ฟุ้งศก.เดือนม.ค. การบริโภคหนุน ดัชนีเชื่อมั่นพุ่ง

“คลัง” ฟุ้งเศรษฐกิจไทยเดือน ม.ค.66 ยังแจ่ม อานิสงส์การบริโภคภาคเอกชนช่วยหนุน ชูดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคพุ่งแตะระดับ 51.7 ทะยานต่อเนื่อง 8 เดือนติด สูงสุดในรอบ 26 เดือน หลังท่องเที่ยวกลับมาคึกคัก

เมื่อวันจันทร์ นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในเดือน ม.ค.66 ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการบริโภคภาคเอกชนที่ปรับตัวดีขึ้น โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 51.7  จากระดับ 49.7 ในเดือนก่อน ซึ่งเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 และสูงสุดในรอบ 26 เดือน  สะท้อนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น หลังจากการท่องเที่ยวฟื้นตัวชัดเจนมากขึ้น ส่วนรายได้เกษตรกรที่แท้จริงลดลงเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -0.5%

ขณะที่เครื่องชี้วัดเศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชน  ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า โดยการลงทุนภาคเอกชนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจากปริมาณการจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -7.3% ส่วนการลงทุนในหมวดการก่อสร้าง สะท้อนจากปริมาณการจำหน่ายปูนซีเมนต์ภายในประเทศ ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -5.6% ขณะที่ภาษีธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน12.5%  ส่วนเครื่องชี้เศรษฐกิจไทยด้านอุปทาน ปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยภาคการเกษตรสะท้อนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตร ที่ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่  2.7% ตามการเพิ่มขึ้นของผลผลิตสำคัญ อาทิ ยางพารา  ข้าวโพด และผลผลิตในหมวดไม้ผล เป็นต้น

ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมสะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 93.9 จากระดับ  92.6 ในเดือนก่อนหน้า โดยองค์ประกอบที่สำคัญของดัชนีฯ ที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ ยอดคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต และผลประกอบการ สอดคล้องกับการขยายตัวของการบริโภคสินค้าในหมวดสินค้าคงทนและสินค้าอุปโภคบริโภค รวมถึงการท่องเที่ยวภายในประเทศที่ขยายตัวต่อเนื่อง ส่งผลให้มีความต้องการสินค้าเพิ่มขึ้น

สำหรับเสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี และแรงกดดันจากระดับราคาสินค้าลดลงต่อเนื่อง สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือน ม.ค.66 อยู่ที่ 5.02% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 3.04% และสัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือน ธ.ค.65 อยู่ที่ 60.7% ต่อจีดีพี  ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลัง และผู้ขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานรายใหม่ อยู่ที่ 0.55%  ของผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ทั้งหมด สำหรับเสถียรภาพภายนอกยังอยู่ในระดับที่มั่นคง และสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้  สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือน ม.ค. 66 อยู่ในระดับสูงที่ 225.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง