กกร.ชี้ช่วงเลือกตั้งเอกชนชะลอลงทุนยาว รอโฉมหน้ารัฐบาลใหม่ แนะรัฐเร่งเบิกจ่ายงบลงทุน กระตุ้นการบริโภคในประเทศ ยังมั่นใจเศรษฐกิจไทยไม่ถดถอย แม้ส่งออกหดตัวคาดปีนี้ติดลบ 1% เชื่อท่องเที่ยวหนุนจีดีพีโต 3-3.5%
เมื่อวันที่ 1 มีนาคม นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประจำเดือนมีนาคม 2566 ว่า การส่งออกของไทยที่มีแนวโน้มหดตัวต่ออีกระยะหนึ่ง สอดคล้องกับการส่งออกของคู่แข่งของไทยในภูมิภาค เช่น เกาหลีใต้และไต้หวัน ที่มีทิศทางหดตัวเช่นเดียวกัน โดยได้รับผลกระทบจากกิจกรรมภาคการผลิตของโลกที่ยังอยู่ในภาวะหดตัว รวมถึงการปรับสมดุลระดับสินค้าคงคลังหลังจากความต้องการสินค้าที่ได้อานิสงส์จากโควิด-19 โดยเฉพาะสินค้าเกี่ยวกับการเวิร์กฟรอม โฮมลดลง ซึ่งมีผลให้สินค้าบางประเภทมีแนวโน้มอยู่ในช่วงขาลง เช่น คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ นอกจากนี้ ราคาสินค้าส่งออกยังมีแนวโน้มลดลงตามทิศทางราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ดังนั้น มูลค่าการส่งออกทั้งปี 2566 อาจต่ำกว่าปีที่ผ่านมาได้
ทั้งนี้ มั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยจะไม่เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย (technical recession) แม้ในไตรมาสที่ 4/65 จะหดตัว 1.5% เทียบกับไตรมาสที่ 3/65 แต่คาดไตรมาส 1/66 จะไม่หดตัวต่อ เนื่องจากการท่องเที่ยวจะเป็นปัจจัยหลักในการสนับสนุนเศรษฐกิจในไตรมาสแรกให้ฟื้นตัวได้ และคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งปีจะเพิ่มสูงถึงราว 25-30 ล้านคน ซึ่งสูงกว่าประมาณการเดิมที่ราว 22 ล้านคน จากปัจจัยดังกล่าวเศรษฐกิจไทยในปี 2566 มีแนวโน้มขยายตัวที่ 3.0-3.5% ตามกรอบเดิมที่เคยประเมินไว้ แม้ว่าการส่งออกจะมีโอกาสหดตัวในกรอบ -1.0% ถึง 0.0% เทียบกับประมาณการเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 1.0% ถึง 2.0% แต่การท่องเที่ยวและการขับเคลื่อนการใช้จ่ายของภาครัฐยังเป็นปัจจัยสนับสนุนเศรษฐกิจ สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าจะอยู่ในกรอบ 2.7 ถึง 3.2%
ประธาน กกร.กล่าวว่า เนื่องจากภาคการส่งออกจะมีแนวโน้มชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจโลก รวมถึงภาคเอกชนน่าจะชะลอการลงทุนไปจนถึงเดือนสิงหาคม 2566 หรือจนกว่าจะได้รัฐบาล และในระยะเวลาที่เหลือรัฐบาลควรที่จะให้ความสำคัญในการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ เร่งการใช้จ่ายภาครัฐ ในช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาล โดยเฉพาะการเบิกจ่ายของรัฐวิสาหกิจ เพื่อไม่ให้เศรษฐกิจชะงัก รวมทั้งอาศัยโอกาสจากภาคการท่องเที่ยวที่มีการขยายตัวต่อเนื่อง ส่งเสริมและกระจายรายได้สู่ชุมชน ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้สามารถขยายตัวได้ในกรอบประมาณการเศรษฐกิจเดิม
"ยอมรับว่าในช่วง 2-3 เดือนนี้ เอกชนชะลอการลงทุน เพื่อรอดูทิศทางและนโยบายจากรัฐบาลชุดใหม่ที่จะเข้ามาหลังการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยภาคเอกชนคาดหวังจะเห็นนโยบายที่สร้างและยกระดับขีดความสามารถของประเทศ ดูแลต้นทุนด้านค่าแรง การลงทุนในระบบโลจิสติกส์รถไฟรางคู่ ด้านพลังงาน โดยเฉพาะค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้นจนกระทบต่อต้นทุน รวมถึงลดความผันผวนด้านค่าเงิน เพื่อกระตุ้นการลงทุนของภาคเอกชน" นายเกรียงไกรระบุ
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังแสดงความคิดเห็นเรื่องค่าแรง ความผันผวนของค่าเงินบาท และต้นทุนค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้น ปัจจัยท้าทายเหล่านี้ส่งผลกระทบกับการดำเนินธุรกิจ ซึ่งภาคเอกชนอยากให้ภาครัฐเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนได้ร่วมแลกเปลี่ยนแสดงความคิดเห็นการแก้ไขปัญหา รวมถึงมีมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME ให้สามารถปรับตัวรับความเสี่ยงผลจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และอัตราดอกเบี้ยที่ทยอยปรับสูงขึ้น
ด้านนายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานกรรมการหอการค้าไทย-จีน กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยปี 2566 จะขยายตัว 3.3-3.5% ซึ่งการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวถือว่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหนุน คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจากจีนมาเที่ยวไทยในปีนี้ประมาณ 7-8 ล้านคน และในจำนวนนี้ 67% วางแผนเดินทางไปติดต่อธุรกิจในจีน ทั้งนี้ หากมีการเพิ่มจำนวนเที่ยวบินได้ถึง 200 เที่ยวต่อวัน จะทำให้มีนักท่องเที่ยวจากจีนมาเที่ยวไทยเพิ่มอีก 2 หมื่นคนต่อวัน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ชูศักดิ์ยอมนิกร พรบ.ประชามติ ไม่ใช่กม.การเงิน
“ชูศักดิ์” ลั่นเพื่อไทยเอาแน่ ค้าความปิดปากเอาคืน “ธีรยุทธ” แต่ไม่รู้เมื่อไหร่
ไฟเขียวไร่ละ1พัน10ไร่ ตรึงค่าไฟฟ้าราคาน้ำมัน
ชาวนาเฮ! นบข.ไฟเขียวช่วยไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ จ่อชงเข้า ครม.สัญจรเชียงใหม่ 29 พ.ย.นี้
อวยทักษิณชนะนายกอบจ.
"ภูมิธรรม" โว พท.ชนะนายก อบจ.อุดรฯ เป็นเรื่องธรรมดา เหตุ ปชช.ยังรัก “ทักษิณ” ชอบผลงานที่ทำมา
กรมที่ดินท้ารฟท.พิสูจน์เขากระโดง
กรมที่ดินยืนยัน ไม่เพิกถอนโฉนดเขากระโดง ยึดตาม กก.สอบสวน มาตรา 61
ตร.เชียงรายรวบ‘สามารถ’ ‘เมีย-ลูก’หมอบุญนอนคุก
"ผบ.ตร." นั่งไม่ติดตั้ง "พล.ต.อ.ธนา" คุมสอบสวนคดี "หมอบุญ"
ม็อบเสื้อเหลืองคืนชีพ ‘สนธิ’นัดบุกทำเนียบฯ2ธค. ‘อ้วน’หวั่นซํ้ารอยปิดเมือง
"ภูมิธรรม" ไม่กังวล "สนธิ" ปลุกม็อบลงถนน เป็นสิทธิตาม รธน.