อย่าโหนศพหาเสียง พปชร.จวกก.ก.อันตราย! มารักคนเสื้อแดงในช่วงนี้

“บิ๊กป้อม” ทำบุญวันมาฆบูชาที่วัดชนะสงครามฯ ชาวบ้านเชียร์ให้นั่งนายกฯ คนที่ 30 เจ้าตัววิดีโอคอลไปเวทีปราศรัยนนทบุรี ลั่นเป็นคนใจถึงพึ่งได้ “นิพิฏฐ์”  ดีดปากพิธาแล้ว บอกอย่าเป็นคนฉลาดแกมโกงมารักคนเสื้อแดงจนน้ำลายไหลช่วงนี้ “ศุภชัย” เดือดถูกพรรคใหญ่เคลมนโยบายไปหาเสียง “จุรินทร์” ประกาศ 3 จุดยืน ยันไม่จับมือพรรคซื้อเสียง “ชลน่าน” โอ่มีแคนดิเดตนายกฯ  เกิน 3 ชื่อทำให้ประกาศช้า ลุ้น “สมศักดิ์ เทพสุทิน” จะย้ายมาซบหรือไม่ “ก้าวไกล” โวสายลมการเปลี่ยนแปลงกำลังเกิดขึ้นที่อีสาน-ใต้

เมื่อวันจันทร์ที่ 6 มีนาคม ยังคงมีความเคลื่อนไหวทางการเมืองแม้จะเป็นวันมาฆบูชา โดยเมื่อช่วงเช้าที่วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร เขตพระนคร กทม. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้เดินทางไปทำบุญ โดยนำพวงมาลัยไปไหว้ศาลสมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท และกราบสักการะพระพุทธนรสีห์ตรีโลกเชฏฐ์  พระประธานประจำพระอุโบสถ จากนั้นได้ถวายสังฆทานแด่ท่านเจ้าคุณพระพิศาลกิจจาภรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัด

โดยระหว่างนั้นชาวบ้านที่มาทำบุญที่วัดได้มาขอถ่ายรูปด้วย รวมถึงพ่อค้าแม่ค้าที่ขายของอยู่บริเวณนั้นได้อวยพรให้ พล.อ.ประวิตรเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 และเชียร์ให้สู้ๆ และหลังเสร็จภารกิจทำบุญ พล.อ.ประวิตรได้เดินทางไปที่ร้านปาท่องโก๋คาเฟ่ ย่านบางลำพู ซึ่งเป็นร้านดัง โดยได้สั่งข้าวหมูแดงหมูกรอบ พร้อมเกี๊ยวน้ำ และระหว่างนั่งรับประทานอาหารได้มีแฟนคลับมาขอถ่ายรูปและให้กำลังใจ เชียร์ให้เป็นนายกฯ ในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง ซึ่ง พล.อ.ประวิตรได้กล่าวขอบคุณ และร่วมถ่ายรูปเป็นที่ระลึกด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอย่างเป็นกันเอง

ขณะเดียวกัน เพจเฟซบุ๊ก FC ลุงป้อม ได้โพสต์คลิปวิดีโอขณะ พล.อ.ประวิตรวิดีโอคอลไปยังเวทีปราศรัยจังหวัดนนทบุรี เมื่อช่วงค่ำวันที่ 5 มี.ค. ซึ่งนายพลวัตร  บรรดาศักดิ์ หรือ ส.จ.บอย ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นนทบุรี เขต  5 พรรค พปชร.ได้ร่วมกับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นนทบุรีของพรรคเปิดเวทีปราศรัยที่โรงเรียนรุ่งเรืองวิทยา 96 ต.ท่าอิฐ อ.ปากเกร็ด เพื่อชี้แจงนโยบายพรรค โดย พล.อ.ประวิตรได้ทักทายพี่น้องประชาชนที่มาร่วมรับฟังการปราศรัย ท่ามกลางเสียงปรบมือและส่งเสียงเชียร์เรารักลุงป้อมเป็นระยะ ซึ่ง พล.อ.ประวิตรยังได้กล่าวทักทายด้วยสีหน้าสดใสว่า “ขอบคุณทุกกำลังใจทุกคนที่มอบให้ผม ขอให้มีความสุข ผมจะไม่ลืม และจะดูเเลทุกคนที่เชื่อมั่นในพรรคพลังประชารัฐ ผมใจถึงพึ่งได้นะครับ”

มีรายงานแจ้งว่า ในช่วงบ่ายวันที่ 8 มี.ค. พล.อ.ประวิตรมีกำหนดการลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและสระบุรี โดยมีนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.การคลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค พปชร., นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรค พปชร., นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค พปชร. พร้อมคณะร่วมลงพื้นที่ โดยเบื้องต้นเวลา 14.10-15.10 น. พล.อ.ประวิตรจะตรวจติดตามแผนบรรเทาอุทกภัยพื้นที่เจ้าพระยาตอนล่าง และแผนงานโครงการพัฒนาแหล่งน้ำที่สำคัญในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ณ วัดสะตือพุทธไสยาสน์ ต.ท่าหลวง อ.ท่าเรือ พร้อมกล่าวมอบนโยบาย และพบปะประชาชน

จากนั้นเวลา 15.10-15.30 น.เดินทางจาก อ.ท่าเรือ ไปยัง รร.วัดขอนชะโงก (เขียววิมลราษฎร์อุปถัมภ์) อ.หนองแค จ.สระบุรี ไปตรวจติดตามการบริหารจัดการน้ำของ จ.สระบุรี ณ ที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการสระบุรี อ.หนองแค จ.สระบุรี พร้อมกล่าวมอบนโยบาย และพบปะประชาชน

ด้าน ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค พปชร. เปิดเผยว่า ในวันพฤหัสบดีที่ 9 มี.ค. พรรค พปชร.จะเปิดเวทีเสวนา “พลังกรุงเทพ พลังประชารัฐ” ณ ที่ทำการพรรค ซึ่งจะเป็นการระดมความคิดเห็นเป็นครั้งแรก  และยังจัดต่อเนื่องในประเด็นที่จะนำไปสู่นโยบายการแก้ไขปัญหาให้คน กทม.ในทุกมิติ จากว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พปชร.  เครือข่ายภาคประชาสังคม นักวิชาการ และประชาชนในพื้นที่เขตเลือกตั้ง กทม. เพื่อร่วมหารือถึงประเด็นปัญหา และวิธีการขจัดปัญหา แก้ไขปรับปรุง สู่การผลักดันเพื่อออกนโยบายนำไปสู่การพัฒนา กทม.ให้ดียิ่งขึ้น

 “เวทีครั้งนี้จะเป็นการนำแนวคิดและนโยบายของว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคพลังประชารัฐ ที่ผ่านการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ทั้งภาคประชาสังคม นักกิจกรรม  นักวิชาการและประชาชนคน กทม. เพื่อมาร่วมเสนอแนวคิด มุมมอง และวิธีการแก้ปัญหา ที่นำไปสู่การออกแบบ การพัฒนาหรือนโยบายในการพัฒนาชุมชน ให้สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่แต่ละเขตที่มีปัญหาและความต้องการที่แตกต่างกันไป” ศ.ดร.นฤมลระบุ

ขณะที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ แกนนำพรรค พปชร.โพสต์เฟซบุ๊กเตือนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ระบุว่า "ด้วยความหวังดี  เนื่องจากอ่านข่าวนายพิธากล่าวหา พล.อ.ประวิตร ว่ามีส่วนฆ่าคนเสื้อแดงในปี 2553 เพราะเมื่อย้อนอายุไป ตอนนั้นนายพิธาเพิ่งอายุ 20 ปี ไม่ทราบว่าตอนนั้นอยู่ที่ไหน ได้ร่วมกับกระบวนการคนเสื้อแดงหรือเปล่า หรือเพิ่งมานอนบนซากศพคนเสื้อแดงในปีนี้"

ซัด ‘พิธา’ รักเสื้อแดงน้ำลายไหล

“ตอนนี้แปลกคุณพิธาเกิดรักคนเสื้อแดงขึ้นมาจนน้ำลายไหล ไม่ทราบว่าเคยไปเยี่ยม ไปดูแลครอบครัวเขาบ้างหรือเปล่า หรือเพิ่งรักตอนขึ้นเวทีหาเสียง คุณพิธาเป็นคนฉลาด แต่แปลกไม่พูดความจริง และไม่พูดให้คนฉลาด สมัยปี 2553 อย่าว่ารัฐบาลจะฆ่าคนเสื้อแดงเลย แม้การประชุมอาเซียนที่พัทยา เมื่อคนเสื้อแดงไม่ยอม รัฐบาลก็ยังจัดไม่ได้ เหตุการณ์ในกระทรวงมหาดไทย นายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ถูกล้อมรถเกือบเอาตัวไม่รอด  เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายนิพนธ์ พร้อมพันธ์ ถูกลากออกมาจากรถและถูกตีเกือบตาย ผมก็อยู่ใกล้ๆ แถวนั้นแหละ วันนั้น พล.อ.ประวิตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมท่านก็อยู่ในกระทรวงมหาดไทย ท่านยังห้ามทหาร ตำรวจ อย่าปะทะกับประชาชน เรื่องนี้ไม่อยากจะพูดแล้ว แต่ไปถามคุณแรมโบ้อีสาน สุภรณ์ หรือเสกสกล  อัตถาวงศ์ ดูสิ” นายนิพิฏฐ์โพสต์

นายนิพิฏฐ์โพสต์อีกว่า ตนอยู่ในกระบวนการปรองดองของประเทศนี้มาตลอดร่วม 20 ปี การที่ พล.อ.ประวิตรจะให้คนไทยก้าวข้ามความขัดแย้ง จับมือกันเดินทางไปข้างหน้าเพื่ออนาคตของประเทศและลูกหลาน ไม่เห็นว่าเราจะมีเหตุผลคัดค้านได้อย่างไร ตนรู้ว่านายพิธาฉลาด แต่การใช้คำพูดทำนองว่ามีการฆ่าคนนั้นเป็นการฉลาดแกมโกง ฉลาดแบบนี้อันตรายต่อบ้านเมือง และเป็นการหมิ่นประมาทคนอื่นด้วย คนหนุ่มๆ แบบนี้อย่าริทำเลย

ส่วนนายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย (ภท.) โพสต์เฟซบุ๊กภาพนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรค พร้อมข้อความ "อย่าลักไก่ก๊อปปี้นโยบาย" โดยระบุว่า ตอนนี้ทุกพรรคการเมืองต่างก็นำเสนอนโยบายหาเสียงแล้ว พรรค ภท.เองก็เช่นกัน ซึ่งนโยบายของพรรคชัดเจนและนำเสนอมานานหลายเดือน  มีอะไรบ้างให้ไปดูตามป้ายหาเสียง ทั้งพักหนี้ 3 ปี พักต้น ปลอดดอก, ศูนย์ไตเทียม ทุกอำเภอ, เครื่องฉายรังสีรักษามะเร็งต้องมีทุกจังหวัด, นโยบายกินดีอยู่ดี, ให้สิทธิ์ติดตั้งโซลาร์รูฟ, ลดค่าไฟ, ได้สิทธิ์ผ่อนซื้อมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าราคาประหยัด, กรมธรรม์ประกันชีวิตผู้สูงอายุ, นโยบายเกษตรร่ำรวย-เกษตรพันธสัญญา ฯลฯ ซึ่งเราจริงใจกับประชาชน เราติดป้ายชัดเจน เห็นในทุกพื้นที่ ทุกนโยบายเราผ่านการคิดวิเคราะห์จากทีมวิชาการที่มาจากทั่วทุกพื้นที่ กว่าจะมีหนึ่งนโยบาย ใช้ทั้งความทุ่มเทและความพยายาม เพราะนโยบายของเราต้องทำได้จริง ทำได้เร็ว  และต้องไม่เป็นภาระงบประมาณแผ่นดิน ที่สำคัญยังต้องสามารถช่วยยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนคนไทยได้

 “ล่าสุดมีพรรคการเมืองบางพรรคลักไก่ก๊อปปี้นโยบายของเราบนเวทีหาเสียงของท่าน ทีมงานส่งข้อมูลเป็นคลิปภาพว่ามีพรรคใหญ่พรรคหนึ่ง เอานโยบายเรื่องพักหนี้ 3  ปี ไม่เกิน 1 ล้านบาท หยุดต้น ปลอดดอกเบี้ย ที่เราคิดไปใช้หาเสียงในเวที ทั้งที่นโยบายนี้ไม่เคยอยู่ในแผ่นป้ายหาเสียงของพรรคท่าน นั่นแปลว่าท่านกำลังเคลมนโยบายของเราไปใช้แบบหลบๆ ซ่อนๆ ต้องขอบคุณผู้หวังดีที่ส่งคลิปมาให้ดู ณ จุดนี้จำเป็นต้องปกป้องความพยายามของทีมงานพรรคภูมิใจไทย ที่อดตาหลับขับตานอนคิดนโยบายมานำเสนอให้ประชาชน เราเสนอนโยบายมาให้ประชาชนเลือกเรา เราไม่ได้เสนอนโยบายมาให้บางคนบางพรรคเคลมไปใช้กันแบบดื้อๆ” นายศุภชัยระบุ

ส่วนที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ  และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์  พร้อมแกนนำพรรค ได้เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. 33 คน  33 เขต ภายใต้ใช้ชื่องานว่า “รวมพลังประชาธิปัตย์  กทม.” ภายใต้แนวคิด “ประชาธิปัตย์=ประชาชน DEM  FOR ALL” โดยนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรฯ  ในฐานะเลขาธิการพรรค ไม่ได้มาร่วมงานกะทันหันเนื่องจากติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งบรรยากาศภายในงานเป็นไปด้วยความคึกคัก มีการโหมโรงด้วยเพลงเช้าวันใหม่

นายจุรินทร์ปราศรัยช่วงหนึ่งว่า "ขอบคุณคน กทม.ที่ไม่เคยทิ้งประชาธิปัตย์ จากที่ลงพื้นที่หลายคนบอกว่าขอโทษคราวที่แล้วไม่ได้เลือก ปชป. แต่เที่ยวนี้จะเลือกแน่นอน แปลว่าจิตวิญญาณของประชาธิปัตย์ใน กทม.กำลังกลับคืนมา เลือกตั้งซ่อม 3 ครั้งหลังสุดที่ผ่านมาพรรคได้รับชัยชนะ เสียงดีขึ้นตามลำดับ พรรคให้ความสำคัญกับ  กทม. เพราะนอกจากเป็นเมืองหลวงแล้ว ยังเป็นลมหายใจของพรรคทุกคน วันนี้ขอบอกว่าเราพร้อมสำหรับคน กทม.  ทั้งคน นโยบาย และจุดยืนของพรรคที่ยั่งยืนที่สุด เราเตรียมนโยบายเฉพาะใน กทม.เสร็จแล้ว แต่จะรอจังหวะเวลาที่เหมาะสม วันนี้ประกาศเปิดตัวผู้สมัคร 33 คน 33  เขต เพื่อแสดงความพร้อมและประกาศการเดินหน้าในพื้นที่เข้าสู่การเลือกตั้ง

‘จุรินทร์’ ประกาศ 3 จุดยืน

นายจุรินทร์ยังได้ประกาศจุดยืน 3 ข้อ ได้แก่ 1.จะเป็นพรรคการเมืองที่ไปข้างหน้าเพื่อเป็นสถาบันการเมืองที่ยั่งยืนต่อไปในอนาคต ไม่ใช่พรรคการเมืองเฉพาะกิจที่มาแล้วไป 2.พรรคจะเดินหน้าพาประเทศไปสู่ประชาธิปไตย  3 เสาหลัก ยึดมั่นประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ประชาธิปไตยสุจริต และเป็นประชาธิปไตยที่พร้อมอิ่ม และ 3.ขอประกาศไม่เอาธนกิจการเมือง ไม่เอาการเมืองที่ซื้อสิทธิ์ขายเสียง เพราะคือต้นตอของการถอนทุนคืน การคอร์รัปชัน และนำพาประชาธิปไตยไปสู่หายนะในที่สุด

สำหรับรายชื่อว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ทั้งหมด 33  คน ประกอบด้วย เขตเลือกตั้งที่ 1 เขตพระนคร ป้อมปราบฯ สัมพันธวงศ์ ดุสิต ได้แก่ นางเจิมมาศ จึงเลิศศิริ  เขตเลือกตั้งที่ 2 เขตปทุมวัน สาทร บางรัก ได้แก่ น.ส.อรอนงค์ กาญจนชูศักดิ์ เขตเลือกตั้งที่ 3 เขตบางคอแหลม  ยานนาวา ได้แก่ นายอภิมุข ฉันทวานิช เขตเลือกตั้งที่ 4  เขตคลองเตย วัฒนา ได้แก่ ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง เขตเลือกตั้งที่ 5 เขตดินแดง ห้วยขวาง ได้แก่ นายธนา ชีรวินิจ เขตเลือกตั้งที่ 6 เขตพญาไท ราชเทวี ได้แก่ น.ส.ศิริภา อินทวิเชียร เขตเลือกตั้งที่ 7 เขตบางซื่อ ดุสิต ได้แก่ นายภูเบศร์ อภัยวงศ์ เขตเลือกตั้งที่ 8 เขตลาดพร้าว ได้แก่ นายแทนคุณ จิตต์อิสระ เขตเลือกตั้งที่ 9 เขตหลักสี่  จตุจักร ได้แก่ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ เขตเลือกตั้งที่ 10 เขตดอนเมือง ได้แก่ นายธัญญ์นิธิ ชวรัตน์นิธิโชติ 

เขตเลือกตั้งที่ 11 เขตสายไหม นายวัทธิกร หรุ่นศิริ  เขตเลือกตั้งที่ 12 เขตบางเขน น.ส.ปราณี เชื้อเกตุ เขตเลือกตั้งที่ 13 เขตบางกะปิ นายประพฤติ ฉัตรประภาชัย  เขตเลือกตั้งที่ 14 เขตบึงกุ่ม นายพันธ์พิสุทธิ์ นุราช เขตเลือกตั้งที่ 15 เขตมีนบุรี นายสุนันท์ มีนมณี เขตเลือกตั้งที่ 16 เขตคลองสามวา น.ส.เกศกานดา อินช่วย เขตเลือกตั้งที่ 17 เขตหนองจอก น.ส.ณัฐิดา เตาเฟ็ส เขตเลือกตั้งที่ 18 เขตลาดกระบัง นายสุพจน์ ฤกษ์ดี เขตเลือกตั้งที่ 19 เขตสะพานสูง ประเวศ นายกิตพล เชิดชูกิจกุล เขตเลือกตั้งที่ 20 เขตสวนหลวง นายจักรวี วิสุทธิผล 

เขตเลือกตั้งที่ 21 เขตบางนา พระโขนง นายสุทธิ  ปัญญาสกุลวงศ์ เขตเลือกตั้งที่ 22 เขตธนบุรี คลองสาน  นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ เขตเลือกตั้งที่ 23 เขตจอมทอง  น.ส.สุภัสสรา ธงไชย เขตเลือกตั้งที่ 24 เขตราษฎร์บูรณะ ทุ่งครุ นายชยิน พึ่งสาย เขตเลือกตั้งที่ 25  เขตบางขุนเทียน นายสากล ม่วงศิริ เขตเลือกตั้งที่ 26  เขตบางบอน หนองแขม น.ส.วณิชชา ม่วงศิริ เขตเลือกตั้งที่ 27 เขตทวีวัฒนา หนองแขม ตลิ่งชัน นายวัชระ เพชรทอง เขตเลือกตั้งที่ 28 เขตบางแค นายฮารูน มูหมัดอาลี  เขตเลือกตั้งที่ 29 เขตภาษีเจริญ ตลิ่งชัน นายธนูชยานันท์ ปั้นบริสุทธิ์ เขตเลือกตั้งที่ 30 เขตวังทองหลาง ดร.สุรภา ประยงค์ระวิกูล เขตเลือกตั้งที่ 31 เขตบางกอกน้อย ตลิ่งชัน นพ.พลวิทย์ เจริญพงศ์ เขตเลือกตั้งที่ 32 เขตจตุจักร นายธีรวิทย์ ภูมิดิษฐ์ และเขตเลือกตั้งที่  33 เขตบางพลัด บางกอกน้อย นายชนินทร์ รุ่งแสง

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค ได้ติดต่อทาบทามนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค ให้มาช่วยหาเสียงเลือกตั้งเรียบร้อยแล้วหรือไม่  ว่า ทราบว่าหลายคนในพรรคมีการพูดคุยกันอยู่ เชื่อว่าถ้าทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยก็คงมีการดำเนินการช่วยสนับสนุนประชาธิปัตย์ต่อไป

ด้านนายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม. เปิดเผยว่า ในส่วนนโยบาย กทม.ของพรรคได้จัดทำเสร็จแล้ว ขอให้อดใจรอ อย่างไรก็ตามปัญหาที่อย่างน้อยเราจะต้องเขาไปแก้ไขให้คน กทม. คืออากาศที่ต้องบริสุทธิ์และปัญหาน้ำท่วม

ฟุ้งมีแคนดิเดตมากกว่า 3 ชื่อ

สำหรับความเคลื่อนไหวของซีกฝ่ายค้านนั้น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.)  กล่าวถึงกรณีนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ให้ประกาศตัวแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคว่า เรากำลังประมวลและเตรียมเสนอรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ ทั้ง 3 คนของพรรคต่อคณะกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรค  เนื่องจากเรามีรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ มากกว่า 3 รายชื่อ  จึงอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาว่าจะเรียงลำดับอย่างไร โดยคาดว่าจะนำเข้าสู่การพิจารณาใกล้ช่วงยุบสภาผู้แทนราษฎร

เมื่อถามว่าที่แน่ๆ มีชื่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และนายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และที่ปรึกษาคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจพรรค พท.ด้วยใช่หรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า ฟังเสียงจากประชาชนแนวโน้มจะเป็นเช่นนั้น

เมื่อถามถึงการแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ จะทำให้พื้นที่เป้าหมายของพรรค พท.ลดลง และไปเพิ่มในพื้นที่ภาคใต้แทน  นพ.ชลน่านกล่าวว่า ยอมรับว่าพื้นที่ที่เรามีความเข้มแข็ง ในพื้นที่ภาคเหนือ โดยเฉพาะใน จ.เชียงใหม่และเชียงราย เกิดผลกระทบ และมีการไปเพิ่มในพื้นที่ภาคใต้แทน เมื่อดูผลตอบรับพบว่าเรามีกระแสเพิ่มขึ้นไม่ว่าภาคไหนก็ตาม ฉะนั้นเรามีโอกาสอยู่

ถามต่อว่า จะมีปัญหาเรื่องการวางตัวผู้สมัครหรือไม่  นพ.ชลน่านกล่าวว่า จริงๆ ในพื้นที่ที่มีการเปลี่ยนแปลง เราได้จัดตัวผู้สมัครไว้ครบหมดแล้ว เหลือแค่ขั้นตอนในการรับฟังความเห็นและประกาศชื่อกับ กก.บห.พรรคเท่านั้น ซึ่งหากพื้นที่ไหนหายไปไม่มีเขตเป็นของตัวเอง ส่วนใหญ่เราจะให้ขึ้นบัญชีรายชื่อ

เมื่อถามว่า ก่อนยุบสภาจะมีบ้านใหญ่และบิ๊กเนมเปิดตัวเข้าพรรคเพิ่มหรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า เราจะเปิดไปเรื่อยๆ จนกว่าจะยุบสภา ส่วนกรณีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน  รมว.ยุติธรรม และ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรค พปชร.จะมาเข้าร่วมกับพรรค พท.นั้น ต้องรอการตัดสินใจ แม้ขณะนี้จะเป็นช่วงปิดสมัยประชุมแต่อายุสภายังอยู่ ฉะนั้นการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ก็จะเกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์นี้หรือสัปดาห์หน้า  ซึ่งน่าจะเห็นทั้งหมด

ถามย้ำว่า แสดงว่านายสมศักดิ์มีโอกาสมาร่วมงานกับพรรค พท.แน่นอนใช่หรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า ก็ต้องรอฟังและรอดู กก.บห.พรรคไม่สามารถประกาศอะไรได้

ด้านนายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ  และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวว่า ปัจจุบันคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังอยู่ในช่วงการรับฟังความเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการแบ่งเขต ซึ่งไม่ว่าการแบ่งเขตจะออกมาในรูปแบบใดอาจสร้างความได้เปรียบเสียเปรียบแก่บางพรรคการเมือง แต่พรรคไม่หนักใจและยืนยันจะสู้ในทุกสนาม เพราะเราเชื่อในการเมืองที่ไม่ได้อาศัยหัวคะแนนหรือระบบอุปถัมภ์ เพื่อสร้างบุญคุณกับพี่น้องประชาชน แต่พรรคก้าวไกลยึดหลักการและผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง

“ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะในสภาหรือนอกสภา จะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หรือ ส.ส.เขต พรรคก้าวไกลพิสูจน์แล้วว่า แม้เป็นพรรคร่วมฝ่ายค้าน ก็ผลักดันกฎหมายหรือตรวจสอบรัฐบาลได้อย่างเข้มข้น หากเราได้มีอำนาจบริหารและเป็นรัฐบาล ก็พร้อมจะเปลี่ยนแปลงประเทศไทยในอีก 4 ปี  ดังนั้น ไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามจะใช้กลเม็ดใดในการแบ่งเขต เชื่อว่าพี่น้องชาวกรุงเทพฯ จะไว้วางใจมอบคะแนนเสียงให้พรรคก้าวไกล และเชื่อว่าจะแลนด์สไลด์ในกรุงเทพฯ ได้สำเร็จ” นายพิจารณ์กล่าว

โว ‘อีสาน-ใต้’ จะเปลี่ยนแปลง

นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรค กล่าวถึงการหาเสียงว่า ตลอดสัปดาห์ที่แล้วแกนนำสำคัญของพรรคลงพื้นที่หาเสียงในหลายจังหวัดทางภาคอีสาน  คือ ร้อยเอ็ด ขอนแก่น และอุดรธานี ได้รับการตอบรับที่ดีมากจากประชาชน โดยพี่น้องชาวอีสานเชื่อว่าพรรคจะสร้างความเปลี่ยนแปลงในสังคมไทยได้อย่างแท้จริง และเชื่อว่านายพิธาจะเป็นนายกรัฐมนตรีแห่งความเปลี่ยนแปลง ที่ไม่พาประเทศไทยกลับไปสู่จุดเดิม โดยนอกจากการเปิดตัวแกนนำอดีตพรรคอนาคตใหม่ อย่างนายธนาธร  จึงรุ่งเรืองกิจ, นายปิยบุตร แสงกนกกุล และ น.ส.พรรณิการ์ วานิช เป็นผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกลแล้ว ในพื้นที่อื่นๆ ก็มีแกนนำพรรคลงพื้นที่เช่นกัน เช่นตนจะลงภาคใต้ที่ จ.นครศรีธรรมราชและชุมพร ซึ่งมีประชาชนภาคใต้สะท้อนว่าต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลง เพราะที่ผ่านมาเลือกกี่ครั้งก็ได้ผลเหมือนเดิม รู้สึกเบื่อหน่ายการเมืองแบบอดีต ดังนั้นเชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงคงไม่พัดไปที่ภาคอีสานเท่านั้น แต่ที่ภาคใต้ก็จะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ด้วย

 “สัปดาห์นี้แกนนำพรรคก้าวไกลจะลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ระหว่างวันที่ 11-12 มีนาคมนี้ นายพิธาจะเดินสายลงพื้นที่ภาคใต้และเปิดตัวนโยบายสุขภาพที่ จ.นครศรีธรรมราช กระบี่ และภูเก็ต และในวันที่ 12 มี.ค.จะเปิดตัวนโยบายและว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ ครบทั้ง 33 เขต  สำหรับสถานที่และเวลาจะแจ้งให้ทราบต่อไป” นายรังสิมันต์ระบุ

น.ส.ธิดารัตน์ ยิ่งเจริญ โฆษกพรรคไทยสร้างไทย  (ทสท.) กล่าวว่า ภายหลังคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรค ทสท.ได้รับเชิญจากคณะเอกอัครราชทูตและอุปทูตผู้หญิง เพื่อแบ่งปันประสบการณ์และแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ในฐานะนักการเมืองหญิงชั้นนำของไทย เนื่องในโอกาสวันสตรีสากล วันที่ 8 มี.ค. ณ ที่พำนักของเอกอัครราชทูตแคนาดาประจำประเทศไทย นางซาราห์ เทย์เลอร์  โดยร่วมหารือกับคณะเอกอัครราชทูตและอุปทูตหญิงจากทั้งหมด 7 ประเทศ เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในฐานะเป็นนักการเมืองหญิงมากว่า 31 ปี รวมทั้งพูดคุยเรื่องมุมมองในการส่งเสริมนโยบายการมีส่วนร่วมของผู้หญิงในพรรคการเมือง โดยมีผู้เข้าร่วม คือ 1.นางซาราห์ 2.น.ส.แอนเจลา เจน แมกโดนัลด์ เอกอัครราชทูตเครือรัฐออสเตรเลีย 3.น.ส.มุนา อับบาว มะฮ์มูด รอฎี เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งราชอาณาจักรบาห์เรน 4.นางซีบีย์ เดอ การ์ทีเย ดีฟว์ เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรเบลเยียม 5.นางโกโลนเน อัปปุหามิลาเค จมินทะ อิโนกา โกโลนเน เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา 6.นางอูล์ปาจ์นา ลามา  อุปทูตแห่งสถานเอกอัครราชทูตคอซอวอ และ 7.นางโธเบกา ดลามินี อุปทูตแห่งสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐแอฟริกาใต้

 “โดยข้อมูลปี 2566 มี ส.ส.หญิงในสภาเพียง 73  คน จากทั้งหมด 474 คน หรือเพียง 15% ของทั้งหมด  ในขณะที่จำนวน ส.ว.หญิงมีทั้งหมด 26 คน จาก 250  คน หรือแค่ 10% เท่านั้น ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของนานาชาติที่อยู่ระดับ 26% ดังนั้นเห็นได้ว่า ไทยยังมีจำนวนนักการเมืองหญิงระดับแนวหน้าที่สามารถขึ้นมาอยู่ในระดับบริหารได้เพียงไม่กี่คน พรรค ทสท.จึงได้ริเริ่มโครงการหลักสูตรอบรมเพื่อเตรียมความพร้อมสู่นักการเมืองหญิง โดยสถาบันผู้หญิงกับการเมืองของพรรคไทยสร้างไทย เพื่อหวังสร้างนักการเมืองหญิงรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพสูงขึ้นมาดำรงตำแหน่งทางการเมือง”.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ปิดป่าฯ-สลาย“ปชป.” กฐินร้อนจ่อสอย“อิ๊งค์”

เป็นไปตามคาด เมื่อ “สรวงศ์ เทียนทอง” เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค พท. เมื่อวันที่ 27 สิงหาคมที่ผ่านมา ว่า สส.ไม่สบายใจที่จะร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ เพราะพฤติกรรมแทงข้างหลังและไม่ยอมรับนายกฯ คนที่ 31 ของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค

30วันเลือกนายกปทุม

"พิเชษฐ์" แจ้งสภา 143 สส.สังกัดพรรคประชาชนแล้ว ด้าน "ณัฐวุฒิ" เผยใช้อักษรย่อ "ปชน."