อิ๊งค์ลั่นพาพ่อกลับไม่เกี่ยวพท.

"อุ๊งอิ๊ง" ยืนยันจะเป็นคนบอกเองว่าพ่อกลับบ้านเมื่อไหร่ตามคำสั่งนักโทษหนีคุก ยืนยันพรรคไม่เกี่ยวข้อง แต่ตอนนี้ยังบอกไม่ได้กลับเมื่อไหร่อย่างไร ปฏิเสธเปิดดีลพลังประชารัฐ ลั่นจะเดินสายอุ้มท้องหาเสียงต่อไปเพื่อเป้าหมายเเลนด์สไลด์ ด้าน "ณัฐวุฒิ" เผย นปช.เป็นอดีตเพราะแกนนำแยกกันเดิน เผยช่วง "จตุพร" ตั้งพรรคเคยห่วงใยจะมีการต้มกันครั้งยิ่งใหญ่

 เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2566 ที่ท่าอากาศยานเลย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ลงพื้นที่ร่วมกิจกรรมปราศรัยใหญ่ในงาน #แลนด์สไลด์เพื่อไทยเท่านั้น โดยทันทีที่เดินทางมาถึง มีแกนนำพรรคเพื่อไทย อาทิ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย, นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย มารอต้อนรับ

น.ส.แพทองธารพูดถึงกระแสข่าวการจับมือทางการเมืองหลังเลือกตั้งระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคพลังประชารัฐ เพื่อนำนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีกลับบ้านว่า ยังไม่เคยคุยกันเลย เราจะเดินสายอุ้มท้องหาเสียงต่อไปเพื่อเป้าหมายเเลนด์สไลด์ นี่คือเป้าหมายที่พรรคเพื่อไทยตั้งใจทำ

เมื่อถามย้ำว่า นายทักษิณระบุว่าจะกลับบ้านเมื่อใด น.ส.แพทองธารจะเป็นผู้ประกาศ น.ส.แพทองธารตอบว่า “ยังไม่ได้บอกจะกลับเมื่อไหร่ อย่างไร ที่บอกให้อิ๊งค์เป็นคนบอกก็ตามนั้น ส่วนจะกลับมาแบบไหนนั้น คุณพ่อออกไปหลายปีแล้ว คงมีวิธีและวิธีการว่าจะมาอย่างไร อิ๊งค์ก็เคารพการตัดสินใจ และท่านก็พูดเองว่าจะไม่เอาพรรคการเมืองมาเกี่ยวข้อง ดังนั้นการที่มาอยู่ตรงนี้ พรรคเพื่อไทยอยู่ตรงนี้ เราจะมุ่งหน้าหาเสียงทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน ไม่ได้มุ่งเน้นเรื่องพานายทักษิณกลับบ้าน ขอให้แยกเรื่องกัน”

ถามอีกว่า การจับมือกับพรรคพลังประชารัฐตัดไปได้เลยใช่หรือไม่ หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยปฏิเสธว่า ไม่เคยคุย และข่าวที่ออกมาจะกระทบกับกระแสพรรคหรือไม่นั้น คิดว่าประชาชนติดตามข่าวน่าจะมีวิจารญาณว่าเป็นอย่างไร  เพราะตอนนี้ตนไม่ได้คุยจริงๆ ยังไม่มีดีล ไม่ได้คุย ก็ไม่รู้จะตอบประชาชนอย่างไร

ซักว่า ตอนนี้นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน ออกมาโจมตีนายทักษิณหนักมาก พรรคจะดำเนินการอย่างไร นายณัฐวุฒิเป็นผู้ตอบคำถามนี้ว่า พรรคเพื่อไทยไม่มีแนวทางตอบโต้กับนายจตุพร หรือใครก็ตามที่วิพากษ์วิจารณ์ในส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับนโยบาย เราเชื่อว่าการทุ่มเททำงานหนักเพื่อนำประชาธิปไตยกลับคืนมา เปลี่ยนแปลงรัฐบาลเอานโยบายเพื่อไทยแก้ปัญหาประชาชนคือเรื่องสำคัญอันดับหนึ่ง ต้องทำให้สำเร็จให้ได้ นายจตุพร แม้เหตุการณ์ตอนนี้ก็ไม่เคยรู้สึกเป็นปฏิปักษ์ แต่ถ้าสื่อสารถึงกันได้บ้าง อยากบอกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นมันน่าจะเพียงพอหรือได้ข้อยุติสำหรับการแสดงท่าทีแล้วหรือไม่ ขอให้พวกเราพี่ๆ น้องๆ ได้ทำงานในสนามเลือกตั้ง เราไม่ทะเลาะกับนายจตุพร หากไม่สบายใจก็ไม่เป็นไร หากนายจตุพรจะหันมาที่ตน ยังพร้อมทำงานในฐานะผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทยต่อไปโดยไม่แสดงความเป็นปฏิปักษ์

 “อยากให้มองมาที่พรรคเพื่อไทย เป็นพี่ เพื่อน น้อง ที่เคยยืนเคียงข้างกัน วันนี้เราทำงานหนักเพื่อนำบ้านเมืองให้รอดจากวิกฤต ดังนั้นขอให้เราได้มีสมาธิทำหน้าที่ เราต่างเคยยืนเคียงข้างท่านทักษิณในสนามเลือกตั้ง เคียงข้างผู้นำของพรรคการเมืองนี้ตลอด"

นายณัฐวุฒิกล่าวว่า วันนี้ยืนข้าง น.ส.แพทองธาร พี่ก็ทราบว่าน้องอิ๊งค์มีหัวใจเป็นคนเสื้อแดง เติบโตมากับการเห็นภาพการถูกกระทำของคนเสื้อแดง หลั่งน้ำตาให้กับการสูญเสีย กับความเจ็บปวดของคุณเสื้อแดง อยากให้พี่นึกถึงภาพวันแบบนั้น ให้น้องอิ๊งค์ได้ทำหน้าที่อย่างที่ควรจะทำ อย่างที่ประชาชนตั้งความหวัง อย่างที่ประเทศไทยกำลังรอโอกาส และเชื่อว่าพี่น้องเสื้อแดงหากจะไปสนับสนุนพรรคอื่นในฝ่ายประชาธิปไตยคงเป็นด้วยเหตุผลอื่น ไม่น่าจะเป็นเพราะประเด็นที่นายจตุพรเปิดออกมา และยังเชื่อว่าพี่น้องเสื้อแดงส่วนใหญ่สนับสนุนพรรคเพื่อไทยอยู่          "ส่วนคนเสื้อแดงที่ไม่สมหวังกับการจัดตัวผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย ผมสอบถามกับคณะกรรมการสรรหาอยากให้มีการอธิบายแบบตรงไปตรงมา แต่ที่เปิดตัวไปมีคนเสื้อแดงจำนวนมากที่ได้โอกาส ยืนยันเราไม่เคยคิดทอดทิ้งทำลายน้ำใจกัน หวังเมื่อเข้าสู่การเลือกตั้งพี่น้องเสื้อแดงจะทบทวนวิธีคิดและจับมือร่วมกันเหมือนเดิม และเหมือนที่ น.ส.แพทองธารบอก เป้าหมายแลนด์สไลด์ไม่ใช่เพื่อพานายกฯ ทักษิณ เป็นคนละประเด็นกัน ท่านก็พูดจะกลับหรือไม่อยู่ที่หัวใจท่าน ไม่ได้อยู่ที่พรรคการเมือง ดังนั้นแลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทย เพื่อเอาประยุทธ์ ประวิตร กลับบ้าน เอารัฐบาลสืบทอดอำนาจเผด็จการกลับบ้าน” นายณัฐวุฒิกล่าว 

เมื่อผู้สื่อข่าวถาม น.ส.แพทองธารว่าดูเหมือนสะเทือนใจกับคำพูดของนายณัฐวุฒิ เธอตอบว่า แน่นอน ผ่านมาเยอะเรื่องคนเสื้อแดง แน่นอนว่าหากคนเสื้อแดงยังสนับสนุนฝ่ายประชาธิปไตย เราเคารพสิทธิ จะเลือกพรรคใดย่อมได้ อย่างตนที่เป็นคนนำหาเสียงก็คือคนเสื้อแดงคนหนึ่ง มีความสูญเสีย มีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้น พูดอีกทีก็สะเทือนใจ

ซักว่าสิ่งที่นายจตุพรพูดถึงนายทักษิณ จะชี้แจงอย่างไร น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ไม่มีอะไรให้ชี้แจง ถามว่าการที่ พล.อ.ประยุทธ์ระบุไม่อยากได้ยินชื่อนายทักษิณ รู้สึกอย่างไร น.ส.แพทองธารหัวเราะพร้อมตอบว่า “ถามคุณพ่อหรือยัง คุณพ่อชอบรึเปล่า ล้อเล่นๆ ตลกดี ไม่มีอะไร ท่านอาจจะเครียดหลายอย่าง อาจหงุดหงิด มนุษย์หงุดหงิดได้ เข้าใจได้”

วันเดียวกันนี้ นายณัฐวุฒิโพสต์คลิปลงในเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับเรื่อง "จุดแยกทางแกนนำ นปช. ความจริงอีกมุมหนึ่ง เพื่อความครบถ้วนรอบด้าน" โดยระบุว่า เมื่อมีเหตุการณ์ที่แกนนำ นปช.แยกทางกันออกเป็น 2 ส่วน และการดำรงสภาพขององค์กร นปช.ไม่ได้มีอยู่จริงอีกเลยนับตั้งแต่บัดนั้น

หลังจากที่คุณจตุพรในฐานะแกนนำ ออกจากคุกกลางปี 2561 เราก็มีการพบปะ ประชุมกันตามปกติ เพราะวิถีขององค์กร นปช.ตั้งแต่ก่อตั้งจนถึงช่วงเวลานั้น กระทั่งปัจจุบันคุณจตุพรได้ปรารภหลังจากการประชุมเสร็จสิ้นไปแล้ว ในช่วงที่มีการสังสรรค์กันกับพี่น้อง นปช.จำนวนหนึ่ง ซึ่งมีผมนั่งอยู่ในนั้นด้วยว่า ได้ตกลงใจที่จะทำพรรคการเมืองหนึ่งคือพรรคเพื่อชาติ ร่วมกับนักการเมืองอีกกลุ่มหนึ่ง นำโดยนักการเมืองคนสำคัญ ซึ่งเป็นที่ข่าวปรากฏว่าร่วมกันก่อตั้งพรรคการเมืองกับคุณจตุพรนั่นเอง

จังหวะหนึ่งผมเดินไปเข้าห้องน้ำ  พราหมณ์ศักดิ์ระพี พรหมชาติ ก็เดินตามไป ผมบอกพราหมณ์ว่าเป็นห่วงใยอย่างยิ่งในเรื่องที่เราคุยกัน และเรื่องนี้จะมีการต้มกันครั้งยิ่งใหญ่ ความหมายของผมในตอนนั้นคือระวังกลุ่มที่มาชวนคุณจตุพรนั่นแหละจะต้มกัน และภายหลังก็ทราบว่าการดำเนินการของพรรคการเมืองนี้มีความขัดแย้งกันอย่างสูง ตั้งแต่ส่งรายชื่อผู้สมัคร ซึ่งเหตุผลข้อเท็จจริงเป็นไปอย่างไรผมไม่ก้าวล่วง

ดังนั้นจุดแยกที่สำคัญขององค์กร นปช.จึงอยู่ที่กระบวนการในการทำงาน ซึ่งเราไม่ได้รักษาวิถีแห่งเรา ไม่ได้บอกกล่าว ไม่ได้ประชุมใดๆ ก่อนที่จะตัดสินใจครั้งสำคัญ นี่เป็นข้อเท็จจริง ยังผลให้องค์กรนำของ นปช.ไม่คงสภาพอยู่จนถึงปัจจุบัน ซึ่งเรื่องราวก็ผ่านมาหลายปี ผมไม่มีเจตนาจะหาคนถูกคนผิดในเรื่องนี้ แต่เหตุผลของผมก็คือความจริงมันต้องถูกบันทึกและนำเสนอ ผมกับพี่น้องแกนนำ นปช.ที่เรายังทำงานการเมืองร่วมกัน เราก็รักษาแนวปฏิบัติเดิม คือมีอะไรเราก็ต้องหารือร่วมกัน เราเห็นว่าเหตุการณ์ที่เป็นจุดแยกของแกนนำ นปช.เป็นเรื่องสำคัญ ต้องบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ให้ครบถ้วนรอบด้าน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง