"กสม." ผิดหวัง ครม.เลื่อนการบังคับใช้กฎหมายป้องกันการทรมานและอุ้มหายออกไปกว่า 7 เดือน หวั่นกระทบสิทธิ ปชช.และความน่าเชื่อถือของประเทศ "ที่ปรึกษา สสส." ชี้ข้ออ้างการออก พ.ร.ก.ไม่เป็นไปตามเงื่อนไข รธน.มาตรา 172 แค่เป็นเหตุผลทางบริหาร แนะ ส.ส., ส.ว. 1 ใน 5 เข้าชื่อเสนอศาลรธน.ตีความ "วิรุตม์" แฉเหตุเลื่อนการบังคับใช้ ตร.ไม่ต้องการรายงานการจับกุมให้นายอำเภอและอัยการทราบทันที จะทำให้รีดส่วยไม่ได้
เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) แถลงว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบร่างพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 ซึ่งเดิมจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 22 ก.พ.2566 โดยให้ขยายกำหนดเวลาการมีผลบังคับใช้ของมาตรา 22-25 ซึ่งเป็นมาตราที่สำคัญออกไปเป็นวันที่ 1 ต.ค.2566 นั้น คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติผิดหวัง และเป็นห่วงว่าประชาชนยังอาจถูกละเมิดสิทธิในชีวิตและร่างกาย โดยกระบวนการจับกุมและสอบสวนที่ขัดต่อกฎหมายและหลักสิทธิมนุษยชน ขณะเดียวกันก็เป็นห่วงถึงผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของประเทศในเรื่องความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะผลักดันให้มีกฎหมายฉบับนี้ เพื่อให้เป็นไปตามอนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านการทรมานและการประติบัติหรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรมหรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี (CAT) ที่ประเทศไทยเป็นภาคีมาตั้งแต่ปี 2550 และอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการหายสาบสูญโดยถูกบังคับ (ICPPED) ที่ไทยได้แสดงเจตนารมณ์เข้าเป็นภาคีไว้ตั้งแต่ปี 2555
นายวสันต์กล่าวว่า สำหรับประเด็นที่มีข้อถกเถียงว่าการออก พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายดังกล่าว เพื่อขยายระยะเวลาบังคับใช้กฎหมาย เป็นไปตามเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในมาตรา 172 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 เพื่อประโยชน์ในอันที่จะรักษาความปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือป้องปัดภัยพิบัติสาธารณะ ซึ่งเป็นกรณีฉุกเฉินที่มีความจำเป็นรีบด่วนอันมิอาจจะหลีกเลี่ยงได้หรือไม่นั้น เพื่อให้สิ้นความสงสัยและเป็นบรรทัดฐานในโอกาสต่อๆ ไป กสม. เห็นควรให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเสนอเรื่องนี้ไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัยด้วย
“กสม.ได้รับทราบปัญหาและข้อจำกัดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในเรื่องความพร้อมด้านอุปกรณ์การบันทึกภาพและเสียง ความพร้อมของบุคลากรในการปฏิบัติตามกฎหมาย และความไม่ชัดเจนในแนวปฏิบัติที่เป็นมาตรฐานกลาง อย่างไรก็ดี กสม.และผู้เกี่ยวข้องหลายฝ่ายเห็นว่าปัญหาดังกล่าวมีทางออกและข้อยกเว้นอยู่แล้ว และเห็นว่าการบังคับใช้กฎหมายที่ล่าช้าออกไป จะส่งผลกระทบมากกว่า โดยเฉพาะต่อสิทธิและเสรีภาพในชีวิตและร่างกายของประชาชน” นายวสันต์กล่าว และว่า ระหว่างที่มีการเลื่อนการบังคับใช้กฎหมายมาตราที่สำคัญออกไป ขอให้รัฐบาลเร่งเตรียมความพร้อมและแก้ปัญหาข้อจำกัดในทุกด้าน โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะไม่มีการขอเลื่อนการบังคับใช้กฎหมายออกไปอีก
ด้านนายไพโรจน์ พลเพชร ที่ปรึกษาสมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.) กล่าวว่า การออก พ.ร.ก.ขยายการบังคับใช้กฎหมายป้องกันและปราบปรามการทรมานฯ เงื่อนไขการออก พ.ร.ก.ตามรัฐธรรมนูญ 60 มาตรา 172 เพื่อ 1.การรักษาความปลอดภัยของประเทศ 2.ความปลอดภัยสาธารณะ 3.ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ 4.ป้องปัดภัยพิบัติสาธารณะ อีกทั้งต้องเป็นกรณีฉุกเฉินที่มีความจำเป็นรีบด่วนอันมิอาจที่จะหลีกเลี่ยงได้ แต่ข้ออ้างการออก พ.ร.ก.ของคณะรัฐมนตรี "ที่ว่าต้องปรับปรุงการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ระดับหน่วยปฏิบัติ เช่น การจัดซื้อกล้องติดตามตัว การจัดเก็บข้อมูล การฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ ครม.จึงเห็นชอบออกพระราชกำหนดให้ขยายเวลาการบังคับใช้ออกไป เพื่อให้หน่วยงานและเจ้าหน้าที่มีความพร้อมและป้องกันการกล่าวหาเจ้าหน้าที่จับกุมไม่เป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งอาจมีต่อการดำเนินคดีในศาล"
"เห็นว่าไม่ได้เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ แต่เป็นเหตุผลทางบริหาร ซึ่งเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของรัฐบาล ซึ่งกฎหมายป้องกันและปราบปรามการทรมานและการอุ้มหายได้ให้ระยะเวลาให้เตรียมการพอสมควร แต่นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลกลับไม่ใส่ใจ ละเลยไม่รับผิดชอบต่อรัฐสภาที่ออกกฎหมายที่มุ่งหมายคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน รัฐสภาจึงควรตรวจสอบการออก พ.ร.ก.โดย ส.ส.หรือ ส.ว. 1 ใน 5 เข้าชื่อเสนอศาลรัฐธรรมนูญวินิจว่า พ.ร.ก.ดังกล่าวขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 172 หรือไม่" นายไพโรจน์กล่าว
ขณะที่ พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร เลขาธิการสถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม (สป.ยธ.) และอดีตที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย สภาผู้แทนราษฎร ผู้มีบทบาทสำคัญคนหนึ่งในการร่วมผลักดันกฎหมายฉบับนี้ กล่าวว่า นับเป็นเรื่องน่าเสียใจที่นายกรัฐมนตรีได้ใช้อำนาจฝ่ายบริหารออกพระราชกำหนด ตัดอำนาจนิติบัญญัติ โดยให้เลื่อนการใช้ พ.ร.บ.ป้องกันการทรมาน 4 มาตราที่สำคัญออกไปตามที่ ผบ.ตร.เสนอผ่าน รมว.ยุติธรรม ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ด้วยข้ออ้างว่ากล้องบันทึกภาพเสียงและบุคลากร ตร.ยังไม่พร้อม ต้องตั้งงบประมาณจัดซื้อจำนวน 170,000 ชุด รวมเป็นเงินกว่า 3,500 ล้านบาท
"ถือเป็นความเข้าใจผิด และเป็นการ ให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องต่อนายกรัฐมนตรี นำไปสู่ความหลงผิด และออก พ.ร.ก.เลื่อนการใช้กฎหมายดังกล่าวออกไปโดยมิชอบ เพราะข้อเท็จจริงไม่จำเป็นต้องซื้อกล้องจำนวนมากขนาดนั้น เพียงซื้อไว้เป็น อุปกรณ์ประจำหน่วย ให้ตำรวจผู้มีหน้าที่จับกุมไม่ว่าจะเป็นสายตรวจ หรือ ตร.ฝ่ายสืบสวนหมุนเวียนเบิกไปใช้เมื่อเวลาเข้าเวรเท่านั้น จะซื้อไปทำไมมากมายโดยไม่จำเป็น สิ้นเปลืองเงินภาษีของประชาชน อย่างมาก ก็ซื้อเพิ่มจากที่มีอยู่แล้ว 90% ไม่เกิน 30,000 ชุด ใช้เงินแค่ระดับร้อยล้านเท่านั้น"
"เป้าหมายแท้จริงของตำรวจผู้ใหญ่ชั้นนายพลทั้งในและนอกราชการที่อยู่เบื้องหลังการเสนอเลื่อนการใช้บางมาตรา ก็คือไม่ต้องการให้ใช้มาตรา 22 วรรคสอง เป็นสำคัญ เพราะวรรคสองของมาตรา 22 ได้บัญญัติให้ผู้รับผิดชอบการจับ ต้องรายงานการจับให้นายอำเภอและอัยการทราบทันที มีข้อมูลรายละเอียดตามที่กฎหมายกำหนด ถือเป็นหัวใจสำคัญของกฎหมายนี้ ที่จะมีผลในการป้องกันการทำร้ายและการละเมิดบุคคลหลังถูกจับมากที่สุด ถ้ากฎหมายใช้บังคับทุกมาตราอย่างสมบูรณ์ การนำตัวผู้ถูกจับไปควบคุมไว้ในที่ลึกลับเพื่อเค้นข้อมูล หรือต่อรองแลกเงิน ทรัพย์สินหรือประโยชน์ต่างๆ แล้วปล่อยตัวไป โดยนำเงินหรือทรัพย์สินที่ได้ไปส่งส่วยให้ตำรวจ ผู้ใหญ่เช่นที่เป็นอยู่ปัจจุบัน จะไม่สามารถกระทำได้อีกต่อไป นี่คือเป้าหมายสำคัญเบื้องหลังการเสนอต่อนายกฯ ให้ออก พ.ร.ก.เลื่อนการใช้กฎหมายฉบับนี้ออกไปถึง 1 ต.ค.2566 ทั้งที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 172 เนื่องจากไม่ใช่กรณีที่เกี่ยวกับความมั่นคงหรือความปลอดภัยของประเทศที่ฉุกเฉินไม่อาจหลีกเลี่ยงได้" พ.ต.อ.วิรุตม์กล่าว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ชูศักดิ์ยอมนิกร พรบ.ประชามติ ไม่ใช่กม.การเงิน
“ชูศักดิ์” ลั่นเพื่อไทยเอาแน่ ค้าความปิดปากเอาคืน “ธีรยุทธ” แต่ไม่รู้เมื่อไหร่
ไฟเขียวไร่ละ1พัน10ไร่ ตรึงค่าไฟฟ้าราคาน้ำมัน
ชาวนาเฮ! นบข.ไฟเขียวช่วยไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ จ่อชงเข้า ครม.สัญจรเชียงใหม่ 29 พ.ย.นี้
อวยทักษิณชนะนายกอบจ.
"ภูมิธรรม" โว พท.ชนะนายก อบจ.อุดรฯ เป็นเรื่องธรรมดา เหตุ ปชช.ยังรัก “ทักษิณ” ชอบผลงานที่ทำมา
กรมที่ดินท้ารฟท.พิสูจน์เขากระโดง
กรมที่ดินยืนยัน ไม่เพิกถอนโฉนดเขากระโดง ยึดตาม กก.สอบสวน มาตรา 61
ตร.เชียงรายรวบ‘สามารถ’ ‘เมีย-ลูก’หมอบุญนอนคุก
"ผบ.ตร." นั่งไม่ติดตั้ง "พล.ต.อ.ธนา" คุมสอบสวนคดี "หมอบุญ"
ม็อบเสื้อเหลืองคืนชีพ ‘สนธิ’นัดบุกทำเนียบฯ2ธค. ‘อ้วน’หวั่นซํ้ารอยปิดเมือง
"ภูมิธรรม" ไม่กังวล "สนธิ" ปลุกม็อบลงถนน เป็นสิทธิตาม รธน.