ศาลฎีกายกคำร้องประกัน 2 ทะลุเเก๊ส เหตุเชื่อหลบหนี “แบม-ตะวัน” ยันอดอาหารต่อ เตรียมยื่นหนังสือถึงประธานศาลฎีกาขอย้ายพื้นที่ไปปักหลักหน้าพระอนุสาวรีย์พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ อ้างเป็นอนุสรณ์แห่งการต่อสู้ของเยาวชนเมื่อ ธ.ค.2515
เมื่อวันที่ 26 ก.พ.2566 นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เปิดเผยว่า ศาลฎีกามีคำสั่งยกคำร้องอุทธรณ์คำร้องไม่อนุญาตปล่อยชั่วคราว นายถิรนัยกับนายชัยพร กลุ่มทะลุเเก๊ส จำเลยคดีพกพาระเบิดปิงปองไว้ในครอบครอง ซึ่งศาลอาญาได้มีคำพิพากษาลงโทษจำคุก 6 ปี แต่ให้การรับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่งเหลือ 3 ปี ซึ่งทั้งสองไม่ได้รับการประกันตัวในระหว่างอุทธรณ์คำพิพากษา ทางทนายความจึงได้ยื่นอุทธรณ์ไปยังศาลฎีกา โดยศาลฎีกาให้เหตุผลว่า พิเคราะห์แล้วคดีมีอัตราโทษสูง จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นจำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 3 ปี มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าจำเลยทั้งสองจะหลบหนี ที่ศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจำเลยทั้งสองชอบแล้ว โดยหลังจากนี้ก็คงต้องยื่นประกันใหม่อีก
ในส่วนของนายคทาธร (สงวนนามสกุล) นักกิจกรรมจากกลุ่มอาชีวะพิทักษ์ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย อายุ 26 ปี ผู้ต้องคดีมีระเบิดไว้ในครอบครองในขณะเดินทางเข้าร่วมงานรำลึก 12 ปี การสลายการชุมนุมคนเสื้อแดง หรือชุมนุม #ยุติธรรมไม่มี 12 ปีเราไม่ลืม ที่ศาลอาญามีคำสั่งให้สืบเสาะเพิ่มเติมนั้น ขณะนี้ศาลยังไม่มีคำสั่งใดๆ โดยทราบข้อมูลว่ามีเจ้าหน้าที่เข้าไปสืบเสาะในเรือนจำเเล้ว แต่ไม่ทราบว่าได้รายงานผลการสืบเสาะไปยังศาลเเล้วหรือไม่
ต่อมาในช่วงเย็น นายกฤษฎางค์แถลงถึงกรณี น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือตะวัน และ น.ส.อรวรรณ ภู่พงษ์ หรือแบม ซึ่งย้ายออกจากโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เพื่อปักหลักอดอาหารและน้ำบริเวณหน้าศาลฎีกา เรียกร้องสิทธิการประกันตัวให้นักโทษการเมืองอีก 3 คนที่เหลือ หลังจากอดอาหารประท้วงมาเป็นเวลา 39 วัน และปักหลักหน้าศาลฎีกามาเป็นเวลา 3 วัน ถึงการยกระดับของตะวันและแบม ว่าวันนี้ทั้งสองคนไม่สามารถมาแถลงได้เอง และแจ้งว่าใครที่อยากให้กำลังใจขอให้ทำการลงชื่อหรือมอบดอกไม้ไว้
นายกฤษฎางค์ยังกล่าวถึงอาการของทั้ง 2 คนว่า ข้อจำกัดของการมาปักหลักที่หน้าศาลฎีกา คือจำเป็นต้องขอยืมเครื่องปรับอากาศชั่วคราวมาใช้ และไม่สามารถให้น้ำเกลือได้ เนื่องจากเดิมทั้งสองอดอาหารมาหลายวัน แต่อยู่ได้เพราะน้ำเกลือที่ รพ.ธรรมศาสตร์ฯ ให้ แต่ในสถานที่นี้ แพทย์ให้ความเห็นว่าถ้ามีการให้น้ำเกลืออาจติดเชื้อในแผลหรือกระแสเลือดแน่นอน เพราะก่อนที่จะออกมาจาก รพ.แขนทั้งสองข้างที่ให้น้ำเกลือมีอาการอักเสบที่ปลายหลอดเลือดดำ
“วันนี้อาการของทั้งสองยังมีอาการความดันต่ำเล็กน้อย มีอาการหน้ามืด อ่อนเพลีย นอนหลับได้ไม่มาก เพราะมีอาการปวดกล้ามเนื้อ และค่าเลือดยังไม่ดีเท่าที่ควร แพทย์ให้ความเห็นว่าควรส่งตัวกลับ รพ.ทันที และยังไม่อยากให้รับประทานทานอาหาร เนื่องจากร่างกายอยู่ในสภาวะพักฟื้นที่ไม่สามารถรับอาหารได้ ค่าเลือดมีแนวโน้มสูงที่จะเปลี่ยนเป็นกรด เกิดจากการที่ร่างกายย่อยสลายไขมันตัวเองออกมาใช้ แต่น้องทั้งสองคนยืนยันว่าจะอดอาหารต่อไป” นายกฤษฎางค์กล่าว
เขากล่าวอีกว่า ทั้งสองคนรับรู้เรื่องที่เมื่อเช้าศาลฎีกามีคำสั่งอนุญาตไม่ให้ปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องทางการเมือง 2 คน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจที่จะยังอดอาหารที่นี่ต่อไป โดยคุณพ่อคุณแม่และตนเองไม่มีใครอยากให้มาอยู่ตรงนี้ ไม่มีใครอยากสูญเสียเพื่อน ไม่มีใครอยากสูญเสียลูกความ ไม่มีใครอยากสูญเสียน้อง แต่ในเมื่อเป็นการตัดสินใจของเขาที่ยังมีสติสัมปชัญญะที่ตอบเราได้ว่าเขาไม่เลือกที่จะกลับไป เขาขออยู่ตรงนี้
“มีคนพูดกันเยอะว่าศาลก็ให้ปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาทางการเมืองออกมาพอสมควร เท่าที่ฟังข้อสรุปของน้องก็คือ สิ่งที่เขาต้องการไม่ใช่ให้ปล่อยคน ถึงแม้จะปล่อยคนทั้งหมดก็ดี แต่สิ่งที่เขาต้องการคือหลักการที่ต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาคดีอาญายังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ตราบใดที่ยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด เขาต้องการพิสูจน์หลักการนี้ เพื่อที่จะให้ศาลหรือกระบวนการยุติธรรมยอมรับ เพื่อจะได้ไม่มีลูกหลานใครต้องโดนแบบนี้”
นายกฤษฎางค์กล่าวต่อว่า ทั้งสองบอกว่าในวันที่ 27 ก.พ.จะทำหนังสือขออนุญาตประธานศาลฎีกาเข้าไปปักหลักอดอาหารที่หน้าพระอนุสาวรีย์พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ซึ่งเป็นที่ว่างและไม่รบกวนการทำงานของใคร เหตุผลแรกคือ โดยปกติการทำงานตั้งแต่วันจันทร์เป็นต้นไป ผู้คนจะเข้าศาลฎีกาต้องใช้ประตูด้านหน้า การที่มาปักหลักแม้ไม่กีดขวางการจราจร แต่ก็มีผู้คนที่มาใช้สถานที่ศาลฎีกาไม่ได้รับความสะดวก เหตุผลที่สองคือ ช่วง 2 วันที่ผ่านมา ได้รับโทรศัพท์มาบอกให้ทั้งสองคนระวังตัว เพราะอยู่ตรงนี้อันตราย ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นคำเตือนหรือคำขู่ และเมื่อคืนมีคนขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมาและขว้างสิ่งของใส่เต็นท์
“เหตุผลสุดท้ายคือ ทั้งสองบอกว่าที่ตัดสินใจจะไปปักหลักอยู่บริเวณหน้าพระอนุสาวรีย์พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ เพราะตรงนั้นเป็นอนุสรณ์แห่งการต่อสู้ของเยาวชนที่ต่อสู้เพื่อปลดปล่อยกระบวนการยุติธรรมจากอำนาจเผด็จการเมื่อเดือน ธ.ค.2515 พรุ่งนี้ตัวเขาเองถ้าไปไหวเขาจะไปยื่นหนังสือต่อประธานศาลฎีกา เพื่อขออนุญาตเข้าไปปักหลักหน้าพระอนุสาวรีย์พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์” นายกฤษฎางค์กล่าว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ชูศักดิ์ยอมนิกร พรบ.ประชามติ ไม่ใช่กม.การเงิน
“ชูศักดิ์” ลั่นเพื่อไทยเอาแน่ ค้าความปิดปากเอาคืน “ธีรยุทธ” แต่ไม่รู้เมื่อไหร่
ไฟเขียวไร่ละ1พัน10ไร่ ตรึงค่าไฟฟ้าราคาน้ำมัน
ชาวนาเฮ! นบข.ไฟเขียวช่วยไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ จ่อชงเข้า ครม.สัญจรเชียงใหม่ 29 พ.ย.นี้
อวยทักษิณชนะนายกอบจ.
"ภูมิธรรม" โว พท.ชนะนายก อบจ.อุดรฯ เป็นเรื่องธรรมดา เหตุ ปชช.ยังรัก “ทักษิณ” ชอบผลงานที่ทำมา
กรมที่ดินท้ารฟท.พิสูจน์เขากระโดง
กรมที่ดินยืนยัน ไม่เพิกถอนโฉนดเขากระโดง ยึดตาม กก.สอบสวน มาตรา 61
ตร.เชียงรายรวบ‘สามารถ’ ‘เมีย-ลูก’หมอบุญนอนคุก
"ผบ.ตร." นั่งไม่ติดตั้ง "พล.ต.อ.ธนา" คุมสอบสวนคดี "หมอบุญ"
ม็อบเสื้อเหลืองคืนชีพ ‘สนธิ’นัดบุกทำเนียบฯ2ธค. ‘อ้วน’หวั่นซํ้ารอยปิดเมือง
"ภูมิธรรม" ไม่กังวล "สนธิ" ปลุกม็อบลงถนน เป็นสิทธิตาม รธน.