นายกฯสั่งเข้ม! 5กระทรวง-ตร. คุมฝุ่น‘PM2.5’

“บิ๊กตู่” สั่ง 5 กระทรวงและ ตร. บูรณาการแก้ปัญหาฝุ่นพิษ เคาะหลักการใน 3 พื้นที่บรรเทา กำชับห้ามเผาป่าเด็ดขาด ควันดำไม่ต่อใบอนุญาต พร้อมวอน ปชช.ใช้รถสาธารณะ กรมควบคุมมลพิษคาด 6-12 ก.พ.อากาศดีเพราะท้องฟ้าเปิด

เมื่อวันที่ 5 ก.พ.2566 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบรายงานปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในทุกพื้นที่ของประเทศไทย ซึ่งเกิดจากหลายสาเหตุ ทั้งจากการเผาวัชพืชเพื่อเตรียมเพาะปลูกฤดูกาลใหม่ การก่อสร้าง การขนส่งคมนาคมและการจราจร และปัญหา PM 2.5 มักจะเกิดในช่วงที่อากาศปิด โดยนายกฯ ได้กำชับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.), กระทรวงคมนาคม (คค.), กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.),กระทรวงมหาดไทย (มท.), กระทรวงสาธารณสุข (สธ.), สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน บูรณาการเร่งแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 อย่างเร่งด่วน พร้อมขอความร่วมมือมายังประชาชนทุกคนได้มีส่วนร่วมแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 เพราะฝุ่น PM 2.5 ที่เกิดขึ้นมีผลต่อสุขภาพของคนทั้งประเทศ

นายอนุชากล่าวว่า นายกฯ เน้นย้ำหลักการในการป้องกันและแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ใน 3 พื้นที่คือ 1.พื้นที่เมือง ที่มีแหล่งกำเนิดมาจากการจราจรและโรงงานอุตสาหกรรม ดังนั้น จึงขอความร่วมมือให้บำรุงรักษาเครื่องยนต์ทั้งในส่วนของภาครัฐและเอกชน ให้เจ้าหน้าที่เพิ่มความเข้มงวดตรวจวัดควันดำ และขยายพื้นที่ตรวจวัดควันดำเพื่อควบคุมตั้งแต่ต้นทาง ตรวจกำกับโรงงานอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มในการปล่อยมลพิษสูง ทั้งโรงงานที่ใช้หม้อน้ำ โรงงานที่ใช้ถ่านหิน โรงงานหลอมเหล็ก ฯลฯ  2.พื้นที่เกษตร ที่มีแหล่งกำเนิดฝุ่นละอองมาจากการเผาเศษวัสดุการเกษตร ดังนั้น จึงขอให้เกษตรกรหยุดเผาในพื้นที่การเกษตร และ 3.พื้นที่ป่า แหล่งกำเนิดฝุ่นละอองที่สำคัญมาจากไฟป่า ดังนั้น ทุกภาคส่วนต้องส่งเสริมเครือข่ายความร่วมมือในการควบคุมไฟป่า รณรงค์ป้องกันไฟป่า และบริหารจัดการเชื้อเพลิงด้วยวิธีชิงเก็บลดเผา

“นายกฯ ย้ำขอความร่วมมือประชาชนได้ลดพฤติกรรมตนเองที่จะเป็นแหล่งกำเนิดฝุ่น PM 2.5 ให้งดการเผาเพื่อเตรียมเพาะปลูก หรือเผาป่าเพื่อการเข้าไปหาอาหาร ขอให้หยุดโดยเด็ดขาด รวมทั้งขอความร่วมมือให้ลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล โดยใช้รถขนส่งมวลชนสาธารณะให้มากขึ้น พร้อมกำชับให้เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ตรวจจับรถควันดำทุกชนิดอย่างเข้มงวด ไม่ต่อใบอนุญาตรถที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย โดยขอให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานดำเนินการตามกฎหมาย เพราะฝุ่น PM 2.5 ที่เกิดขึ้นมีผลต่อสุขภาพของคนทั้งประเทศ โดยนายกฯ จะกำกับติดตามผลการดำเนินการ และให้มีการประเมินสถานการณ์เป็นระยะอย่างต่อเนื่อง” นายอนุชากล่าว

นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ในฐานะประธานศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กล่าวว่า ค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM 2.5) ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลช่วงเย็นถึงค่ำคุณภาพอากาศดีมากถึงดี โดยค่าฝุ่นลดลงต่อเนื่องในทุกพื้นที่ เนื่องจากหลายพื้นที่มีฝนตกลงมา และมีลมพัดช่วยลดการสะสมของฝุ่นลง โดย คพ.ได้คาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ช่วงวันที่ 6-12 ก.พ. มีแนวโน้มคุณภาพอากาศอยู่ในเกณฑ์ดี เนื่องจากสภาพอากาศเปิดมากขึ้น และมีลมใต้ที่มีกำลังค่อนข้างแรงช่วยพัดพาฝุ่นละอองออกจากพื้นที่

วันเดียวกัน ในงานเสวนา ฝุ่นพิษ 2.5 ปัญหาที่ต้องเร่งแก้ ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายอภิมุข ฉันทวานิช ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.พรรค ปชป. เขตบางคอแหลม-ยานนาวา ในฐานะตัวแทนประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 ในพื้นที่ กทม. ได้ตั้งคำถามถึงกระบวนการแก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งจากทาง กทม.และรัฐบาล ว่าทำไมปล่อยให้ประชาชนต้องเผชิญกับฝุ่นพิษ โดยไม่มีความคืบหน้าของการแก้ไขใดๆ ประกาศออกมาเลย การแก้ปัญหาต้องไม่ใช่แค่ให้พวกเราหยุดอยู่กับบ้าน แล้วรอวันให้ฝุ่นหาย ผู้มีส่วนรับผิดชอบต้องทำอะไรให้มากกว่านี้

“ขอสนับสนุนให้ ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม.พรรค ปชป. ประกาศสงครามกับฝุ่นพิษ PM 2.5 อย่างเต็มกำลัง และจะร่วมผลักดันนโยบายการจัดการปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 ของพรรค ปชป.ให้เกิดขึ้นโดยเร็ว รวมไปถึงการกระตุ้นเตือนภาครัฐ และหน่วยงานสนับสนุนให้บังคับใช้กฎหมายในการป้องกันปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 อย่างจริงจัง ณ ช่วงเวลาวิกฤตฝุ่นที่เกิดขึ้นนี้”

ส่วนนายรังสรรค์ บุศย์เมือง ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือเผยว่า วันนี้หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงเคลื่อนที่เร็ว จ.เชียงใหม่ ได้ขึ้นบินปฏิบัติการเพื่อบรรเทาปัญหาหมอกควันและไฟป่า โดยใช้เครื่องบินเกษตร ชนิด CASA จำนวน 2 ลำ ช่วงเวลา 11.30 น. ส่วนคุณภาพอากาศของพื้นที่ภาคเหนือในวันนี้ พบว่าคุณภาพอากาศอยู่ในระดับดีมาก.