมื่อวันที่ 12 มี.ค. นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ให้สัมภาษณ์ถึงการเผยแพร่เอกสารของ พ.ต.ท.มานะพงษ์ วงศ์พิวัฒน์ สว.สส.สน.พญาไท เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง สว.กก.2 บก.สส.บช.น. ชี้แจงถึงขั้นตอนการดำเนินคดีกับเครือข่ายทุน มิน ลัต ว่าเป็นคดีนอกราชอาณาจักร และอยู่ในอำนาจอัยการสูงสุด (อสส.) ว่า ตามที่ปรากฏประเด็นเรื่องการขอออกหมายจับนายอุปกิต ส.ว.คนดังขณะนั้นเป็นกระบวนการในชั้นตำรวจฝ่ายสืบสวน ยังไม่มาถึงในส่วนของพนักงานอัยการ อัยการมารับเรื่องจริงภายหลังจากที่พนักงานสอบสวนเห็นว่าเป็นความผิดนอกราชอาณาจักรเสนอมายัง อสส.เพื่อรับเป็นคดีนอกราชอาณาจักร ซึ่งกฎหมายให้ อสส.เป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบหรือมีอำนาจตั้งพนักงานสอบสวน
นายโกศลวัฒน์กล่าวต่อว่า คดีนี้อัยการสูงสุดได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.คมสิทธิ์ รังไสย์ ผบก.ปส.3 เป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ และมอบหมายให้พนักงานสอบสวน บก.ปส.3 เป็นพนักงานสอบสวน โดยมีนายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน เป็นหัวหน้าชุดกับคณะอัยการรวม 9 คนเข้าไปร่วมสอบสวน พอเข้าสู่กระบวนการสอบสวนโดยมีการฟ้องนายทุน มิน ลัตอายุ 53 ปี นักธุรกิจค้าอาวุธชาวเมียนมาที่สนิทสนมกับผู้นำระดับสูงในเมียนมากับพวก ซึ่งมีลูกเขย ส.ว.คนดังในคดียาเสพติดและฟอกเงินต่อศาลไป ส่วนนายอุปกิตยังไม่มีการฟ้อง แต่ อสส.ก็ได้มีคำสั่งให้สอบสวนเป็นสำนวนคดีนอกราชอาณาจักรเมื่อวันที่ 26 ม.ค. โดยให้พนักงานสอบสวนชุดเดิมสอบสวน โดยมีหน้าที่ให้คำแนะนำ ส่วนการสอบสวนทางตำรวจจะเป็นผู้ปฏิบัติ รวมถึงการยื่นขอหมายต่อศาล ทางตำรวจซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนจะเป็นผู้ไปยื่นต่อศาล ยืนยันว่าเอกสารที่มีการเเชร์ในโลกออนไลน์เป็นเรื่องก่อนที่ อสส.จะรับเรื่องมาในสำนักงาน
“หลังจากนี้ในเรื่องการขอหมายต่อศาล จะอยู่ที่พนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการที่เข้าร่วมสอบสวนคุยกัน แต่คนไปยื่นจะเป็นพนักงานสอบสวนที่มีปัญหากันทางอัยการไม่ทราบ ที่ยื่นหมายไปเป็นตำรวจสืบสวนไม่ใช่สอบสวนด้วย อัยการจึงมารับเรื่องภายหลังจากที่ตำรวจฝ่ายการสอบสวนเห็นว่าเป็นความผิดนอกราชอาณาจักรเเล้วเสนอให้ อสส.สั่งการตามกฎหมาย” รองโฆษก อสส.ย้ำ
ขณะที่ พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีการโยกย้ายตำรวจชุดทำคดีเครือข่ายทุน มิน ลัต ว่าคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายที่ผ่านมาเป็นไปตามกฎระเบียบภายใต้กรอบกฎหมาย เพราะว่าหน่วยเป็นผู้พิจารณา รองผู้บังคับการ-สารวัตรเป็นอำนาจผู้บัญชาการอยู่แล้ว โดย ผบช.จะมีผู้บังคับการที่พิจารณาแล้วว่าคนไหนที่สามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพในการโยกย้ายก็เสนอขึ้นมา ตรงจุดนี้เป็นเรื่องปกติ
“ทุกอย่างทำไปโดยภายใต้กรอบกฎหมายอยู่แล้ว โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ฝากถึงผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคน ไม่ต้องกังวลในเรื่องการพิจารณาการโยกย้าย พยายามทำให้เป็นธรรมมากที่สุด คำนึงถึงภูมิลำเนา และมีหลักเกณฑ์ที่ไม่ไปเสียสิทธิ์ ผบ.ตร.อยากให้ตำรวจชั้นผู้น้อยได้มีโอกาสกลับภูมิลำเนา ถ้าไม่ติดขัดอะไร ถ้าใครประสงค์จะย้ายไปไหน สามารถทำเรื่องขึ้นมาได้ ผู้บังคับบัญชาพร้อมให้ความเป็นธรรม แต่งตั้งโยกย้ายด้วยความสุจริต ตรงตามวัตถุประสงค์ของผู้ต้องการโยกย้าย และผู้บังคับบัญชามีสิทธิ์เลือกคนมาใช้งาน ก็ต้องมีการสอบถามความสมัครใจ” โฆษก ตร.กล่าว
ด้าน พล.ต.ต.คมสิทธิ์ รังไสย์ ผบก.ปส.3 บช.ปส.กล่าวว่า การดำเนินคดีกับ เครือข่ายทุน มิน ลัตนั้น เริ่มจาก พ.ต.ท.มานะพงษ์ โดยสำนวนที่ 1 เป็นคดีระหว่าง พ.ต.ท.มานะพงษ์ ผู้กล่าวหา กับนายทุน มิน ลัต กับพวกรวม 10 คน และมีการยื่นคำร้องออกหมายจับผู้ต้องหารวม 6 ราย และได้จับกุมผู้ต้องหารวม 4 ราย ส่งให้ บช.ปส.ดำเนินคดี และหลบหนี 2 ราย รวมทั้งมีการร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับนายอุปกิตเพิ่ม 1 ราย รวมเป็น 7 ราย ต่อมา อสส.ได้พิจารณาสำนวนแล้วเห็นว่าเป็นความผิดตามกฎหมายไทยที่ได้กระทำลงนอกราชอาณาจักร จึงอยู่ในอำนาจของ อสส. จึงได้มีคำสั่งมอบหมายให้ ผบก.ปส.3 เป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบร่วมกับอัยการ โดยมีความเห็นว่าพฤติการณ์ผู้ต้องหาในคดีเข้าข่ายเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และมีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหารวม 9 ราย ส่วนนายอุปกิตที่ร้องทุกข์เพิ่มเติมในภายหลังได้แยกดำเนินคดีเป็นอีกสำนวน
พล.ต.ต.คมสิทธิ์กล่าวต่อว่า สำนวนที่ 2 เป็นการกล่าวหานายอุปกิตเป็นผู้ต้องหาที่เพิ่มเติมในภายหลังในชั้นการดำเนินคดีของพนักงานสอบสวนที่ได้แยกดำเนินคดี ซึ่ง อสส.ได้พิจารณาสำนวนที่ 2 เมื่อ 26 ม.ค.2566 ยังคงเห็นว่าเป็นความผิดนอกราชอาณาจักรเช่นเดียวกันกับสำนวนที่ 1 ซึ่งอยู่ในอำนาจของ อสส. จึงมอบหมายให้ ผบก.ปส.3 เป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบร่วมกับอัยการสำนักงานสอบสวน รวม 7 ท่าน ซึ่งมีนายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน เป็นหัวหน้าคณะพนักงานอัยการเข้าร่วมปฏิบัติหน้าที่
พล.ต.ต.คมสิทธิ์ยังกล่าวถึงประเด็นที่เป็นข้อสงสัยที่ปรากฏในสื่อสาธารณะหลายสื่อมีเนื้อหาระบุว่า ศาลได้ให้พนักงานสอบสวนไปออกหมายเรียกนายอุปกิตภายใน 15 วัน แล้วเหตุใดพนักงานสอบสวนไม่ออกหมายเรียกตามที่ศาลสั่งนั้น คณะพนักงานสอบสวนและคณะพนักงานอัยการได้พิจารณาแล้วเห็นว่า พยานหลักฐานในสำนวนหลายประการยังไม่สมบูรณ์ มีเอกสารที่ไม่ใช่ภาษาไทยมากกว่า 1,000 แผ่น และ อสส.ยังมีคำสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติมในสำนวนที่ 1 ซึ่งรายละเอียดพยานหลักฐานเกี่ยวพันกับผู้ต้องหาในสำนวนที่ 2 รวม 4 ประเด็นด้วย ซึ่งได้ดำเนินการไปแล้วหลายประเด็น แต่ยังเหลือประเด็นที่สำคัญที่ต้องใช้เวลาดำเนินการ เช่น การสั่งให้สอบสวนเกี่ยวกับการซื้อแคชเชียร์เช็คสั่งจ่ายค่าไฟฟ้าตั้งแต่ปี 2551-ปัจจุบัน การตรวจสอบบัญชีเงินฝากและเส้นทางการเงินของบัญชีที่เกี่ยวข้องประมาณกว่า 500 บัญชีที่เกี่ยวข้องกับการจ่ายค่าไฟฟ้า รวมถึงบุคคลอื่นเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับขบวนการเครือข่ายยาเสพติดกลุ่มนี้หรือไม่อย่างไร
“คณะทำงานร่วมกัน ผบก.ปส.3 ยืนยันว่า ในการดำเนินคดีดังกล่าว ทั้งคณะพนักงานสอบสวนและคณะพนักงานอัยการไม่มีบุคคลใดทั้งฝ่ายผู้กล่าวหาและฝ่ายผู้ต้องหา หรือผู้บังคับบัญชาทั้งสองฝ่ายทั้งตำรวจและพนักงานอัยการ เข้ามากดดันการสอบสวน หรือสั่งการในการสอบสวนเพื่อช่วยเหลือบุคคลใดๆ ทั้งสิ้น เพราะหากเข้าไปช่วยเหลือผู้กระทำผิดหรือกลั่นแกล้งผู้กระทำความผิดอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่ปฏิบัติตามที่กฎหมายบัญญัติ จะต้องระวางโทษเป็นสามเท่าของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น”พล.ต.ต.คมสิทธิ์กล่าว
นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวว่า ในวันที่ 13 มี.ค. จะแถลงเปิดเผยบิ๊กตำรวจที่อยู่เบื้องหลังการแทรกแซงคดีทุน มิน ลัต และปล่อย ส.ว.ทรงเอลอยนวลที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เพราะเมื่อเดือน ก.ย.2565 อสส.เห็นว่าคดีดังกล่าวเป็นคดีนอกราชอาณาจักร และมอบหมายให้ บช.ปส.ดำเนินการ ต่อมาเดือน ต.ค.มีการออกหมายจับและถอนหมายจับ แต่ก็ไม่มีความคืบหน้าอะไรจาก บช.ปส.เลย.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทร.บวงสรวง เรือพระที่นั่ง นำลงน้ำ4ก.ค.
สิริมงคล "กองทัพเรือ" บวงสรวงเรือพระราชพิธีพยุหยาตราทางชลมารค
ไฟเขียวรบ.ก่อหนี้ใหม่ กู้ทะลุ1ล้านล้านบาท
ครม.อนุมัติปรับแผนการบริหารหนี้สาธารณะครั้งที่สอง ปีงบ 67
ครม.สัญจรหนีม็อบ ทุ่มงบเอาใจอีสาน
"เศรษฐา" หลบม็อบเหมืองโปรแตช เปลี่ยนเส้นทางพร้อมเลิกชมนิทรรศการ
กฤษฎีกาเบรกชาญนายกอบจ.
เลขาฯ ป.ป.ช.แจงปมชี้มูล “ชาญ” ทุจริตอยู่ขั้นสืบพยานในชั้นศาล
วุ่น!เลื่อนรับรองสว. กกต.ไม่ทันแห่ร้องฮั้วอื้อ จับตาเลือก‘ปปช.-ตศร.’
"กกต." วุ่น! เจอแห่ร้องเรียนเลือก สว.รายวัน ต้องเพิ่มเวลาตรวจสอบ
ดันไทยสารพัดศูนย์กลาง จับตากวาดล้างยาเสพติด
"เศรษฐา" ร่อนอีสานตีปี๊บโคราชโมเดล มหานครดิจิทัลแห่งอนาคต