อุทธรณ์ยกฟ้องแทนรุกเขาแพง

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ยกฟ้อง "แทน เทือกสุบรรณ" กับพวกรุกป่าเขาแพง ส่วนคดีแพ่ง ให้ย้ายของออกจากสันอ่างเก็บน้ำ ชี้ไม่มีเหตุถือครองตามกฎหมาย ลูกสุเทพบอกหลังฟังคำตัดสิน “รู้สึกปกติดี”

ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน เวลา 10.00 น. ศาลได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีรุกป่าเขาแพง จ.สุราษฎร์ธานี หมายเลขดำ อ.3534/2556 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ ฟ้องนายพรชัย ฟ้าทวีพร อายุ 58 ปี ผู้จัดการห้างหุ้นส่วนเรืองปัญญาคอนสตรัคชั่น, นายสามารถ หรือโกเข็ก เรืองศรี อายุ 66 ปี หุ้นส่วน หจก.เรืองปัญญาคอนสตรัคชั่น, นายแทน เทือกสุบรรณ อายุ 42 ปี นายหน้าขายที่ดิน บุตรชายของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และนายบรรเจิด เหล่าปิยะสกุล อายุ 63 ปี อดีตเลขานุการส่วนตัวของนายสุเทพ เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานร่วมกันก่อสร้าง แผ้วถางป่า หรือเผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเองและผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต และฐานเข้าไปยึดถือ ครอบครอง ก่อสร้าง หรือเผาป่าในที่ดินของรัฐโดยมิได้มีสิทธิครอบครองหรือไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9, 108 ทวิ และพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2518 มาตรา 22

กรณีระหว่างวันที่ 27 ก.ย.2543-5 ต.ค.2544 ต่อเนื่องกัน จำเลยที่ 1-2 ร่วมกันบุกรุกเข้าไปยึดถือครอบครอง ทำลาย แผ้วถางป่าเขาแพง อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เนื้อที่ 31 ไร่ 2 งาน 97 ตารางวา ส่วนจำเลยที่ 3-4 ร่วมกันบุกรุกเข้าไปยึดถือ ครอบครอง ทำลาย แผ้วถางป่าเขาแพง อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เนื้อที่ 14 ไร่ ด้วยการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต

คดีนี้ศาลชั้นต้นพิเคราะห์แล้วเห็นว่า พวกจำเลยกระทำผิดจริง พิพากษาจำคุกจำเลยที่ 1-2 คนละ 5 ปี ส่วนจำเลยที่ 3-4 จำคุกคนละ 3 ปี โดยไม่รอลงอาญา เนื่องจากกรณีเป็นเรื่องร้ายแรง พวกจำเลยยื่นอุทธรณ์ ต่อมาศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้ว พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องจำเลยทุกคน อัยการโจทก์ยื่นฎีกา ให้ลงโทษพวกจำเลยด้วย

ต่อมาวันที่ 18 มี.ค.2564 ศาลฎีกา แผนกคดีสิ่งแวดล้อมพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ศาลอุทธรณ์ยังวินิจฉัยไม่ครบถ้วนทุกประเด็น จึงมีคำสั่งย้อนสำนวนให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่

ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริง จำเลยที่ 1-2 ขายที่ดินให้จำเลย 3 โดยมิได้เข้าไปยึดครอง ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยมานั้น ศาลอุทธรณ์ไม่เห็นด้วย อุทธรณ์จำเลยฟังขึ้นบางส่วน พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องจำเลยทั้งสี่ ในส่วนของคดีอาญา ส่วนคดีทางแพ่งให้จำเลยที่ 3 จำเลยที่ 4 คนงาน ผู้รับจ้าง ผู้แทน และบริวาร ย้ายออกจากป่าเขาแพงทางทิศเหนือและทิศตะวันออกของโฉนดเลขที่ 28109 ต.แม่น้ำ อ.เกาะสมุย แนวร่องน้ำ แนวสันอ่างเก็บน้ำ โดยจำเลยที่ 3 และ 4 ไม่มีเหตุจะถือครองตามกฎหมาย เนื่องจากกฎหมายมีเจตนารมณ์ที่จะคุ้มครองรักษาไว้เพื่อประโยชน์แห่งสาธารณะ

ภายหลังฟังคำพิพากษา นายแทน กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า รู้สึกปกติดี

ด้านนายสวัสดิ์ เจริญผล ทนายความ กล่าวว่า เดิมศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยทั้ง 4 คน แต่ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง โดยในชั้นฎีกา ศาลฎีกาสั่งย้อนสำนวน ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่ วันนี้จึงเป็นการฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ซึ่งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์มีประเด็นอยู่ 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 กรณีที่ดิน ซึ่งจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ไปซื้อมา ขายให้จำเลยที่ 3 และจำเลยที่ 4 นำไปออกโฉนดนั้น แม้เนื้อที่จะเกินไปกว่า น.ส.3 แต่ที่ดินทั้งหมดผู้ครอบครองได้มาตามประมวลกฎหมายที่ดิน มีหลักฐานการแจ้งครอบครองเป็น ส.ค.1 ส่วนพื้นที่ที่เกินไปนั้น ไม่ใช่พื้นที่ป่า เพราะมีการครอบครองกันมา ส่วนของอาญานั้นศาลพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้ง 4 คน

ส่วนที่ 2 คือประเด็นในส่วนแพ่ง ที่ศาลอาญาวินิจฉัยพิพากษาว่า ที่ดินบริเวณที่เป็นหัวลูกศร บริเวณแนวโขดหิน ที่เรียกว่าเขาแพง ศาลบอกว่าเป็นพื้นที่ป่า ต้องให้จำเลยที่ 3 และ 4 ซึ่งเป็นผู้ขอออกโฉนด รวมถึงคนงาน ห้ามไม่ให้อยู่ในที่ดินส่วนดังกล่าว ซึ่งมีเนื้อที่ประมาณ 14 ไร่ แต่ในข้อเท็จจริงแล้ว ทางกรมที่ดินได้มีคำสั่งให้ตัดที่ดินส่วนนั้นออกไป จำเลยที่ 3 จำเลยที่ 4 และบริวารไม่เคยเข้าไปในพื้นที่ส่วนนั้น ซึ่งเป็นแนวปฏิบัติกันมานานแล้ว แต่ทั้งนี้เป็นไปตามคำพิพากษา.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง