โหนสภาด่าตู่หาเสียง ซักฟอกวันแรกกร่อยข้อมูลเก่า‘หนู’เย้ยตะโกนโหวกเหวก

อภิปราย ม.152 วันแรกกร่อย! ฝ่ายค้านรีรันข้อมูลเก่าชำแหละรัฐบาล บอก 8 ปีนายกฯ ไร้ผลงาน เอื้อพวกพ้อง ใช้เงินสืบทอดอำนาจ "ชลน่าน" ขอ ปชช.ลงคะแนนในคูหาสั่งสอน "พิธา" วนเวียน ม.112 คือทางตันประเทศ ฝันเริ่มต้นทศวรรษอันรุ่งโรจน์ "ทวี" ซัดต่อสัญญาทางด่วนเอื้อเอกชน  "บิ๊กตู่" ลั่นไม่เคยเอื้อประโยชน์ใคร สวนเจ็บสมัยท่านเป็นรัฐบาลทุจริตไม่เห็นพูดสักคำ ดักคออย่าใช้เวทีสภาหาเสียง "อนุทิน" บอกมีแต่ "เวิร์บทูเดา" สอนมวยอภิปรายต้องเสนอแนะไม่ใช่ตะโกนโหวกเหวก

ที่รัฐสภา วันที่ 15 ก.พ. การอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรีโดยไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ได้เริ่มต้นขึ้นเป็นวันแรก จากที่กำหนดไว้ 2 วัน ระหว่างวันที่ 15-16 ก.พ.2566 โดยการประชุมเริ่มช้ากว่าที่กำหนดไว้เวลา 09.30 น. ไปประมาณ 40 นาที เนื่องจากเกิดฝนตกในพื้นที่ กทม. ทำให้มีสมาชิกมาลงชื่อประชุมไม่ถึงกึ่งหนึ่งของสมาชิกเท่าที่มีอยู่ หรือ 418 คน จึงต้องใช้เวลารอให้ครบองค์ประชุม

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เดินทางเข้าร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในการอภิปรายครั้งนี้ตอนเวลา 09.30 น. ด้วยสีหน้าปกติ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าได้มีการเตรียมตัวมาพร้อม 100% ในการชี้แจงแล้วหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ไม่มีอะไรหรอก”

ผู้สื่อข่าวถามว่า กังวลหรือไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์สภาล่ม พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ขอให้ไปถามสมาชิก มาถามอะไรเรา”  ก่อนจะขึ้นลิฟต์เพื่อไปร่วมประชุมสภาทันที

ส่วนนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม และเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกรณีพรรคฝ่ายค้านเตรียมล็อกเป้าอภิปรายการทำงานงานว่า ยังไม่ทราบ เดี๋ยวรอฟังอยู่ เพราะเรื่องมาตรา 152 เกี่ยวกับการเสนอแนะ ไม่ใช่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งตนก็พร้อมจะชี้แจงในเรื่องที่เกี่ยวกับตัวเองในการปฏิบัติหน้าที่

ถามว่า ส.ส.พรรคภูมิใจไทยระบุหากฝ่ายค้านอภิปรายไม่เป็นไปตามกรอบมาตรา 152 อาจจะไม่เป็นองค์ประชุม นายศักดิ์สยามกล่าวว่า ก็คงเป็นไปตามที่คนในพรรคออกมาแถลง ถ้าเราอยากจะใช้เวลาให้เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชน ก็พิจารณาให้ดี การอภิปรายตามมาตรา 152 ต้องปฏิบัติอย่างไร

อย่างไรก็ตาม นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า การอภิปรายวันแรกฝ่ายค้านจะอภิปรายถึงประเด็นเศรษฐกิจ พลังงาน และต่างประเทศ ส่วนวันที่ 16 ก.พ. จะอภิปรายประเด็นปัญหายาเสพติด ปัญหาสังคม และการทุจริต

"พรรคร่วมฝ่ายค้านมากันครบ ขอให้มั่นใจว่าฝ่ายค้านไม่มีปัญหา หากจะมีปัญหาก็มีที่รัฐบาล ดังนั้นวันนี้องค์ประชุมจะครบหรือไม่ก็คง 50-50 ในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาล อย่างน้อยพรรคประชาธิปัตย์ก็ยืนยันมาร่วมประชุม แต่องค์ประชุมคงหวุดหวิดพอสมควร คงต้องลุ้นกัน อย่างไรก็ตาม ฝ่ายค้ายเตรียมแผนไว้แล้วว่าหากองค์ประชุมล่มวันนี้ และพรุ่งนี้ประชุมต่อแล้วล่มอีก เราจะอภิปรายนอกห้องประชุมสภาที่โพเดียมห้องโถงแห่งนี้”ประธานวิปฝ่ายค้านระบุ

นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวว่า การอภิปรายครั้งนี้แม้จะไม่มีการลงมติ แต่ใกล้การเลือกตั้งใหญ่ เราจึงจะทำงานในระดับเดียวกับการเลือกตั้งใหญ่ มั่นใจว่าเรามีหลักฐานในการเอาผิดรัฐบาล และไม่จบแค่การซักฟอก แต่จะมีการดำเนินการตามกฎหมายอีกเยอะ 

โหมโรงกระชากหน้ากาก

กระทั่งเวลา 10.10 น. เมื่อสภาผู้แทนราษฎรมีสมาชิกลงชื่อ 213 คน ซึ่งถือว่าครบองค์ประชุม การอภิปรายได้เริ่มต้นขึ้น โดยนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธานการประชุม และแจ้งต่อที่ประชุมสภาทราบว่า เมื่อวันที่ 14 ก.พ. มีส.ส.ลาออก 2 คน ได้แก่ นางแพงศรี พิจารณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปไตย และ น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ทำให้ขณะนี้มียอดรวม ส.ส.คงเหลือ 418 คน องค์ประชุมคือ 209 คน

เวลา 10.26 น. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวเปิดญัตติว่า การบริหารราชการแผ่นดินของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ไม่ได้ปฏิบัติตามนโยบายที่แถลงไว้ต่อรัฐสภา นโยบายเร่งด่วน 12 ประการ ไม่ได้ปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม สังคมเกิดความเหลื่อมล้ำ มุ่งใช้เงินเพื่อประโยชน์การเมือง เพื่อสร้างคะแนนนิยมรัฐบาล และความอยู่รอดของตัวเอง การปฏิรูปการเมืองล้มเหลว เกิดธนกิจการเมือง ใช้เงินเพื่อสืบทอดอำนาจการเมือง อยู่ 8 ปีไม่พอ ยังพูดกำกวมจะไปต่ออีก 2 ปี ไม่คำนึงถึงความชอบธรรม การใช้งบประมาณไม่เป็นธรรม เกิดการทุจริตกว้างขวาง ทั้งโครงการใหญ่และระดับท้องถิ่น เอื้อประโยชน์กลุ่มทุนพวกพ้องตนเอง มีการผูกขาดแสวงหาผลประโยชน์โครงการของรัฐ เป็นรัฐบาลที่ซื้อขายตำแหน่งมากที่สุด ขณะที่ปัญหายาเสพติดและบ่อนพนันออนไลน์ไม่มีการป้องกันปราบปรามจริงจัง ให้องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติใช้ประเทศไทยเป็นแหล่งฟอกเงิน ล้มเหลวแก้อาชญากรรมทางเทคโนโลยี ปัญหาประเทศทับถม เพราะขาดยุทธศาสตร์บริหารประเทศ ขาดความซื่อสัตย์การปฏิบัติหน้าที่

"รัฐบาลชุดนี้ได้ฉายาหน้ากากคนดี ฝ่ายค้านจะอภิปรายให้เห็นตัวตนของคนดีที่ใส่หน้ากาก จะกระชากหน้ากากคนดีให้ประชาชนได้รู้ แม้จะไม่มีการลงมติในการอภิปราย แต่ขอให้ประชาชนไปลงคะแนนในคูหา จะให้คนดีอยู่ต่อไหม ประเทศต้องไปต่ออย่างมีศักดิ์ศรี มีอนาคต ไม่ใช่ไปต่อสำหรับใครบางคน เพื่อสืบทอดอำนาจ" นพ.ชลน่านกล่าว

ต่อมาเวลา 11.30 น. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล อภิปรายถึงการล้มเหลวในการปราบโกงของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จนดัชนีคอร์รัปชันของประเทศไทยตกลงไป 25 ลำดับใน 8 ปีที่ผ่านมา

 "เราจะต้องทำการเมืองให้ดี ด้วยการปิดสวิตช์ 3 ป. เอาทหารออกจากการเมือง รวมถึงแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตยไม่ได้มาจากการยกร่างรัฐธรรมนูญ นอกจากนั้นวังวนของความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดจากการนำประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 บังคับใช้กับประชาชน โดยเฉพาะเยาวชนอายุ 14 ขวบ พร้อมกับลงโทษอย่างรุนแรง ถือเป็นทางตันของประเทศ ดังนั้นต้องตัดวงจรดังกล่าว" นายพิธากล่าว

หัวหน้าพรรคก้าวไกลกล่าวว่า  ประชาชนกำลังจะเข้าคูหาในอีก 80 วันนับจากนี้ ตนลงมติในการอภิปรายทั่วไปครั้งนี้ไม่ได้ แต่ประชาชนลงมติได้ในคูหาเลือกตั้ง ข้อมูลที่ฝ่ายค้านอภิปรายในครั้งนี้ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายของสภาชุดนี้ สามารถจะทำให้เป็นจุดเริ่มต้นแห่งทศวรรษที่รุ่งโรจน์และมีอนาคตที่ทำให้ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม

ต่อสัญญาเอื้อเอกชน

เวลา 12.43 น. พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคประชาชาติ อภิปรายกรณีคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 18 ก.พ.63 ปรับแก้ร่างสัญญาโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 2 (ทางพิเศษศรีรัช รวมถึงส่วน D) และสัญญาโครงการทางด่วนบางปะอิน-ปากเกร็ด (ทางพิเศษอุดรรัถยา) เพื่อระงับข้อพิพาทสัมปทานทางด่วน ระหว่างการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กับ บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) ที่อยู่ระหว่างฟ้องร้องกันว่า การต่อสัญญาดังกล่าวเป็นการปล้นสาธารณสมบัติแผ่นดิน ขโมยเงินหลวง รีดเอาทรัพย์จากประชาชน จากข้อพิพาท 17 คดี ที่เอกชนยื่นฟ้องมีเพียงคดีเดียว มูลค่า 1,790 ล้านบาท ที่ชนะคดี บวกกับดอกเบี้ย 4,318 ล้านบาท เท่ากับเรื่องนี้ ครม.ได้นำทรัพย์สินมูลค่าแสนล้านบาท ไปยินยอมประนีประนอม และยังมีผลทำให้โครงการทางด่วนที่กำลังจะครบสัญญา และจะตกเป็นสาธารณสมบัติของประเทศและประชาชน ต้องขยายไปอีก 15 ปี 8 เดือน ถือว่าส่งผลกระทบโดยตรงต่อประโยชน์ส่วนรวม

 “การตัดสินใจของ พล.อ.ประยุทธ์และคณะ มักง่าย พวกท่านต้องรับผิดชอบร่วมกัน อย่างน้อยหากไม่ปรับแก้สัญญาจะต่อสู้กันไปอีก 10 กว่าปี แต่ทำไมท่านไม่นึกถึงความผาสุกของประชาชน จากที่ครบสัญญาแล้ว ทรัพย์สินส่วนนี้จะตกเป็นของแผ่นดิน ประชาชนจะได้ขึ้นทางด่วนในราคาถูก แต่ปัจจุบันกลับไปให้ประโยชน์เอกชนซึ่งมีเงินอยู่แล้ว แต่กลับผลักภาระให้ประชาชนที่ทุกวันนี้เสียค่าทางด่วนแพงมาก เรื่องที่เกิดขึ้นจึงเป็นการสมคบกัน เมื่ออำนาจกับตำแหน่งมาสมคบคิดกัน จึงเกิดเหตุการณ์ลักษณะที่เสียหายอย่างยิ่ง” พ.ต.อ.ทวีกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่ พ.ต.อ.ทวีอภิปรายภายในสภาเสร็จสิ้น นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วยนายสุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) แถลงข่าวนอกห้องประชุมสภา ชี้แจงโดยสรุปว่า ทาง กทพ.ยืนยันได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด โดยคำนึงถึงความเป็นธรรมทั้งกับประชาชนผู้ใช้บริการและเอกชนผู้ร่วมลงทุน กทพ.ขอยืนยันว่า บริหารงานโดยยึดประโยชน์สูงสุดของประชาชนและภาครัฐ รวมถึงความถูกต้องตามกฎหมายและหลักธรรมาภิบาล

เวลา 13.30 น. นางบุศริณธญ์ วรพัฒนานันท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อชาติ อภิปรายว่า การบริหารงานเกือบ 4 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ มีแต่ความล้มเหลว เป็นผู้นำขาดวิสัยทัศน์ คุณธรรม จริยธรรม มักใช้อารมณ์เป็นใหญ่ ไม่พอใจก็ชี้หน้า สื่อมวลชนตั้งฉายา พล.อ.ประยุทธ์ว่า “แปดเปื้อน” และฉายารัฐบาลว่า “หน้ากากคนดี” ในฐานะ ส.ส.ขอตั้งฉายาให้ พล.อ.ประยุทธ์ในภาษาเหนือว่า หัวหน้าผีกะ หรือภาษาอีสานคือ หัวหน้าผีปอบ

นางบุศริณธญ์กล่าวว่า ยุคนี้เป็นยุคที่ยาเสพติดเต็มบ้าน ผู้บริหารสิ้นคิด ทุจริตทุกวงการ​ ผลาญงบประมาณ​ของแผ่นดิน​ ยาเสพติดแทบจะวางตามตลาดสด แม้กระทั่งกลางเมืองเช่นคดีของนายตู้ห่าว​ ที่เกิดขึ้นในสมัยของ พล.อ.ประยุทธ์ ​

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างนั้น นางบุญญาพร นาตะธนภัทร ส.ส.พรรครวมไทยสร้างชาติ​ ได้ลุกขึ้นประท้วง​ว่า ขอประท้วงตามข้อบังคับที่ 69 การใส่ร้ายป้ายสี หลังจากมีการอภิปรายว่า นายกรัฐมนตรีสิ้นคิด​ โดยมองว่าผู้อภิปรายพูดจาใส่ร้ายเสียดสีนายกรัฐมนตรีอยู่ จากนั้น นายศุภชัย​ โพธิ์​สุ​ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง ทำหน้าที่ประธานการประชุมขณะนั้น​ได้วินิจฉัย​ว่า การที่กล่าวว่านายกรัฐมนตรีสิ้นคิด อาจจะแรง แต่ไม่เสียหายอะไร​ ขอให้ผู้อภิปรายระมัดระวัง แต่ไม่ถึงกับต้องถอนคำพูด และขอให้หลีกเลี่ยงการใช้คำแรง

ลากไส้บริษัทหลานนายกฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการอภิปรายในช่วงบ่าย พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้อยู่ในห้องประชุม​ แต่เข้ามารับฟังเพียงแต่ในช่วงแรกเท่านั้น

ต่อมานายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ อภิปรายถึงการบริหารงานของ พล.อ.ประยุทธ์ สร้างความเสียหายในหลายด้าน

"สิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์บอกไม่เคยทุจริตแม้แต่บาทเดียว ประชาชนจะเชื่อหรือไม่" นายมงคลกิตติ์กล่าวตอนหนึ่ง

อย่างไรก็ดี นางบุญญาพรลุกขึ้นประท้วงอีกครั้งด้วยน้ำเสียงขึงขังว่า “ท่านทุจริตตรงไหน นี่คือการใส่ร้ายป้ายสี ขอให้ผู้อภิปรายถอนคำพูดว่านายกฯ ทุจริตเดี๋ยวนี้ เพราะนายกฯ ไม่เคยทุจริต” แต่นายมงคลกิตติ์โต้ว่า ไม่ได้พูดว่านายกฯ ทุจริต แค่ถามว่าประชาชนเชื่อหรือไม่ที่พล.อ.ประยุทธ์บอกไม่เคยทุจริตแม้แต่บาทเดียว โดยนายศุภชัยวินิจฉัยแล้วให้นายมงคลกิตติ์อภิปรายต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงท้ายนายมงคลกิตติ์ระบุว่า ขอทำหน้าที่ในสภาเป็นวันสุดท้าย และขอขอบคุณประชาชน 66 ล้านคน ที่ไว้วางใจตนให้เป็น ส.ส.ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา และขอบคุณประธานสภาฯ และเพื่อน ส.ส.ตลอดการทำงานที่ผ่านมา หลังจากนี้จะยื่นใบลาออกในวันที่ 17 ก.พ.

โดยหลังจากที่นายมงคลกิตติ์อภิปรายเสร็จ ได้เดินไปที่บริเวณหน้าบัลลังก์ประธานสภาฯ ก่อนที่จะก้มลงกราบพื้นที่สภา เพื่อขอบคุณสภาในการให้โอกาสการทำงานมาตลอดเกือบ 4 ปี

จากนั้นเวลา 14.25 น. น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย (พท.) อภิปรายถึงกรณีหลานชาย พล.อ.ประยุทธ์เปิดธุรกิจส่วนตัวในค่ายทหารเพื่อรับเหมาก่อสร้าง หลังจากหลานชายพล.อ.ประยุทธ์ทนเสียงวิจารณ์ไม่ไหวจึงตัดสินใจย้ายออกจากค่ายเพื่อให้พ้นข้อครหา แต่ก็ยังเดินหน้ารับงานประมูลของรัฐต่อเนื่อง ซึ่งห้างหุ้นส่วนดังกล่าวมีสิ่งน่าสงสัยอยู่หลายประการ จากการตรวจสอบในปี 2555-2556 มีผลประกอบการต่อเนื่องตลอด แต่ในปี 2557 กลับเริ่มได้รับโครงการรัฐที่มีมูลค่าสูง ซึ่งเป็นช่วงที่พล.อ.ประยุทธ์ทำการรัฐประหาร นอกจากนี้ ยังมีโครงการที่ดูผิดวิสัย คือโครงการงานก่อสร้างอาคารชุดนายทหารชั้นประทวน 48 ครอบครัว พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก 1 หลังของกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ กรุงเทพมหานคร มูลค่ากว่า 47 ล้านบาท ซึ่งหลานชาย พล.อ.ประยุทธ์ก็ขอซื้อซองประมูลด้วย

"พฤติกรรมหลานชาย พล.อ.ประยุทธ์ส่อว่าฮั้วประมูลไม่พอ ยังมีพฤติกรรมส่อตกแต่งบัญชีเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี แม้บริษัทนี้จะรับงานรัฐมาหลายล้านบาท แต่สถานะของบริษัทก็ยังขาดทุน ซึ่งมีความแปลกประหลาดและผิดปกติ" น.ส.จิราพรกล่าว

กระทั่งเวลา 16.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ ลุกขึ้นชี้แจงว่า ในเรื่องเศรษฐกิจรัฐบาลทำทั้งหมดแล้ว แต่ยังไม่เกิดขึ้น และฝ่ายค้านก็นำมาพูดตีกิน เวลารัฐบาลพูด กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจงไม่ยอมฟัง เพราะฉะนั้นนโยบายของท่านก็ขอให้ทำ ถ้าได้เป็นรัฐบาล เรื่องการทุจริตคอร์รัปชันขอให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม การที่นำตนไปโยงเป็นญาติคนนั้นคนนี้ ตนก็คือตน คือครอบครัวตน ไม่เคยเอื้อประโยชน์ให้กับใคร ขอให้ไปตรวจสอบ

 ตู่ดักคอฝ่ายค้านหาเสียง

 “สมัยพวกท่านเป็นรัฐบาล ทุจริตไม่เห็นพูดกันสักคำ ต่อไปนี้จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจงต่อไป ผมไม่อยากทำให้เสียบรรยากาศ เพิ่งผ่านห้วงเวลาแห่งวันวาเลนไทน์มา เพราะฉะนั้นไม่อยากทำให้เสียอารมณ์ เรื่องดีๆ ก็รับไว้ หลายเรื่องไม่ตรงไม่ถูกต้อง ก็ต้องให้ฝ่ายรัฐบาลชี้แจงบ้าง ผมได้เตรียมข้อมูลชี้แจงไว้แล้ว แต่ต้องดูเวลาที่เหมาะสม ผมต้องหยุดไว้บ้าง ไม่เช่นนั้นท่านก็จะฉวยโอกาสตรงนี้ในการหาเสียงของท่าน ขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามมารยาท กติกาของสภา คนเราต้องมีมารยาท หลายอย่างเป็นปัญหาในเชิงบริหารและกฎหมาย ผมไม่เคยปล่อยปละละเว้น การที่มาพูดในนี้สื่อให้ภายนอกได้ยิน ก็กลายเป็นว่าทำให้คนนี้ผิดไปแล้ว คนนั้นถูกไปแล้ว ขอให้เคารพกระบวนการยุติธรรมด้วย" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

นายกฯ กล่าวว่า ไม่อยากให้อำนาจฝ่ายนิติบัญญัติก้าวล่วงอำนาจฝ่ายบริหารมากเกินไป คนละอำนาจกัน หน้าที่แต่ละคน ตนไม่ว่าที่ท่านจะค้าน แต่การบริหารราชการแผ่นดินเป็นของฝ่ายบริหาร ไม่ดีก็ร้องทุกข์กล่าวโทษ ไม่ใช่มาพูดติติง เสียหาย ผมรับไม่ได้

เวลา 17.06 น. นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย อภิปรายเรื่องสินค้าแพง ยกเว้นรายได้ของประชาชน เมื่อรายได้ไม่พอก็ต้องไปพึ่งหนี้นอกระบบ เหตุผลที่สำคัญที่ประเทศกำลังประสบกับปัญหาเศรษฐกิจ คือเรามีผู้นำที่ขาดวิสัยทัศน์ และไม่ได้เข้าใจเศรษฐกิจ และไม่เข้าใจแต่คิดว่าตัวเองเข้าใจ ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายมาก 

ต่อมาเวลา 18.05 น. นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานรากที่ให้ชุมชน ชาวบ้านเป็นเจ้าของเพื่อหวังฟื้นเศรษฐกิจฐานราก ไม่ว่าจะเป็นโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ ลม ขยะ ชีวมวล เพื่อนำมาแปลงเป็นไฟฟ้าล้วนดีทั้งนั้น แต่ 8 ปีที่ภาครัฐเสนอโครงการนี้มายังไม่ได้ตั้งแม้แต่โรงงานเดียว ปากปราศรัย น้ำใจเชือดคอ ไม่จริงใจ ก่อนหน้าเป็นโครงการ เอกชนดีใจ เตรียมไปประมูล เมื่อไปดูเงื่อนไขกลับพบว่าโรงไฟฟ้าขยะไปตั้งขั้นตอนมากถึง 14 ขั้นตอน ไม่จริงใจให้เกิด เช่น มีเงื่อนไขให้นายทุนถือหุ้น 90 ชาวบ้านถือแค่ 10 เมื่อได้รับอนุมัติให้ตั้งโรงงาน จะขายไฟต้องมีเงินประกัน 500 ล้านบาท รัฐวิสาหกิจชุมชนที่ไหนจะมีเงินมากขนาดนี้ ยกเว้นทุนขนาดใหญ่

"นอกจากนี้ทราบมาว่ามีการเก็บค่าผ่านทางระหว่างทางด้วย เป็นเพราะทุนไทยสีเขียว ลูกชายของคนที่นั่งกระทรวงมหาดไทย ไปเก็บจากเขา ทำให้โอกาสดีๆที่จะได้หายหมด ขอถามว่าทำไมไปกำหนดเงื่อนไขให้ชุมนุมถือหุ้นแค่ 10 เปอร์เซ็นต์ แทนที่จะให้ถือมากกว่า 51 เปอร์เซ็นต์ แทนที่รัฐจะลงทุนให้หมด โดยทำสัญญา รัฐทำแล้วขอเก็บทุนใน 7 ปี แต่ตั้งแต่ปีที่ 8 เป็นของชาวบ้านไปเลย ถ้าเป็นแบบนี้ ทุนขนาดเล็ก ชาวบ้านจะวิ่งไปหาอีกเยอะ มาบอกที่ทำให้ไม่เกิด เพราะต่อไปจะได้อ้างว่าโรงงานขนาดเล็กชาวบ้านทำไม่ได้ จะได้รวบให้ทุนใหญ่ไปทำ" นายสุทินกล่าว

 ขณะที่นางบุญญาพร นาตะธนภัทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ลุกขึ้นประท้วงว่า ขอประท้วงตามข้อบังคับข้อ 69 ใส่ร้ายป้ายสีนายกฯ ตลอด บอกว่านายกฯ ปากปราศรัย น้ำใจเชือดคอ แต่ท่านนายกฯ ไม่ได้เป็นอย่างนั้นนะคะ ทำให้นายชวน หลีกภัย ที่ทำหน้าที่ประธานการประชุมตัดบททันทีว่าพอแล้ว 

จากนั้นนายสุทินอภิปรายต่อว่า ตอนแรกดูฉลาด คิดเรื่องนี้ดีมาก ฉลาดมากที่คิดเรื่องนี้ ดูไปดูว่าฉลาดแกมโกง แต่ดูไปดูมาโง่ไม่พอแล้วอมสเปโตด้วย ทำให้นางบุญญาพรลุกขึ้นประท้วงอีกครั้งโดยให้ถอนคำว่านายกฯ โง่ แต่นายชวนยืนยันว่า ยังไม่ถึงขนาดนั้น เดี๋ยวนายกฯ คงชี้แจง   

ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ลุกขึ้นชี้แจงทันทีว่า เรื่องโรงไฟฟ้าชุมชนเป็นสิ่งที่รัฐกำลังดำเนินการ ทำไมจะไม่สนับสนุน การถือหุ้น 10 เปอร์เซ็นต์ของประชาชน ให้ไปดูในรายละเอียด ประชาชนสามารถเพิ่มได้อีกถึง 40 แต่ต้องขึ้นอยู่ที่ความพร้อมด้วย เราตั้งต้อง 700 วัตต์ กรุณาไปดูในรายละเอียดปลีกย่อย มันมีอยู่ในนั้นมากมาย ที่พูดมาทำมาหมดแล้ว แต่ท่านไม่เห็นเอง 

พล.อ.ประยุทธ์ชี้แจงเรื่องการปฏิรูปตำรวจ ที่อ้างว่ามีตำรวจไปรับส่วย ยาเสพติด การแต่งตั้ง การพนันออนไลน์ เป็นเรื่องส่วนบุคคล ตำรวจมีทั้งดี-ไม่ดี ไม่ใช่เลวทั้งหมด ตำรวจไม่ดี ทหารใช้ไม่ได้ ลองกลับย้อนมาดูตัวเองบ้างแล้วกัน ตำรวจกว่า 2 แสนนาย ที่ทำดีๆ ก็เยอะ ไม่เช่นนั้นบ้านเมืองก็อยู่ไม่ได้ ตำรวจคนไหนไปพัวพันก็ให้แจ้งมา ที่ทำไม่ดี มีการเรียกมาสอบ ดำเนินคดีอาญาไปแล้วทุกราย จำเป็นต้องรักษาศักดิ์ศรีตำรวจดีๆ ไว้ด้วย ติมันง่าย ให้กำลังใจเขาด้วย 

"เรื่องน้ำท่วม ฝนแล้ง ก็ทราบดีอยู่แล้ว ตลอดเวลาหลายสิบปีก็แก้ปัญหา ไปย้อนดู 8 ปี เราทำอะไรไปบ้าง ที่บอกน้ำยังท่วมอยู่ เพราะฝนตก ถ้าไม่ตกมันก็ไม่ท่วม (เมื่อถึงช่วงนี้ ทำให้สมาชิกในห้องประชุมหลายคนต่างหัวเราะออกมา) ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์จะกล่าวอีกว่า หัวเราะอะไร หัวเราะอะไร ท่านรู้ไหมปริมาณน้ำ สมัยก่อนท่านทำน้ำท่วมเท่าไหร่ ผมทำน้ำลดเท่าไหร่ ปี 54 เป็นอย่างไร สมัยก่อนน้ำท่วมเท่าไหร่ ปี 57-58 ที่น้ำท่วม เพราะฝนมันตกเกิน 500 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง รู้เรื่องบ้างไหม ในรายละเอียด ถ้าติว่ารัฐบาลไม่แก้ปัญหา ผมว่าไม่เป็นธรรมอะนะ" นายกฯ กล่าว 

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ภาพรวมการอภิปรายวันแรกว่า ผลงานก็ออกมาชัดเจน ข้อมูลบางอย่างจากฝ่ายค้าน อาจจะเป็นข้อมูลเก่า และเป็นข้อมูลที่ใช้คำว่า "เชื่อได้ว่าหรือเข้าใจว่า" มันเป็นเวิร์บทูเดาทั้งหมดเลย มันไม่ใช่เวิร์บทูบี ซึ่งตนคิดว่าต้องเอาความจริง หรือสิ่งที่เป็นหลักฐานมาให้คำแนะนำ โดยเฉพาะคำแนะนำว่าเราทำไม่ดีก็ควรจะมีคำแนะนำ และแก้ไขอย่างไร ไม่ใช่มาโหวกเหวกตะโกน มันไม่ใช่เรื่อง

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ปชน.ขนทัพใหญ่ หาเสียงทิ้งทวน! หวังปักธง‘สีส้ม’

“ปชน.” ปูพรมโค้งสุดท้าย ขนทัพใหญ่ดาวกระจาย 6 สายทั่วพื้นที่ “ปิยบุตร” ขอโอกาสปักธงสีส้ม “พิธา” เชื่อคะแนนยังสูสี พรรคประชาชนมีโอกาสพลิกชนะ