ลงตัวเลือกตั้ง7พ.ค. บิ๊กตู่ยุบสภาต้นมี.ค./ปชป.ปลุก‘มาร์ค’ฟื้นศรัทธา

“ประยุทธ์” ประกาศชัด ยุบสภาต้นเดือนมีนาคม หวังให้หย่อนบัตรตามตุ๊กตา กกต.อาทิตย์ที่ 7 พ.ค. “วิษณุ”แจงยิบไทม์ไลน์การทำงาน บอกรักษาการยาวถึงสิงหาคม กฎหมาย 29 ฉบับจ่อถูกทิ้งร้าง แต่หากสำคัญออกเป็น พ.ร.ก.ได้ “สมศักดิ์” โวพลังประชารัฐเป็นรัฐบาลแน่ 99% เพราะหัวหน้าพรรคสดที่สุด พปชร.เปิดนโยบายใหม่สวัสดิการผู้สูงอายุ แต่กั๊กเรื่องน้ำมัน ผวา! ถูกเฮียมิ่งวางยา “สาธิต” แนะจุรินทร์เชิญ “มาร์ค” มาช่วยฟื้นศรัทธาพรรค

เมื่อวันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ 2566  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี   และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์หลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ประจำสัปดาห์ว่า ในที่ประชุม ครม. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ได้ชี้แจงไทม์ไลน์การเลือกตั้ง และการเป็นรัฐบาลรักษาการทำอะไรได้-ไม่ได้บ้าง จึงได้แจ้งต่อที่ประชุมว่ากำหนดการการยุบสภาจะมีภายในเดือน มี.ค.2566 ส่วนกรอบเวลาเลือกตั้งเป็นไปตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ประกาศไว้ คือ 7 พ.ค.2566 เพื่อให้เวลาภาคส่วนต่างๆ ได้ดำเนินการให้เกิดความเรียบร้อยมากที่สุด เพื่อให้การเลือกตั้งเกิดความเรียบร้อย และระหว่างนี้ขอให้รัฐมนตรี และ ส.ส.ช่วยกันพิจารณากฎหมายที่คั่งค้างอยู่หากเป็นไปได้ เพราะเป็นกฎหมายสำคัญที่เสนอไปเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง รวมถึงการปฏิรูปต่างๆ

ถามว่า จะระบุได้เลยหรือไม่ว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นวันที่ 7 พ.ค. พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ต้องมีสิ ทำไมจะไม่มี

เมื่อถามย้ำว่า หมายความว่าจะเกิดวันที่ 7 พ.ค.ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็เป็นไปตามที่ กกต.กำหนดมาแล้ว วันนี้ต้องให้เวลา กกต.ทำกฎหมาย ทำกรอบกติกาให้เรียบร้อย เขาขอเวลามาถึงเดือน ก.พ.

ถามอีกว่า นายกฯ จะยุบสภาช่วงไหน พล.อ.ประยุทธ์ตอบ “ผมก็จะยุบของผม” ต่อข้อถามว่าจะยุบช่วงต้นเดือน มี.ค.ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ก็ประมาณนั้นแหละ บอกว่าเดือน มี.ค.ก็ มี.ค.สิ และให้เวลาสอดคล้องกับเดือน พ.ค. ให้ ส.ส.มีเวลาหายอกหายใจ ผมไม่ต้องการไปถ่วงอะไรใคร เพราะถึงอย่างไรก็ทำงานทุกวันอยู่แล้ว ไม่ว่าจะยุบสภาหรือไม่ยุบสภา ครม.ก็ต้องประชุมกันเหมือนเดิม และยังต้องรักษาการจนกว่าจะได้รัฐบาลใหม่ ซึ่งมีกติกาหลายอย่างที่ทำได้หรือไม่ได้ ได้ชี้แจงใน ครม.กันแล้ว”พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ด้านนายวิษณุชี้แจงถึงที่ประชุม ครม.มีการพูดช่วงเวลาที่เหมาะสมในการยุบสภาหรือไม่ ว่ายังไม่สามารถกล่าวถึงเรื่องเหล่านั้นได้ พูดแต่เรื่องของตัวเอง ว่าหากยุบสภาแล้ว สภาจะเป็นอย่างไร ผลกระทบต่อกฎหมายที่ทูลเกล้าฯ ถวายไปแล้วเป็นอย่างไร ผลกระทบต่อ ครม.เป็นอย่างไร ผลกระทบต่อข้าราชการการเมืองอื่นๆ เป็นอย่างไร และผลกระทบต่อรัฐมนตรีแต่ละคนเป็นอย่างไร ส่วนวันยุบสภาเป็นเรื่องของนายกฯ กำหนด แต่นายกฯ ได้เปรยในทำนองว่า มีอะไรจะหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลอีกทีในกรณีหากจะยุบสภา เพราะต้องฟังสัญญาณจาก กกต.ด้วย เนื่องจาก กกต.ได้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาในเรื่องของการแบ่งเขตเลือกตั้งที่ทักท้วงกันอยู่หลายประเด็น และเรื่องจำนวนราษฎร 

“หลังจากนี้รัฐบาลจะประชุม ครม.อีกหลายหน ซึ่งได้แจ้งให้ ครม.ทราบ ยุบสภาไปแล้ว ครม.ก็จะประชุมกันทุกวันอังคาร และจะปรับ ครม.ก็ยังได้ และรัฐมนตรีจะลาออกก็ได้” นายวิษณุออก

รักษาการถึงสิงหาคม

นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) กล่าวว่า ครม.ได้หารือถึงการเลือกตั้งว่าจะเกิดในช่วงเดือน พ.ค.แน่นอน และประเมินถึงวันที่ว่าจะเลือกตั้งวันที่ 7 พ.ค. ส่วนการประกาศยุบสภาอย่างเป็นทางการนั้น ไม่ว่าจะเมื่อไรไม่ใช่ประเด็น เพราะกรณีที่ยุบสภาการเลือกตั้งต้องเกิดขึ้นภายในกำหนดเวลา ขณะที่ความพร้อมของพรรคนั้น ไม่ว่าจะเลือกตั้งวันที่ 7 หรือ 14 หรือ 21 พ.ค.มีความพร้อม โดยเป้าหมายของพรรคที่จะได้ ส.ส.ยืนยันว่าไม่ต่ำกว่า 25 ที่นั่ง

รายงานข่าวจากที่ประชุม ครม.แจ้งว่า นายวิษณุได้รายงานให้ที่ประชุมรับทราบข้อปฏิบัติหากมีการยุบสภาหรือรัฐบาลครบวาระแล้ว ซึ่งในส่วนของวันเลือกตั้ง วันที่ 7 พ.ค. เป็นวันลงตัวและสะดวกที่สุด ตรงกับไทม์ไลน์ที่ กกต.กำหนดไว้เบื้องต้นด้วย โดยหากนายกฯ ประกาศยุบสภารัฐบาลจะรักษาการต่อไปประมาณ 4 เดือน จนถึงเดือน ส.ค.2566 จนกว่า ครม.ชุดใหม่จะเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณ อย่างไรก็ตาม นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข สอบถามในที่ประชุมว่าการประกาศผลการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ใช้เวลาเกือบ 2 เดือน สำหรับครั้งนี้จะช้าไปหรือไม่ ถ้ายังเป็นแบบเดิม ขณะที่นายวิษณุตอบว่า อยู่ที่ กกต.จะเร่งดำเนินการได้เร็วแค่ไหน จะเร็วหรือช้าอยู่ที่ กกต.จะประกาศรับรองผลเลือกตั้งได้เมื่อไหร่

นายวิษณุระบุด้วยว่า ถ้ายุบสภาหรือรัฐบาลครบวาระแล้ว จะมีร่างกฎหมายที่ค้างรอการพิจารณาในสภา 29 ฉบับจะตกไปทั้งหมด ซึ่งถ้าร่างกฎหมายไหนจำเป็นต้องรีบออกมาใช้ สามารถออกเป็นพระราชกำหนดหรือกฎกระทรวงได้ ส่วนฉบับไหนไม่เร่งด่วน ก็รอเสนอต่อที่ประชุมสภาชุดใหม่ภายใน 60 วัน

นายวิษณุย้ำด้วยว่า รัฐมนตรีในรัฐบาลรักษาการ ไม่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินกรณีพ้นจากตำแหน่ง จนกว่าครม.ชุดใหม่ถวายสัตย์ฯ และระหว่างนั้นการประชุม ครม.ไม่สามารถอนุมัติงบประมาณสำหรับโครงการก่อสร้างหรืองบผูกพันได้ ยกเว้นกรณีของงบผูกพันในงบประมาณประจำปีที่มีมาก่อนหน้านี้แล้ว  รวมถึงไม่ควรมีการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการใด เว้นแต่ได้รับความเห็นชอบจาก กกต.แล้ว เช่นเดียวกับการอนุมัติงบกลาง อีกทั้งยังมีข้อห้ามเรื่องการประชุม ครม.สัญจร ห้ามแจกเงินให้ประชาชน ห้ามนำเจ้าหน้าที่ของรัฐไปปฏิบัติงานในลักษณะที่สร้างความได้เปรียบทางการเมือง แต่รัฐมนตรียังอยู่ในตำแหน่งได้โดยไม่ต้องใช้คำว่ารักษาการ ยังเซ็นเอกสารได้ตามปกติ และกระทรวงต่างๆ ยังจัดงานตามประเพณีได้ อาทิ งานรดน้ำดำหัว วันผู้สูงอายุ สำหรับข้าราชการการเมืองก็ยังต้องรักษาการตามปกติ แต่ถ้าจะไปลงพื้นที่หาเสียง ต้องทำหลังเวลาราชการ หรือลาราชการ

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวในที่ประชุมว่า “ผมยุบสภาแน่นอน เราต้องรักษาการไปอีกสักระยะ ทำงานตามปกติ ผมยุบสภาก่อนสภาครบวาระ วันที่ 23 มี.ค.แน่ คำนวณช่วงเวลาให้เพียงพอให้ไปหาเสียงกัน จะเลือกตั้งแล้ว อย่าทำอะไรเสียหายในภาพรวม ประชาชนจะได้เข้าใจ ถ้ามีอะไรก็ชี้แจงข้อเท็จจริงให้ประชาชนรับรู้และเข้าใจ”

ส่วนนายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ยอมรับจะยุบสภาช่วงต้นเดือน มี.ค. ให้เป็นไปตามช่วงเวลาของ กกต.ที่ตั้งตุ๊กตาเลือกตั้งในวันที่ 7 พ.ค.ว่า พรรคไม่มีปัญหา พล.อ.ประยุทธ์จะยุบสภาเมื่อไหร่ โดยเราเก็งวันเลือกตั้งไว้ 2 วัน คือ 30 เม.ย. หรือ 7 พ.ค. เพราะการยุบสภาของ พล.อ.ประยุทธ์พรรคไม่ได้ประโยชน์อะไร แต่คนที่ได้ประโยชน์คือ พล.อ.ประยุทธ์และคณะที่จะได้ประโยชน์ เพื่อให้ผู้สมัคร ส.ส.ของเขาสามารถย้ายพรรคได้ภายใน 30 วันก่อนวันลงคะแนนเลือกตั้ง หากปล่อยให้รัฐบาลครบวาระ ผู้สมัคร ส.ส.ต้องสังกัดพรรค 90 วันก่อนวันเลือกตั้ง อาจทำให้พรรคของ พล.อ.ประยุทธ์เสียประโยชน์ ถือเป็นการยุบสภาเพื่อตัวเอง

 “หากยุบสภาจริง พรรคจะเดินหน้าปราศรัยให้ถี่ขึ้น ไม่ว่ายุบสภาวันไหน  พรรคเพื่อไทยไม่เกี่ยง เราพร้อมสำหรับการเลือกตั้งตลอดเวลา” นายสมคิดกล่าว

ยันเปิดแคนดิเดตครบ 3 คนแน่

เมื่อถามถึงความชัดเจนแคนดิเดตนายกฯ 3 คนของพรรค นายสมคิดกล่าวว่า ยืนยันว่าพรรคส่งรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ ครบ 3 คนแน่นอน เบื้องต้นเห็นกันไปแล้ว 2 คน ยังเหลืออีกคน ยังมีเวลา  กรรมการบริหารพรรคยังพูดคุยกันอยู่ ขอให้ใจเย็นๆ หากวันไหนมีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง เราประกาศรายชื่อครบ 3 คนแน่นอน

ขณะที่นายโกศล ปัทมะ ส.ส.นครราชสีมา พรรค พท. กล่าวว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์ยุบสภาต้นเดือน มี.ค.และเลือกตั้ง 7 พ.ค. ก็น่าจะเป็นเพราะพรรคการเมืองที่จะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นแคนดิเดตนายกฯ มีความพร้อมแล้ว และเพื่อให้ผู้สมัคร ส.ส.ที่ไปตกปลาในบ่อเพื่อนต้องสังกัดพรรคทันตามกฎหมายกำหนด

วันเดียวกัน ยังคงมีความเคลื่อนไหวทางการเมืองอื่นๆ อีก โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงกรณีนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ออกมาเตือนเรื่องไปขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์หลายที่ใน จ.นครศรีธรรมราช หากทำพิธีไม่ดีอาจย้อนเข้าตัวว่า สิ่งที่ทำมาตลอดคิดว่าทำความดี ทำอะไรให้ประเทศชาติมาพอสมควร จึงคิดว่ากรรมดีคงคุ้มครองได้บ้าง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายตนก็เคารพนับถือ กราบไหว้ทุกที่ เพราะเป็นคนไทย นับถืออะไรก็นับถือกันไป ความเชื่อ ความศรัทธา ไม่มีอะไรเสียหาย ไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์อะไรก็แล้วแต่ สิ่งแรกที่ขอคือ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ให้ปลอดภัย รวมทั้งขอพรให้ประชาชนทั้งประเทศมีความสุขมากขึ้นไปเรื่อยๆ และประเทศมีความเข้มแข็ง และท้ายสุดขอให้ตัวเองมีสุขภาพแข็งแรง มีกำลังกายกำลังใจในการทำหน้าที่ตราบใดที่ยังมีภาระอยู่ ก็เท่านั้น

เมื่อถามว่า มีการขอพรให้ได้เป็นนายกฯ อีกสมัยหนึ่งหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่ได้ขอแบบนั้น 

นายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวในเรื่องนี้ว่า นายกฯเป็นคนดี จึงมั่นใจว่าความดีจะคุ้มครอง นายกฯ เป็นคนที่คิดดีทําดีกับประเทศมาโดยตลอด และยึดมั่นในพระพุทธศาสนา ฉะนั้นการที่นายชินวรณ์เตือน ต้องขอบคุณ ส่วนที่นายกฯ ไปกราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก็ไม่มีอะไร ถือเป็นการทำตามประเพณีปฏิบัติ คิดว่าคงไม่มีอะไร เพราะนายชินวรณ์พูดเองว่านายกฯ คิดดีทำดีอยู่แล้ว

“คิดว่าคงไม่ได้มีเจตนาอะไร คงเป็นเจตนาดีมากกว่า” นายธนกรกล่าวตอบข้อถามว่านายชินวรณ์เตือนเพราะเชื่อมโยงการเมืองหรือไม่

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกฯ ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์จะเดินทางไปตรวจราชการในพื้นที่จังหวัดจันทบุรีและระยอง ในวันพุธที่ 22 ก.พ.นี้ เพื่อตรวจติดตามการแก้ไขปัญหาสำคัญในพื้นที่

ส่วน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ปฏิเสธตอบคำถามกรณีพรรคเสรีรวมไทยส่งสัญญาณพร้อมจับมือกับ พปชร.

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม และกรรมการบริหารพรรค พปชร. กล่าวถึงกระแสข่าวกลุ่มสามมิตรจะย้ายพรรคช่วงโค้งสุดท้ายว่า 7 ก.พ.ผ่านมาแล้ว ถือว่าหมดเวลาแล้ว หากรัฐบาลอยู่ครบวาระ  เว้นแต่มีการยุบสภา และได้บอกนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ในฐานะแกนนำกลุ่มสามมิตร ว่าท่านไปไหน ตนไปด้วย ไม่ต้องถามตนแล้ว ให้นายสุริยะตัดสินใจได้เลย

เมื่อถามย้ำว่า เมื่อยุบสภาจะไม่เปลี่ยนใจใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์ตอบว่า ไม่ได้เปลี่ยนใจ เพราะยังไม่ได้คุยอะไรเพิ่มเติม ให้นายสุริยะตัดสินใจ

ฟุ้ง พปชร.เป็นรัฐบาล99%

 ถามว่า ท่าทีพรรค พปชร.เหมือนส่งสัญญาณจะสลับขั้วการเมือง นายสมศักดิ์ตอบว่า เคยบอกแล้วว่าพรรค พปชร.มีโอกาสเป็นรัฐบาล 99% ยังยืนยัน ใครไม่รู้จะไปไหนก็มา พปชร. แต่ถ้าอยากเป็นฝ่ายค้าน ไม่ต้องพิถีพิถันนัก และเรื่องจับขั้วการเมืองนั้น สื่อเป็นคนแบ่ง แต่นักการเมืองเขาไม่แบ่งกัน เพราะถึงเวลาให้ได้รับเลือกมาก่อนแล้วค่อยมาแบ่ง ซึ่งไม่มีพรรคไหนบอกหรอกว่าไม่อยากเป็นรัฐบาล อยากเป็นรัฐบาลกันทั้งนั้น แต่บางทีก็เอาศักดิ์ศรีนิดหน่อยไว้หาเสียง

เมื่อถามว่า พรรค พปชร.เน้นสายกลางในสงครามแบ่งขั้วจะหาเสียงลำบากหรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า หัวหน้าพรรคเขาทุ่มเทและพยายาม ดูหัวหน้าพรรคต่างๆ ในการหาเสียง หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐสดที่สุด ดูจากเสื้อผ้าสิ

ในเวลา 15.12 น. พล.อ.ประวิตรเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายพรรค มี กก.บห.พรรคและแกนนำพรรคเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง โดยใช้เวลาหารือประมาณ 3 ชั่วโมง ต่อมาเวลา 18.15 น. พล.อ.ประวิตรได้เดินทางออกมาจากห้องประชุม

จากนั้น นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค พปชร. แถลงผลการประชุมว่า ในที่ประชุม กก.บห.เห็นชอบนโยบายสวัสดิการผู้สูงอายุ 3 4 5 และ 6 7 8 โดยผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปจะได้รับ 3,000 บาท, อายุ 70 ปีขึ้นไป จะได้รับ 4,000 บาท และอายุ 80 ปีขึ้นไปจะได้รับ 5,000 บาท โดยพรรคเตรียมทำแบนเนอร์ต่อไป นอกจากนี้ยังได้หารือกันถึงนโยบายด้านพลังงานเกี่ยวกับราคาน้ำมันที่มีแนวคิดจะปรับลดราคาน้ำมัน ปรับโครงสร้างทั้งหมด แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป ซึ่งในวันที่ 22 ก.พ. จะพิจารณารายละเอียดในเรื่องนี้ต่อ ที่จะต้องทำให้เสร็จภายใน 24 หรือ 48 ชั่วโมง หากได้ข้อสรุป พล.อ.ประวิตรและนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ สมาชิกพรรคจะแถลง             

มีรายงานว่า ในที่ประชุมครั้งนี้หัวข้อหลักคือเรื่องลดราคาน้ำมัน ซึ่งนายมิ่งขวัญเป็นผู้นำข้อมูลมาเพื่อชูเป็นนโยบายของพรรคชื่อว่าน้ำมันประชาชน โดยนายมิ่งขวัญยังเตรียมคำแถลงให้ พล.อ.ประวิตรเพื่อให้ลงมาแถลงข่าวหลังประชุมเสร็จอีกด้วย แต่สมาชิกบางส่วนคัดค้าน เนื่องจากมองว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน หาก พล.อ.ประวิตรแถลงไปอาจสุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะตัวเลขที่ค่อนข้างเป็นไปได้ยาก ทำให้ยังไม่มีข้อสรุปในเรื่องนี้  

ขณะที่นายธนกรกล่าวถึงท่าทีของกลุ่มสามมิตรว่า ตอนนี้นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ มาอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) แล้ว โดยยังคุยกันอยู่ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่สําหรับคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นนายสมศักดิ์และนายสุริยะ ก็อยู่ที่แต่ละคนว่าจะตัดสินใจอย่างไร ยืนยันว่ากลุ่มสามมิตรความสัมพันธ์ยังเหมือนเดิม แต่ในทางการเมืองแล้วแต่ว่าใครจะเดินไปทางไหน

เมื่อถามว่า ขณะนี้หลายพรรคจับมือกันเพื่อโดดเดี่ยวพรรค รทสช. นายธนกรกล่าวว่า ไม่น่ามีประเด็นดังกล่าว เพราะการเมืองเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ พอการเลือกตั้งเสร็จก็เป็นมิตรกันทั้งนั้น เชื่อว่าพรรคร่วมรัฐบาลเก่ายังมีความสัมพันธ์ที่ดีกันอยู่ จึงไม่น่ามีปัญหาอะไร และ รทสช.ตั้งเป้าไว้แล้วว่าจะได้จำนวน ส.ส.เท่าใด ซึ่งองค์ประกอบหลายอย่าง จะทำให้ รทสช.ได้รับความไว้วางใจ และทำให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ อีกครั้ง

นายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม  กล่าวถึงอนาคตทางการเมืองที่ยืนยันว่าจะไม่ไปกับพรรคเพื่อไทยว่า ครับ ส่วนจะไปช่วยงานกับ พล.อ.ประยุทธ์หรือไม่นั้น ก็ทำงานในรัฐบาลนี้

ถามย้ำว่า หลังจากนี้จะไปช่วย พล.อ.ประยุทธ์กับพรรค รทสช.หรือไม่ นายอิทธิพลตอบเพียงสั้นๆ ว่า ครับ ก่อนขึ้นรถออกจากทำเนียบฯ ทันที

แนะจุรินทร์เชิญ‘มาร์ค’

นายวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรค รทสช. กล่าวถึงความพร้อมของว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ในภาคอีสานว่า ได้พูดคุยกับแกนนำ นปช.และคนเสื้อแดงที่ จ.อุดรธานีก่อนตั้งพรรค หลักการคือการจับมือกันยุติความขัดแย้งระหว่างภาคประชาชนจับมือกันสร้างชาติ ซึ่งหลังจากพูดคุยก็พบว่ามีผู้ต้องการลงสมัคร ส.ส.เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยแถวสอง พวกคุมกำลังคนเสื้อแดง หรือ นปช. ซึ่งคนกลุ่มนี้เขาลาออกตั้งแต่มีการตัดท่อน้ำเลี้ยงและยุทธการแตกแบงก์พัน เมื่อการเลือกตั้งครั้งล่าสุด คนกลุ่มนี้ถูกนายใหญ่หักหลังแต่ความคิดพวกเขาอยากเป็นนักการเมือง แต่ไปไม่ถึงฝั่งเพราะเข้าไม่ถึง

 “พรรคมีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เกือบครบทุกจังหวัดแล้ว ที่เป็นปัญหาคือว่าที่ผู้สมัครล้นเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งคณะทำงานกำลังพิจารณาคัดเลือกร่วมกัน แต่ส่วนใหญ่ลงตัวแล้ว รอเวลาเปิดตัวเท่านั้น คิดว่าสิ้นเดือนนี้จะทยอยประกาศตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคอีสานได้ ส่วนใหญ่เป็นนักการเมืองท้องถิ่น” นายวิทยากล่าว

ส่วนนายสาธิตยอมรับว่า วันนี้ต้องยอมรับว่าเป็นการตัดสินใจที่ยากมากในภาวะที่มีเพื่อนหลายพรรคเข้ามาพูดคุย แต่สุดท้ายต้องยืนหยัดรักษาอุดมการณ์ เพราะ ปชป.ไม่ได้เป็นที่นิยมเหมือนเมื่อก่อน เราจึงจะต้องเป็นทีมนำในการสร้างศรัทธาให้กลับมา จำเป็นที่ผู้นำพรรคจะต้องไปพูดคุยกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ ให้กลับมาช่วยพรรคหาเสียง

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรค ปชป. ปฏิเสธตอบคำถามกรณีดังกล่าว รวมถึงกรณีจะไปคุยกับนายอภิสิทธิ์ด้วย

ต่อมานายจุรินทร์กล่าวว่า จะเชิญอดีต 3 หัวหน้าพรรคคือ 1.นายชวน หลีกภัย 2.นายบัญญัติ บรรทัดฐาน และ 3.นายอภิสิทธิ์ ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคนอกเหนือจากผู้สนใจลงสมัครท่านอื่นๆ และจะเชิญเข้าร่วมรณรงค์หาเสียงให้กับพรรคต่อไปด้วย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เคาะ‘กริพเพน’ แทนขับไล่F16 ออปชันจัดเต็ม

ทอ.เคาะเลือก "JAS 39 Gripen   E/F"  บินขับไล่โจมตีฝูงใหม่ หลัง “สวีเดน” จัดเต็มทั้งให้ลิขสิทธิ์ลิงก์-จรวดนำวิถีตัวเก่ง-offset policy ถึงแม้สหรัฐเสนอ Link 16 ฟรีให้ไทย