โจ๊กสั่งคุ้ยปมสาวไต้หวัน ‘น.1’เชื่อ1-2วันรู้ผลสอบ!

“บิ๊กโจ๊ก” จี้สางปมดาราสาวไต้หวันถูกตำรวจรีดทรัพย์ ลั่นผิดฟันไม่เลี้ยง แต่ถ้าแต่งเรื่อง ประสานสถานทูตนำตัวมาดำเนินคดีแน่ ด้าน ผบก.น.1 เผย คดีคืบหน้า 80% แล้ว คาด 1-2 วันได้ข้อเท็จจริง “สมศักดิ์” จับเข่าคุย “อัจฉริยะ” กรณีทุจริตในดีเอสไอ

เมื่อวันที่ 27 ม.ค. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  กล่าวถึงกรณีดาราสาวไต้หวันถูกตำรวจตั้งด่านรีดไถเงิน 27,000 บาท ที่ สน.ห้วยขวาง ว่าได้สั่งการ พ.ต.อ.ศิรณวิชญ์ อินทร ผกก.สส.บก.น.1 และ พ.ต.อ.ยิ่งยศ สุวรรณโณ ผกก.สน.ห้วยขวาง ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว กรณีของดาราสาวไต้หวันนี้จะต้องทำความจริงให้ปรากฏ หากพบว่าตำรวจมีการเรียกรับเงินจริง ต้องโทษคดีอาญารับความผิด แต่หากตรวจสอบแล้วไม่เป็นความจริง ผู้แจ้งจะถูกตั้งข้อหาแจ้งความเท็จ เพราะสร้างความเสื่อมเสียให้กับประเทศเป็นอย่างมาก และถึงแม้ตัวจะอยู่ที่ต่างประเทศ ตำรวจสามารถขอหมายจับพร้อมประสานความร่วมมือกับสถานทูตหรือสถานกงสุลในการพาตัวมาดำเนินคดีได้ในภายหลัง

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวอีกว่า ในส่วนของการทำคดีนี้ หากตรวจสอบกล้องวงจรปิดและเช็กตารางการเข้าเวรของตำรวจ ก็ทราบแล้วว่าวันดังกล่าวมีใครเข้าเวรบ้าง และหากพบว่ามีการกระทำผิดจริง จะถูกลงโทษทางอาญาอย่างไม่มีละเว้น อีกทั้งยังต้องตรวจสอบด้วยว่าเหตุใดจึงปล่อยนักท่องเที่ยวไป เช่น กรณีไม่มีวีซ่า การมีบุหรี่ไฟฟ้าไว้ในครอบครอง ถือว่าเป็นเรื่องผิดกฎหมายในประเทศ หากมีการปล่อยไปจริงต้องถูกลงโทษเช่นกัน และไม่สามารถอ้างได้ว่าด่านใกล้เลิกจึงผ่อนผันไม่มีการจับกุม เพราะตำรวจ 1 นาย จะละเว้นการปฏิบัติไม่ได้ ในฐานะผู้บังคับบัญชาการกล่าวอ้างแบบนี้ฟังไม่ขึ้น

รอง ผบ.ตร.ระบุว่า คดีนี้ประชาชนส่วนใหญ่ไม่เชื่อมั่นในการทำงานของตำรวจ ต้องยอมรับว่าในปัจจุบันมีข่าวเชิงลบกับวงการตำรวจอย่างมาก คนส่วนน้อยที่กระทำผิดสร้างความเสียหายให้คนส่วนใหญ่ เพื่อรักษาภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หากพบการกระทำผิดของเจ้าหน้าที่ จะต้องลงทัณฑ์ขั้นเด็ดขาด คดีนี้หากตรวจสอบแล้วไม่ว่าฝ่ายใดกระทำความผิด จะต้องลงโทษตามกฎหมายโดยทันที

ที่ สน.ห้วยขวาง พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 กล่าวภายหลังมาติดตามความคืบหน้าคดีดังกล่าวว่า ผู้บังคับบัญชาได้สั่งการให้กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 และ สน.ห้วยขวาง เร่งรัดทำความจริงให้ปรากฏ ตรวจสอบพยานแวดล้อมทุกส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยในส่วนของพยานแวดล้อมคือ รถสาธารณะ มี 2 ส่วนคือ รถแกร็บมาสด้า ที่ขับพาดาราสาวเข้ามาในจุดเกิดเหตุ ได้เรียกตัวคนขับมาให้ข้อมูลแล้ว อีกส่วนคือคนขับแท็กซี่ที่รับดาราสาวออกจากจุดเกิดเหตุไป ขณะนี้อยู่ระหว่างติดตามเชิญตัวมาให้ข้อมูล เพื่อนำข้อมูลมาเชื่อมโยงกันกับข้อมูลที่ได้จากตำรวจในจุดเกิดเหตุด้วย

“กรณีดังกล่าวมีการดำเนินการไปมากกว่า 80% ขณะนี้อยู่ระหว่างการนำพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์มาเชื่อมโยงกับข้อมูลคำบอกเล่าของผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด คาดว่าภายใน 1-2 วันเรื่องนี้จะต้องจบ” พล.ต.ต.อัฏธพรระบุ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ยืนยันหรือไม่ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีการเรียกรับเงิน  พล.ต.ต.อัฏธพรตอบว่า ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน เมื่อถามย้ำว่าคดีนี้จะพลิกหรือไม่ พล.ต.ต.อัฏธพรย้ำว่า ให้รอความคืบหน้า ตำรวจกำลังเร่งหาพยานหลักฐาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชายขับรถมาสด้า 2 สีแดง ทะเบียน 4 กส 522 กทม. ที่ปรากฏในคลิปกล้องวงจรปิดที่รับดาราสาวไต้หวันจากอาร์ซีเอมาเข้าด่านตำรวจ ได้เข้าพบ พล.ต.ต.อัฏธพร เพื่อสอบปากคำกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยเจ้าตัวมีสีหน้าที่ค่อนข้างเครียด และไม่ตอบคำถามใดๆ กับสื่อมวลชน

พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร.กล่าวว่า ตำรวจได้หลักฐานสำคัญเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดในบริเวณที่เกิดเหตุหน้าสถานทูตจีนประจำประเทศไทย ถนนรัชดาภิเษก จำนวน 3 กล้อง กล้องจุดแรกคือหน้าของสถานทูตจีน, จุดที่ 2 บริเวณสะพานลอย กล้องตัวนี้ส่องเข้าไปในซอยที่เน็ตไอดอลสาวไต้หวันอ้างว่าเป็นตำแหน่งที่เดินเข้าไปจ่ายเงินให้กับตำรวจไทย และกล้องจุดที่ 3 คือบริเวณปากซอยรัชดาภิเษก 13 โดยจากภาพวงจรปิดทั้ง 3 จุด พบว่าเน็ตไอดอลสาวไต้หวันมากับเพื่อนชายอีก 3 คน เรียกใช้บริการแกร็บ เป็นรถ Mazda 2 สีแดง ขับเข้ามายังด่านตรวจเวลาตี 02.27 น. วันที่ 4 ม.ค.66

โฆษก ตร.ระบุว่า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญผู้โดยสารลงจากรถแกร็บ ไปยืนบนถนน และย้ายไปอยู่บนฟุตปาธ โดยใช้เวลาพูดคุยสื่อสารกันอยู่พักใหญ่ จากนั้นมีรถแท็กซี่สีส้มขับพากลุ่มเน็ตไอดอลสาวทุกคนออกไปจากด่านจุดเกิดเหตุ ซึ่งภาพจากวงจรปิดทั้ง 3 ตัว ยังไม่พบภาพที่เห็นว่าเน็ตไอดอลสาวและพวกเข้าไปในซอยเพื่อจ่ายเงินให้กับตำรวจตามที่กล่าวอ้าง อย่างไรก็ดี ประเด็นนี้จะต้องตรวจสอบให้ชัดเจนอีกครั้ง

วันเดียวกัน มีความคืบหน้าเกี่ยวกับ กรณีเจ้าหน้าที่เข้าค้นบ้านพักอดีตกงสุลใหญ่นาอูรู ย่านสาทร เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.65โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เร่งสรุปข้อมูลการสอบสวนเพื่อเตรียมออกหมายจับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอเพิ่มอีก 3 คน ซึ่งเป็นบุุคคลที่ปรากฏตามภาพวงจรปิดว่าเป็นผู้เข้าค้นคอนโดมิเนียมของทุนจีนสีเทาย่านห้วยขวาง

ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวว่า นอกจากอดีตอธิบดีดีเอสไอที่มาให้การแล้ว เจ้าหน้าที่สถานทูตนาอูรูจะต้องเข้ามาให้การถึงประเด็นข้อสงสัยในการติดต่อให้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอเข้ามาตรวจสอบความผิดปกติที่บ้านพักอดีตกงสุลใหญ่ เพราะเมื่อเทียบกับเอกสารแล้วพบว่าเรื่องระยะเวลายังขัดแย้งกันอยู่

มีรายงานข่าวแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำหนังสือไปยังกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อให้ทางการนาอูรูรับทราบถึงแนวทางการสืบสวนสอบสวน และอนุมัติให้ส่งเจ้าหน้าที่ (เลขาฯ ทูต) ซึ่งเป็นคนลงนามในหนังสือร้องเรียน และขอให้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอเข้ามาตรวจสอบบ้านพักอดีตกงสุลใหญ่นาอูรู และยังพบว่ายังอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการชี้จุดให้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอเข้าค้นคอนโดมิเนียมย่านห้วยขวางอีกด้วย

เมื่อวันศุกร์ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ได้พูดคุยกับนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ถึงกรณีการร้องเรียนว่ามีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอและกระทรวงยุติธรรมเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการรับเงินผู้ทำผิดกฎหมายคดียาเสพติดและพนันออนไลน์ โดยนายสมศักดิ์ยืนยันว่าในฐานะ รมว.ยุติธรรม ไม่ได้นิ่งนอนใจ มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ มีนายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธาน เพื่อให้เกิดข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน

“คนอย่างผมไม่มีทางยอมให้ใครไปทำลักษณะนั้น เพราะต้องการกวาดล้างสิ่งที่ผิดกฎหมายต่างๆ และไม่เห็นด้วยกับคนที่วิ่งเคลียร์คดี ทำสิ่งไม่ถูกต้อง ที่ผ่านมาหากพบคนที่น่าสงสัยหรือถูกร้องเรียน ก็ให้ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงตลอด ใครผิดว่าไปตามผิด ไม่เอาชื่อเสียงมาทิ้งกับเรื่องพวกนี้อย่างแน่นอน” นายสมศักดิ์ กล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง