“สภาพัฒน์” แถลงภาวะสังคมไทยไตรมาส 4/65 การจ้างงานปรับตัวดีขึ้น ขยายตัว 1.5% การว่างงานลดลง 1.15% ส่วนหนี้ครัวเรือนไทยขยายตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 14.9 ล้านล้านบาท จับตาหนี้สินเชื่อยานยนต์ยังพุ่งไม่หยุด ส่งออก ม.ค.66 ทำได้มูลค่า 20,249.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 4.5% ขยายตัวติดลบ 4 เดือนติดต่อกัน มูลค่าต่ำสุดรอบ 23 เดือน เหตุเงินเฟ้อคู่ค้าพุ่ง ทำกำลังซื้อลด และการผลิตโลกหดตัว
เมื่อวันที่ 2 มีนาคม นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แถลงภาวะสังคมไทยไตรมาส 4/ 2565 ว่า สถานการณ์การจ้างงานปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง ขยายตัว 1.5% จากการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรมที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ภาคเกษตรกรรมยังคงหดตัวต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 3 ติดต่อกัน ส่วนอัตราการว่างงาน อยู่ที่ 1.15% ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 5 ติดต่อกัน หรือคิดเป็นผู้ว่างงานจำนวน 4.6 แสนคน ลดลงทั้งจำนวนผู้ว่างงานที่เคยทำงานมาก่อนและไม่เคยทำงานมาก่อน
สำหรับไตรมาส 4/2565 การจ้างงานมีจำนวนทั้งสิ้น 39.6 ล้านคน ขยายตัวเป็นผลจากการจ้างงานในสาขานอกภาคเกษตรกรรมที่เพิ่มขึ้น 3.4% โดยสาขาโรงแรมและภัตตาคาร และสาขาการค้าส่งและค้าปลึก ปรับตัวดีขึ้นจากการขยายตัวของภาคการท่องเที่ยว สำหรับภาพรวมปี 2565 อัตราการมีงานทำและชั่วโมงการทำงานปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับช่วงก่อนโควิด-19 ผู้มีงานทำมีจำนวน 39.2 ล้านคน ตามภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้นหลังจากการเปิดรับนักท่องเที่ยวและการส่งออกที่ขยายตัวขึ้นจากปีก่อน
“หนี้สินครัวเรือนไตรมาส 3/2565 หนี้สินครัวเรือนมีมูลค่า 14.9 ล้านล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 3.9% จาก 3.5% ของไตรมาสก่อน โดยปรับขึ้นครั้งแรกในรอบ 5 ไตรมาส ตั้งแต่ไตรมาส 3/2564 เป็นผลจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและตลาดแรงงานที่ปรับตัวดีขึ้น ขณะที่สัดส่วนหนี้สินครัวเรือนต่อ GDP อยู่ที่ 86.8% ลดลงจาก 88.1% จากไตรมาสที่ผ่านมา” นายดนุชากล่าว
สำหรับคุณภาพสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ยังคงทรงตัว โดยหนี้เพื่อการอุปโภคบริโภคที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL ไตรมาส 4/2565 มีสัดส่วน 2.62% ต่อสินเชื่อรวม ดังนั้นจึงต้องติดตามคุณภาพสินเชื่อ ความคืบหน้า การปรับโครงสร้างหนี้ และการมีมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้เฉพาะกลุ่ม ส่วนสินเชื่อยานยนต์ หนี้ที่มีปัญหาส่วนใหญ่อยู่ในช่วงอายุ 30-49 ปี หรือวัยทำงาน มีปัญหาการชำระ มูลค่าหนี้เสียสัดส่วน 59.2% เทียบกับช่วงอายุอื่นๆ ซึ่งต้องมาช่วยกันดู เพราะคนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่เป็นกำลังแรงงาน พยายามสร้างเนื้อสร้างตัว ซึ่งต้องให้ความรู้ทางการเงินและสร้างความตระหนักในการก่อหนี้
ทั้งนี้ จากข้อมูลเครดิตบูโรพบว่า กลุ่มลูกหนี้ดีที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 จนกลายเป็นหนี้เสียยังมีปริมาณมาก แม้สถานการณ์การแพร่ระบาดจะคลี่คลายลง แต่มูลค่าหนี้เสียของกลุ่มดังกล่าวยังสูงถึง 4 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2565 และมีจำนวนบัญชีที่เป็นหนี้เสียเพิ่มขึ้นเป็น 4.7 ล้านบัญชีจาก 4.3 ล้านบัญชีของไตรมาสก่อนหน้าซึ่งเกือบ 60% เป็นสินเชื่อส่วนบุคคล
อย่างไรก็ตาม สำหรับแนวโน้มตลาดแรงงานปี 2566 คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องตามเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวจากโควิด-19 ที่คลี่คลายลง โดยเฉพาะในสาขาที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวที่ประเทศไทยมีการเปิดรับนักท่องเที่ยวอย่างเต็มรูปแบบ ส่วนประเด็นที่ต้องติดตามในระยะถัดไป ได้แก่ 1.การจ้างงานในอุตสาหกรรมส่งออกและโอกาสการหางานของเด็กจบใหม่ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจยังคงฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป และมีความไม่แน่นอนสูง ซึ่งอาจกระทบต่อการจ้างงานในสาขาที่เกี่ยวข้องและเป็นอุปสรรคต่อการหางานของเด็กจบใหม่
2.ภาระค่าครองชีพของแรงงานจากอัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง และ 3. ปัญหาการขาดแคลนแรงงานในภาคการท่องเที่ยว โดยสาขาโรงแรม ที่พัก ภัตตาคาร และร้านค้า ยังมีความต้องการแรงงานอีกประมาณ 10,000 ตำแหน่ง ใน 60 จังหวัด
ด้านนายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกเดือน ม.ค.2566 มีมูลค่า 20,249.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 4.5% คิดเป็นเงินบาทมีมูลค่า 700,127 ล้านบาท โดยการส่งออกที่ลดลง มาจากการลดลงของสินค้าเกษตร 2.2% สินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร ลด 3.3% และสินค้าอุตสาหกรรม ลด 5.7% และยังได้รับผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อในหลายประเทศคู่ค้าที่ยังอยู่ในระดับสูง ส่งผลต่อกำลังซื้อ และการผลิตโลกหดตัว ทำให้มีการนำเข้าลดลง
ทั้งนี้ แม้การส่งออกจะลดลง แต่สินค้าสำคัญหลายตัวยังคงส่งออกได้เพิ่มขึ้น โดยกลุ่มสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร เช่น ข้าว เพิ่ม 72.3%, ไขมันจากพืชและน้ำมันจากพืชและสัตว์ เพิ่ม 124%, ไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง เพิ่ม 50%, ผลไม้สด เพิ่ม 2.5% โดยทุเรียนสด เพิ่ม 53.3%, มะม่วงสด เพิ่ม 21.9%, มังคุดสด เพิ่ม 821% ส่วนผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ลด 7.6%, ยางพารา ลด 37.6%, อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ลด 4.8%, น้ำตาลทราย ลด 2.3%, ไก่แปรรูป ลด 2.2%, อาหารสัตว์เลี้ยง ลด 11%
ส่วนสินค้าอุตสาหกรรมที่ส่งออกเพิ่มขึ้น เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ที่กลับมาเพิ่ม 9.2%, อุปกรณ์กึ่งตัวนำทรานซิสเตอร์และไดโอด เพิ่ม 72.3%, รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ เพิ่ม 16.4%, หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ เพิ่ม 44.9%, เครื่องใช้สำหรับเดินทาง เพิ่ม 47.1% ส่วนเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ ลด 21.2%, ผลิตภัณฑ์ยาง ลด 8.2%, อัญมณีและเครื่องประดับ ลด 3.8%, เม็ดพลาสติก ลด 30%, เคมีภัณฑ์ ลด 17.6%
สำหรับตลาดส่งออกสำคัญ ภาพรวมยังคงลดลง โดยตลาดหลักลด 5.3% เช่น สหรัฐ ลด 4.7%, จีน ลด 11.4%, ญี่ปุ่น ลด 9.2%, CLMV ลด 11.1% แต่อาเซียน 5 ประเทศ เพิ่ม 2.3% สหภาพยุโรป เพิ่ม 2.2% ตลาดรอง ลด 3.1% เช่น เอเชียใต้ ลด 4.3% ทวีปออสเตรเลีย ลด 7.2% รัสเซียและกลุ่ม CIS ลด 46.4% แต่ตะวันออกกลาง เพิ่ม 23.7% ทวีปแอฟริกา เพิ่ม 14.7% ลาตินอเมริกา เพิ่ม 1.5% สหราชอาณาจักร เพิ่ม 6.1% และตลาดอื่นๆ เพิ่ม 17.4% เช่น สวิตเซอร์แลนด์ เพิ่ม 18.6%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การส่งออกในเดือน ม.ค.2566 ที่ขยายตัวติดลบ 4.5% เป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน นับจากเดือน ต.ค.2565 ที่ลบ 4.4%, พ.ย.2565 ลบ 6% และ ธ.ค.2565 ลบ 14.6% และมีมูลค่าต่ำสุดในรอบ 23 เดือน ส่วนการนำเข้าที่สูงขึ้น ทำให้ยอดขาดดุลการค้ามีมูลค่า 4,649.6 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นยอดขาดดุลที่สูงที่สุดในรอบ 10 ปี.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ฉายาสภาเหลี่ยม(จน)ชิน
ถึงคิวสื่อสภา ตั้งฉายา สส. "เหลี่ยม (จน) ชิน" จากการพลิกขั้วรัฐบาลเขี่ย
ตอกฝาโลงกิตติรัตน์ ‘กฤษฎีกา’ชี้ขาดคุณสมบัติ เหตุมีส่วนกำหนดนโยบาย
"กฤษฎีกา" ชี้ชัดสมัย "นายกฯ เศรษฐา" ตั้ง "กิตติรัตน์" เป็นประธานที่ปรึกษาของนายกฯ
ให้กำลังใจจนท.ดูแลปีใหม่ เข้มงวด‘ความปลอดภัย’
นายกฯ ให้กำลังใจตำรวจ-กรมทางหลวง ทำงานหนักช่วงปีใหม่
‘เท้งเต้ง’ไม่ทน! ชงแก้ข้อบังคับ รมต.ตอบกระทู้
ทนไม่ไหว! “หัวหน้าเท้ง” หารือประธานสภาฯ ขอให้แก้ข้อบังคับการประชุม
แม้วพบอันวาร์กลางทะเล เตือนเสือกทุกเรื่องทำพัง!
ปชน.จี้ถามรัฐบาล “ทักษิณ” มีอำนาจจริงปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือไม่
กฤษฎีกาเอกฉันท์โต้งหมดสิทธิ์
กฤษฎีกามติเอกฉันท์ "กิตติรัตน์" ขาดคุณสมบัติ หมดสิทธิ์นั่ง "ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ"