ป้อมสั่งฆ่า!เสื้อแดง ก้าวไกลปราศรัยดุ/อุ๊งอิ๊งไล่‘ชิดชอบ’พ้นบุรีรัมย์

"ธนกร" ลุยบ้านเกิดเมืองคอน มั่นใจ ปชช.ตอบรับนโยบายหนุน "ลุงตู่" สานงานต่อ "พปชร." เชื่อปมไม่นับต่างด้าวรวมเขตเลือกตั้งไม่กระทบพรรค แพลมหาเสียงแบบดาวกระจาย "บิ๊กแจ๊ด" ปัดข่าว "สะบั้นทักษิณ" สวมเสื้อ ภท. ขู่ฟ้องนักข่าว "อิสระ" เป็นพยาน "ชุมพล" พูดจริงบางพรรคทุ่ม 200 ล้านซื้อตัวแต่ไม่ใช่ รทสช. "อิ๊งค์" นำ พท.บุกถิ่นบุรีรัมย์ ลูกพรรคไล่ตะเพิดตระกูลชิดชอบพ้นเขากระโดง "พิธา-ปิยบุตร" ลุยเมืองหลวงคนเสื้อแดง ประกาศไม่ร่วมรัฐบาลกับคนสั่งฆ่าเสื้อแดง ปธ.ญาติวีรชนฯ ข้องใจ "บิ๊กป้อม" แผนปรองดองแค่ลิเกช่วงเลือกตั้ง

เมื่อวันอาทิตย์ ที่ จ.นครศรีธรรมราช นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรคการเมือง พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ลงพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช เพื่อพบปะประชาชนรับฟังเสียงสะท้อนปัญหาความเดือดร้อนของชาวนครศรีธรรมราช  รวมถึงเปิดตัว 9 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช โดยมีนายวิทยา แก้วภราดัย กรรมการบริหารพรรค รทสช.ร่วมด้วย ขณะที่นายสัมพันธ์ ทองสมัคร อดีตรัฐมนตรี ก็ให้การสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก

โดยทันทีที่นายธนกรเดินทางถึง จ.นครศรีธรรมราช ได้ไปสักการะพ่อท่านคล้ายวาจาสิทธิ์ ที่วัดธาตุน้อย อ.ฉวาง เพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนไปพบปะกับประชาชนใน อ.นาบอน จากนั้นได้เดินทางไปยังตลาดคนเดิน เทศบาลเมืองทุ่งสง อ.ทุ่งสง เพื่อเป็นประธานพิธีกวนข้าวยาคู พร้อมกราบไหว้พระและองค์กวนอิมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ที่ศาลเจ้าซำปอกง โดยพี่น้องชาวนครศรีธรรมราชได้ฝากส่งกำลังใจให้ พล.อ.ประยุทธ์หายป่วยไวๆ หลังทราบข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์มีอาการมือขวาบวม เข้าทำการรักษาตัวที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า

นายธนกรกล่าวว่า ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ปฏิบัติงานในตำแหน่งนายกฯอย่างเต็มที่ ห่วงตัวเองน้อยกว่าความห่วงใยที่มีต่อพี่น้องประชาชน ขยันลงพื้นที่เพื่อรับทราบติดตามการแก้ไขปัญหา  และเร่งสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ประชาชนมองเห็นถึงความจริงใจในการทำงาน จึงมีความมุ่งหวังให้ พล.อ.ประยุทธ์และพรรค รทสช.กลับมาบริหารประเทศ สานต่อนโยบายที่ทำไว้ และเดินหน้าพัฒนาประเทศให้ดียิ่งขึ้น มั่นใจว่าจะได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องชาวนครศรีธรรมราชเทคะแนนเลือก ส.ส. ของ รทสช.ยกจังหวัด

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.การคลัง ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงการแบ่งเขตของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยการคำนวณจำนวนราษฎรในการแบ่งเขตเลือกตั้งไม่นับรวมบุคคลที่ไม่ใช่สัญชาติไทยว่า มีความกระทบน้อยมาก เพราะมีเพียงแค่ 8 จังหวัดที่มีจำนวน ส.ส.พึงมีเพิ่มและลด  ดังนั้นพรรค พปชร.มองว่าไม่ได้เป็นปัญหา เพราะมั่นใจในนโยบายที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค ต้องการก้าวข้ามความขัดแย้งเพื่อให้ประชาชนได้มีความรักใคร่สามัคคี และมีพลังในการเดินหน้าต่อสู้กับวิกฤตอื่นๆ ได้

ส่วนกรณีที่มีนักวิชาการออกมาวิพากษ์วิจารณ์นโยบายเพิ่มเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ดูเป็นประชานิยม นายสันติกล่าวว่า ไม่ใช่นโยบายประชานิยม แต่เป็นนโยบายสร้างเสริมโครงสร้างทางเศรษฐกิจ แต่ว่านโยบายหลายอย่างที่จะช่วยเหลือพี่น้องประชาชนก็ต้องมีแรงจูงใจบ้าง แต่ไม่ได้ใช้เงินจนเลยเถิดโครงสร้างทางการเงินของรัฐบาล และตนก็อยู่กระทรวงการคลัง ย่อมรู้ว่าต้องใช้เงินขนาดไหนระบบเศรษฐกิจของประเทศจึงจะรับได้

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรค พปชร. เปิดเผยว่า ในช่วงนี้พรรค พปชร.จะแบ่งกันทํางานเป็นดาวกระจายตามหน้าที่รับผิดชอบของแต่ละคน ที่แบ่งเป็นภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน ในส่วนที่ตนดูแลพื้นที่ภาคกลาง ตอนนี้ท่านสันติ พร้อมพัฒน์เลขาธิการพรรค ก็มาร่วมช่วยหาเสียง เราก็จะลงพื้นมี่พบปะประชาชนใจทุกพื้นที่ วันนี้เรามีทีมงานที่มีคุณภาพที่จะมาร่วมช่วยกันสร้างความเข้าใจในเรื่องนโยบายของพรรคออกไปสู่พี่น้องประชาชน

เมื่อถามถึงการไปลงพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราชของ พล.อ.ประวิตร  มั่นใจจะรักษาฐานที่มั่นได้หรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ท่านมีความผูกพันกับภาคใต้อยู่แล้ว โดยเฉพาะ จ.นครศรีธรรมราชก็มี ส.ส.พปชร.อยู่ถึง 4 คน ส่วนการลงพื้นที่ไปห่มผ้าพระธาตุ เป็นการเเก้เคล็ดเสริมดวงหรือไม่นั้น ในวันเทศกาลสําคัญมาฆบูชา เราก็ต้องไปทําบุญกันอยู่แล้ว เป็นคนที่ทําบุญไหว้พระเป็นปกติอยู่แล้ว ไปที่ไหนก็ต้องไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก็เป็นมงคลกับชีวิตของท่านและบริวารของท่านเป็นปกติ

'บิ๊กแจ๊ด'ปัดสะบั้น'ทักษิณ'

ที่วัดบางเพลิง อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร นายสรอรรถ กลิ่นประทุม ประธานที่ปรึกษาพรรค, น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี ส.ส.บัญชีรายชื่อ, น.ส.ชนม์ทิดา อัศวเหม ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ได้เดินทางมาช่วยผู้สมัคร ส.ส.ในพื้นที่ คือนายนพ ชีวานันท์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 จ.พระนครศรีอยุธยา ในกิจกรรมดังกล่าวมีผู้สมัครเขตอื่นลงพื้นที่ด้วย โดยมีประชาชน มาต้อนรับกว่า 2,000 คน

ทั้งนี้ จากกรณีที่มีกระแสข่าว พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี หันหลังให้กับพรรคเพื่อไทย (พท.) ในการสู้ศึกเลือกตั้งครั้งต่อไป เพราะไม่สามารถผลักดันผู้สมัครของตัวเองได้ และมีการจับตาว่าอาจจะย้ายขั้วไปอยู่กับพรรค ภท. ล่าสุด เมื่อคืนวันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมา ที่วัดบ่อทอง ต.คูขวาง อ.ลาดหลุมแก้ว ระหว่างงานฉลองอุปสมบทของนายภาคภูมิ ขาวขำ หลานชายนายมนัส ขาวขำ อดีตนายกฯ อบต.คูขวาง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ได้เข้ามาต้อนรับและรับประทานอาหารร่วมกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ภท. โดยมีนางสมทรง พันธุ์เจริญวรกุล นายก อบจ.พระนครศรีอยุธยา ที่ลูกชายเป็นส.ส.และหลานสาวเป็นสมาชิกพรรค ภท. พร้อมด้วยสมาชิก ภท.อื่นด้วย จนมีการลือว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์อาจช่วยสนับสนุน ภท.

โดย พล.ต.ท.คำรณวิทย์กล่าวว่า เนื่องจากการเมืองตอนนี้เริ่มรุนแรง มีการแบ่งเขตและการต่อสู้กัน แต่ผลกระทบคือคนที่ออกไปต่อสู้ในแต่ละพรรคของ จ.ปทุมธานี กลายเป็นคนใกล้ชิดตนหมดเลย เมื่อออกไปแล้วแข่งขันกันว่ามันสะบั้นกัน ซึ่งเรื่องแบบนี้ไม่เคยอยู่ในหัวเลย คนอย่างตนจะไปสะบั้น จะไม่รัก "พี่ษิณ" (นายทักษิณ ชินวัตร) เป็นไปไม่ได้ การผูกพันกับพี่ษิณมีมาตั้งแต่ที่เรียนจบจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจมาด้วยกัน เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกัน ผูกพันกันมานาน เรื่องการเลือกพรรคต่างๆ พวกนี้มันเรื่องเล็ก ผู้สมัครคนนั้นคนนี้มาลงพรรคไหนก็เป็นสิทธิของพรรคเขา เมื่อพรรคไม่เลือก เขาก็มีสิทธิที่จะไปพรรคอื่น ก็เป็นธรรมดา

"ผมก็รู้ว่าใครที่ไปฟ้องนายทักษิณว่าผมขึ้นเวทีภูมิใจไทย แต่เขาพูดไม่หมด เขาควรพูดให้หมด เป้าหมายของผมคือต้องการให้ จ.ปทุมธานีเจริญ ผมพูดกับน้องๆ ที่ไปพรรคต่างๆ ว่า คนที่อยู่เพื่อไทย พลังประชารัฐ ภูมิใจไทย ถ้าได้เป็น ส.ส.ต้องช่วยผลักดันโครงการต่างๆ ตอนนี้ก็สู้กันไป เมื่อเสร็จแล้วกลับมาเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิม ใครที่มาปทุมธานีผมไปรับทุกคน ผมไม่เคยที่จะลบหลู่พี่ษิณแม้แต่นิดเดียว ผมยังเคารพรักพี่เขาเหมือนเดิม คนที่ไม่รู้จริงแล้วคุณไปเขียนข่าว ไม่สะท้อนความจริง แบบนี้ใช้ไม่ได้นักข่าว ผมจึงให้รวบรวมเอกสารทั้งหมดที่ว่าสะบั้นกับทักษิณ หากเข้าข่ายผมฟ้องแน่นอน" พล.ต.ท.คำรณวิทย์กล่าว

นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนสมาชิกพรรค ภท. กล่าวถึงกรณีที่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรค ภท. ในฐานะ รมว.คมมนาคม ถูกศาลรัฐธรรมนูญมีคําสั่งรับคําร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยกรณีหุ้นของ หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น และสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ว่า กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องการร้องเกี่ยวกับคุณสมบัติ เช่นเดียวกับกรณีที่เคยมีการร้องกรณีการถือหุ้นสหกรณ์ของนายชวน หลีกภัย อดีตนายกฯ หรือกรณีการซุกหุ้นของนายทักษิณ ชินวัตร มิใช่กรณีกล่าวหาว่ามีการทุจริต กรณีนายศักดิ์สยาม มิใช่ในตำแหน่งเลขาธิการพรรค ซึ่งเป็นเรื่องที่นายศักดิ์สยามต้องชี้แจงพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนต่อศาลรัฐธรรมนูญเป็นการเฉพาะตน มิได้เกี่ยวข้องกับพรรค ภท.ที่มีผู้พยายามออกมาบิดเบือนโดยการกล่าวหาว่าเป็นคดีทุจริตหรือโยงว่ามีความเกี่ยวข้องกับ ภท.จึงเป็นความเท็จ

ทุ่ม 200 ล้านจริงแต่ไม่ใช่ รทสช.

ที่ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสงขลา ถนนนางงาม อ.เมืองฯ จ.สงขลา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พร้อมด้วยนายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรค, มาดามเดียร์ นางวทันยา บุนนาค, นายสรรเพชญ บุญญามณี ผู้สมัคร ส.ส.พรรค ปชป.เขตเลือกตั้งที่ 1 สงขลา เปิดศูนย์ประสานงานเลือกตั้ง เขต 1 และการมีปราศรัยย่อย เพื่อขอให้สนับสนุนนายสรรเพชญ โดยนายจุรินทร์กล่าวว่า มั่นใจว่าจะชนะยกจังหวัด ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงมาก พร้อมกับยืนยันว่าที่พูดนี้ไม่ได้มโนหรือจินตนาการ แต่พูดจากความจริงที่มีประสบการณ์ และเข้าใจความรู้สึกของพี่น้องชาวสงขลา รวมถึงว่าที่ผู้สมัครทุกคนล้วนเป็นคนคุณภาพ คนรุ่นใหม่ ส่วนเรื่องการแบ่งเขตใหม่ของ กกต. ที่ทำให้ภาคใต้เพิ่มจาก 58 เขตเป็น 60 เขต ว่าถือเป็นโอกาสของปชป.ที่จะทำให้มี ส.ส.เพิ่ม ซึ่ง ปชป.มีความพร้อมมากที่สุด

นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชป. ในฐานะที่ปรึกษาประธานรัฐสภา กล่าวถึงกรณี นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา และอดีตหัวหน้าพรรค ปชป. กับนายชุมพล กาญจนะ อดีต ส.ส.ปชป.และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ พูดถึงการเสนอเงิน 200 ล้านบาทเพื่อให้ย้ายพรรคว่า ในฐานะอยู่ในเหตุการณ์ที่นายชวนและนายชุมพลพบกันทั้ง 2 ครั้ง ไม่ว่าจะนายชวน ไปเยี่ยมที่บ้านนายชุมพล จ.สุราษฎร์ธานี และไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลตอนนายชุมพลป่วย ตนจำบทสนทนาได้เเม่น เห็นกับตา ได้ยินมากับหู ที่มาที่ไปคือนายชุมพล เล่าให้ฟังว่ามีพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่ รทสช. มาเสนอเงินให้ 200 ล้านบาท แต่นายชุมพลไม่ไป เพราะเงินซื้อเขาไม่ได้ โดยมาทาบทามเสนอเก้าอี้รัฐมนตรีให้อีกด้วย ไม่ใช่แค่เงิน 200 ล้านบาท

"ทางนายชวนก็ไม่เคยพูดว่านายชุมพลไปเพราะเงิน ซึ่งเป็นไปตามข้อเท็จจริงในบทสนทนาของทั้งสองคน ส่วนกรณีที่นายชุมพลย้ายไปพรรค รทสช. ก็ไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับบทสนทนาดังกล่าว การที่นายชุมพลตัดสินใจย้ายพรรค ด้วยเหตุผลส่วนตัวใดๆ ก็ตาม ผมไม่อยู่ในวิสัยที่จะไปก้าวล่วง เรื่องก็มีแค่นี้" นายอิสระกล่าว

เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ศูนย์ประสานงานพรรคเพื่อไทย (พท.) เขต 10 อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์​ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และนายพานทองแท้ ชินวัตร พี่ชาย พร้อมด้วย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรค, นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา และเลขาธิการพรรค, นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรค, นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี, นายอดิศร เพียงเกษ แกนนำพรรค, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.บุรีรัมย์ทั้ง 10 เขต ร่วมเวทีปราศรัย ท่ามกลางประชาชนที่เดินทางมาร่วมรับฟังปราศรัยจนล้นพื้นที่

โดย นพ.ชลน่านปราศรัยว่า เรายกทัพใหญ่มาพบพี่น้อง พร้อมฝากผู้สมัคร ส.ส.บุรีรัมย์ทั้ง 10 เขตไว้ในอ้อมอกอ้อมใจ วันนี้มีคนมาฟังปราศรัยหนาแน่นคับคั่งเป็นหมื่นคน แม้สถานที่ถูกจำกัดคับแคบก็ตาม ก่อนหน้านี้เราได้ทำหนังสือใช้สถานที่ราชการที่มีพื้นที่กว้างขวาง แต่ไม่มีใครอนุญาต จึงต้องมาใช้สถานที่ตรงนี้ ที่ผ่านมาบุรีรัมย์ถูกครอบงำมานาน ย้ำว่าถ้าไม่ได้แลนด์สไลด์ 250 ที่นั่งขึ้นไป เราไม่สามารถเปลี่ยนบุรีรัมย์ได้

พท.ตะเพิดตระกูลชิดชอบ

ด้านนายอดิศร ปราศรัยประกาศไล่ตระกูลชิดชอบออกจากเขากระโดง และให้เจ้าหน้าที่ไปจับกุมนายเนวิน ชิดชอบ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคภูมิใจไทย ​และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคมและเลขาธิการพรรค ภท.ได้แล้ว หลังถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่กรณีให้นอมินีถือหุ้นแทน รวมทั้งขอให้เอากัญชาออกไปจากพื้นที่ เพราะคนขอนแก่นคนอุดรธานีไม่เลือกพรรคกัญชาอยู่แล้ว คนบุรีรัมย์ยังจะเลือกอยู่หรือไม่ และขอให้ จ.บุรีรัมย์อย่าเป็นขี้ปากของใคร

ส่วน น.ส.แพทองธารปราศรัยว่า ไหนใครบอกว่ามาบุรีรัมย์คนจะน้อย ตนไม่ได้คาดอะไร แต่วันนี้คนมาจนล้นขอบเวที ตนดีใจที่พี่น้องบุรีรัมย์มาต้อนรับแน่น รู้สึกใจชื้นจริงๆ ตอนนี้ตนมีลูกและกำลังท้องอยู่ ไม่อยากให้ลูกโตขึ้นมาในประเทศที่มองไปทางไหนก็มีแค่ยาเสพติด แถมยังมีกัญชาเสรีมาอีก จึงไม่อยากให้กัญชาหาง่าย มองไปทางไหนก็เจอแต่กัญชา เราต้องปราบปรามด้วยการใช้ 3 ป. คือ “ป. 1” ปราบยาเสพติด ใครที่ผลิตหรือขาย เจอเมื่อไรจับเมื่อนั้น “ป.2” เปิดการคุยเจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน และคุยการค้าเสรีเพื่อเพิ่มเงินในกระเป๋า และ “ป.3” เปลี่ยนผู้เสพให้เป็นผู้ป่วย รักษาให้หาย กลับมาเป็นลูกหลานของเราได้เหมือนเดิม

ขณะที่นายณัฐวุฒิปราศรัยว่า มาวันนี้ไม่รุกรานเปิดศึกกับใคร ซึ่ง พท.เคยเป็นเจ้าของพื้นที่นี้มาก่อน เรารับพี่น้องกลับบ้านหลังใหญ่หัวใจดวงเดิม บางคนบอกอยู่ที่นี่เกรงใจครูใหญ่ เพราะบางพรรคการเมืองเขามีครูใหญ่อยู่ ก็ขอบอกว่าไม่ต้องกลัว เพราะพรรคเรามี ผอ. และครูใหญ่ต่อไปก็ต้องเป็นอาจารย์ใหญ่ เพื่อให้นักศึกษาแพทย์ผ่าดู

ต่อมา น.ส.แพทองธารกล่าวถึงบรรยากาศการลงพื้นที่หาเสียง จ.บุรีรัมย์ว่า รู้สึกใจชื้น และขอเป็นตัวแทนพรรค พท.ขอบคุณพี่น้องชาวบุรีรัมย์ที่มากันเยอะมาก และไม่ลุกออกจากที่นั่งเลยจนจบ ถึงแม้จะเป็นเวลาเที่ยงก็ยังแน่นเหมือนเดิม เมื่อถามว่า จ.บุรีรัมย์ถือเป็นพื้นที่สำคัญของพรรค ภท. จะแข่งขันอย่างไร น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ทุกพื้นที่สำคัญ การแลนด์สไลด์จะอาศัยเพียงพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งไม่ได้ ทุกพื้นที่สำคัญมาก และไม่ว่าคนจะมองว่าพื้นที่นั้นเราจะแพ้หรือชนะ ก็เดินหน้าเสนอนโยบายให้ประชาชนตัดสินใจต่อ

เมื่อถามถึงหลักการการบุกรุกที่ดินเขากระโดง กรณีการทุจริตรถไฟฟ้าสายสีส้ม ไปจนถึงกรณีการซุกหุ้น จะถูกหยิบยกมาใช้ในการปราศรัยด้วยหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เราชี้ให้เห็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ว่าพฤติการณ์ของกลุ่มการเมืองหรือนักการเมืองที่เข้าไปทำหน้าที่เพื่อประชาชนนั้น เกิดผลกระทบต่อประชาชนอย่างไร อย่างกรณีที่ฝ่ายค้านยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรีของนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ที่เห็นว่าไม่ชอบในการซุกหรือถือหุ้นอยู่ ศาลก็รับคำร้องและสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่แล้ว

เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ จ.สุรินทร์ แกนนำพรรคเพื่อไทยและว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สุรินทร์ทั้ง 8 เขต เดินทางเข้าสักการะอนุสาวรีย์พระยาสุรินทรภักดีศรีณรงค์จางวาง ที่ อ.เมืองสุรินทร์ โดยว่าที่ผู้สมัครส.ส.สุรินทร์พร้อมใจกันชูธงแดงโบกสะบัดขอพร เพื่อให้พรรค พท.แลนด์สไลด์ยกจังหวัด จากนั้นเวลา 15.00 น. น.ส.แพทองธารและคณะเดินทางไปเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ที่ตลาดเมืองใหม่ไอคิว อ.เมืองสุรินทร์ ท่ามกลางประชาชนร่วมเวทีปราศรัยเนืองแน่นจนล้นพื้นที่ และส่งเสียงเชียร์ดังกึกก้องต้อนรับ น.ส.แพทองธารเมื่อเดินทางมาถึงเวทีปราศรัย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดเวทีปราศรัยตั้งแต่ จ.นครราชสีมา จ.บุรีรัมย์ และ จ.สุรินทร์ นายพานทองแท้ได้เดินขนาบข้างคอยระวังหลังให้ น.ส.แพทองธาร ที่มีอยู่อายุครรภ์กว่า 7 เดือนอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่เดินเข้าสถานที่และขึ้นลงเวทีปราศรัย เนื่องจากช่วงนี้ น.ส.แพทองธาร มักมีอาการเหนื่อยหอบและอาการหายใจไม่ทันอยู่บ่อยๆ

โดย น.ส.แพทองธารปราศรัยว่า ทุกคนคิดถึงพ่อใหญ่ทักษิณและคุณอายิ่งลักษณ์บ้างหรือไม่ ซึ่งทางไกลก็ฝากความคิดถึงกับพี่น้องชาวสุรินทร์มาด้วย และย้ำนโยบายต่างๆ หากพรรค พท.ได้กลับมาเป็นรัฐบาล ทั้งการปราบปรามยาเสพติดด้วยวิธี 3 “ป.” แก้ไขปัญหาที่ทำดินทำกิน และสินค้าการเกษตรต้องมีราคาสูงขึ้น

นายประเสริฐกล่าวว่า ในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ พรรค ภท.ก็มีกระแสของเขาเอง แต่ก็เช่นเดียวกันกับพรรค พท. ที่มีกระแสในพื้นที่ต่างจังหวัดแบบยกจังหวัด การลงพื้นที่ปราศรัยหาเสียงในจังหวัดบุรีรัมย์ครั้งนี้ พรรคเพื่อไทยเอาจริง จะประกาศนโยบายของพรรค โดยที่ประชาชนก็มีความต้องการให้ พท.ไปปราศรัยหาเสียงด้วย คู่แข่งของ พท.คือ ภท.ที่มีความหวังจะกวาดที่นั่ง ส.ส.ยกจังหวัดบุรีรัมย์ แต่พท.ก็มีความหวังเช่นเดียวกัน

ขณะที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) พร้อมด้วยนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้าและผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ยังคงร่วมกันเดินสายหาเสียงในภาคอีสานอย่างต่อเนื่องที่ จ.อุดรธานี ช่วงเช้าได้ช่วยหาเสียงให้กับนายอานันท์ อมรินทร์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.อุดรธานี พรรคก้าวไกล โดยขึ้นรถอีแต๋นแห่หาเสียงไปตามถนนสายหลักของ อ.ศรีธาตุ ก่อนร่วมกันเปิดเวทีปราศรัยที่โรงเรียนศรีธาตุวิทยาคม ท่ามกลางประชาชนให้ความสนใจเข้าร่วมรับฟังเป็นจำนวนมาก

ข้องใจ'ป้อม'เล่นลิเกปรองดอง

นายปิยบุตรกล่าวว่า ปี 2553 คนที่เข้าไปต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยอย่างแข็งขันที่สุดก็คือคนเสื้อแดงอุดรธานี วันนั้นจบลงด้วยการปราบปรามคนเสื้อแดง หลายคนถูกจับดำเนินคดี บาดเจ็บล้มตายกันไป ผ่านไปถึง 13 ปี วันนี้ยังไม่ชำระสะสาง นายทหารที่บัญชาการการสั่งฆ่ายังลอยนวล แถมยังได้มาเป็นนายกฯ เป็นรัฐมนตรีในวันนี้ แม้แต่ พล.อ.ประวิตร ที่วันนี้เสนอตัวมาเป็นนายกฯ เป็นโซ่ข้อกลางก้าวข้ามความขัดแย้ง ก็เป็นผู้อำนวยการ ศอฉ.วันนั้น ทำหน้าที่ปราบปรามสลายการชุมนุมคนเสื้อแดง ใครก็ตามที่ไปร่วมรัฐบาลกับ พล.อ.ประวิตรได้ ก็คือคนที่เหยียบหน้าคนเสื้อแดงทั้งประเทศ พรรคก้าวไกลชัดเจนมาตลอด ว่าจะไม่เข้าร่วมกับพรรคทหารจำแลงไม่ว่าพรรคไหนทั้งนั้น ถ้า ครม.วันข้างหน้ามีพรรคทหารจำแลงอยู่ในนั้นเมื่อไร พรรคก้าวไกลพร้อมเป็นฝ่ายค้านทันที

"ใครที่ไม่อยากเห็นการเมืองเดิมๆ แบบนี้อีกแล้ว ขอให้ร่วมกันเลือกพรรคก้าวไกลให้มากๆ เราต้องการ ส.ส. จำนวนมากๆ เพียงเพื่อไปยกมือให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ไปเลือกนายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี ไปส่งมอบนโยบายที่ดีให้กับประชาชนเท่านั้น" นายปิยบุตรกล่าว

ด้านนายพิธากล่าวว่า วันนี้ตนต้องเตือนความจำทุกคนว่า พล.อ.ประวิตร ที่วันนี้อ้างว่าต้องการมาสร้างความปรองดอง แท้จริงแล้วเป็นเพียงการฟอกขาวตัวเอง เพราะความขัดแย้งที่เกิดขึ้นนั้น พล.อ.ประวิตรก็เป็นผู้สร้างมันขึ้นมากับมือ ตัวเองเป็นผู้อำนวยการ ศอฉ. ต้องไม่ลืมว่า พล.อ.ประวิตรคือคนที่มีส่วนร่วมฆ่าประชาชนในวันนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อ 13 ปีที่แล้ว ต้องได้รับการแสวงหาข้อเท็จจริง เอาคนผิดมารับโทษ จึงจะสร้างการปรองดองได้

"พรรคก้าวไกลยืนยันมาตั้งแต่ต้นจะเอาประเทศไทยเข้าสัตยาบัน ICC โดยไม่ต้องมีข้ออ้างรีรอใดๆ และต้องนิรโทษกรรมประชาชนย้อนหลังถึงปี 2557 ที่มีคนเสื้อแดงถูกเอาเข้าคุกดำเนินคดี มาจนถึงวันนี้ที่มีเยาวชนนักเคลื่อนไหวถูกจับกุมคุมขังอยู่ เราจะพาคนเห็นต่างทุกคนออกจากคุกให้หมด เลือกก้าวไกลให้ถล่มทลายเท่านั้นถึงจะเปลี่ยนแปลงได้ เปลี่ยนให้การเมืองดี เปลี่ยนให้ปากท้องดี ให้ประเทศไทยมีอนาคต” นายพิธากล่าว

นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา’35  อดีตกรรมการศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดอง สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประวิตร ประกาศจะก้าวข้ามความขัดแย้งนำสังคมไทยออกจากกับดักความคิด 2 ขั้วว่า   คณะกรรมการญาติวีรชนฯ มีความข้องใจ สงสัยและไม่วางใจว่ามีความจริงใจที่จะทำตามคำมั่นสัญญาประชาคมหรือไม่  แม้ในหลักการจะเห็นด้วยและสนับสนุนก็ตาม เพื่อเป็นการพิสูจน์ถึงความจริงใจ พล.อ.ประวิตรต้องตอบเรามาก่อนว่า  รายงานการศึกษาและข้อเสนอแนะแนวทางการสร้างความปรองดองของ สปช. ซึ่งประธาน สปช.เสนอให้รัฐบาลแล้ว ไปซุกไว้ที่ไหน ทำไมไม่ดำเนินการตามข้อเสนอแนะ ไม่ใช่มาพูดเพียงเพื่อหาเสียงแล้วหลอกแกนนำผู้ชุมนุมอีกตามเคย กลายเป็นลิเกปรองดองที่ไร้ความน่าเชื่อถือ แต่หากมีความจริงใจ ยืนยันว่าจะสนับสนุนทุกรูปแบบเพื่อให้สังคมไทยอยู่ร่วมกันอย่างสันติ

"หาก พล.อ.ประวิตรมีความจริงใจจะสร้างความปรองดอง ต้องนำเสนออย่างเป็นรูปธรรมมากกว่านี้ ไม่ใช่แค่นามธรรมมาทำในช่วงการหาเสียง และต้องให้คำมั่นสัญญาประชาคมต่อประชาชนทุกหมู่เหล่า ว่าเมื่อได้เป็นรัฐบาลแล้วจะดำเนินการโดยมีชักช้า โดยนำข้อเสนอแนะของคณะกรรมการปรองดอง สปช.มาพิจารณา และที่ นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ ได้เสนอร่างพระราชบัญญัติสร้างเสริมสังคมสันติสุข พ.ศ.... ต่อสภาผู้แทนราษฎรแล้ว และขอเตือนว่าหากจะปรองดองโดยการนิรโทษกรรมแบบสุดซอยเหมือนในอดีต จะพบกับวิกฤตครั้งใหม่ที่ พล.อ.ประวิตรจะรับมือไม่ไหวอย่างแน่นอน" นายอดุลย์กล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง