โวยรัฐบาลเทตอบ3กระทู้ จี้ตร.เรียกหลานบิ๊กตู่สอบ

รัฐบาลเทตอบ 3 กระทู้ จีนเทา-ตั๋วนำเที่ยววีไอพี ด้าน "โรม" จี้ ตร.เรียก "หลานประยุทธ์" สอบฐานร่วมสมคบฟอกเงินเครือข่าย "ตู้ห่าว" ถามเหตุเด้งหน่วยสืบคดี "ทุน มิน ลัต" หวั่นตัดตอนคดี  ขณะที่ ตร.เต้นเร่งสอบปมด่านตรวจเรียกเงินดาราไต้หวัน

เมื่อวันที่ 26 มกราคม ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจา ถาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กรณีบริษัทหลานของนายกฯ ทำธุรกิจร่วมกับกลุ่มทุนจีนสีเทา ซึ่งนายกฯ มอบหมายให้ พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ชี้แจงแทน แต่พล.อ.ชัยชาญติดภารกิจ จึงไม่สามารถมาตอบกระทู้ได้

นายรังสิมันต์กล่าวว่า เหตุผลที่ต้องสอบถามต่อ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะเครือข่ายเหล่านี้ต้องอาศัยผู้มีอำนาจถึงจะดำรงอยู่ได้ ยิ่งกว่านั้น ปรากฏหลักฐานพยานเอกสารต่างๆ ว่าอาจพัวพันถึงหลานของ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ก็ไม่ได้ถูกเรียกไปสอบปากคำแม้แต่น้อย และหากไม่ได้คำตอบที่พึงพอใจ ก็มีความเป็นไปได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นหนึ่งในเครือข่ายจีนเทาหรือไม่ เรื่องนี้นายกฯ ต้องมาตอบด้วยตัวเอง เพราะอยู่ในอำนาจ และเกี่ยวพันกับนายกฯ ท้ายที่สุดไม่ว่าจะหนีสภาเพียงใด แต่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงความจริงได้ และยิ่งไม่มาตอบในสภา จะทำให้ประชาชนยิ่งเข้าใจว่านายกฯ เกี่ยวพันกับกลุ่มทุนสีเทา กลุ่มฟอกเงิน ยาเสพติด หวังว่า พล.อ.ประยุทธ์จะเผชิญหน้ากับความจริง 

นอกจากนี้ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ได้ตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจา ถามนายกฯ และนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เรื่องเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยรับจ๊อบให้บริการรถนำแก่นักท่องเที่ยวจีน อย่างไรก็ตาม แม้นายกฯ และนายพิพัฒน์ไม่สามารถมาตอบกระทู้ได้ เนื่องจากติดภารกิจ แต่นายจิรายุยังคงยืนยันตั้งคำถาม และขอให้นายกฯ และนายพิพัฒน์ตอบกลับเป็นเอกสาร โดยนายจิรายุได้ถามถึงวิธีการแก้ไขกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงยังถามถึงกรณีการปล่อยให้บริษัทเอกชนนำบัตรไทยแลนด์อีลิทการ์ดไปขายเกินราคา และเป็นเหตุให้นำเข้าบุคคลที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายสู่ประเทศไทย  

 สำหรับกระทู้ที่ 3 ของนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เรื่องนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ต้องเสียเงินเพื่อได้บริการพิเศษ 7-8 อย่าง ซึ่งจะมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของไทย และถ้าทัวร์จีนเข้ามาจะนำโควิด-19 เข้ามาแพร่เชื้อหรือไม่ ซึ่งกระทู้ดังกล่าวนายพิพัฒน์ก็ไม่ได้มาตอบกระทู้ ทำให้กระทู้ถามสดทั้ง 3 กระทู้ไม่มีนายกฯ และรัฐมนตรีมาตอบ

นายรังสิมันต์แถลงว่า มีความตั้งใจตั้งกระทู้ถามสดไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ เพราะเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์คือบุคคลที่อาจจะเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติดที่กำลังดำรงอยู่ในประเทศ จึงอยากใช้พื้นที่ของสภาเพื่อถามคำถาม และด้านหนึ่งก็อยากให้ความเป็นธรรมกับนายกรัฐมนตรี เพราะนายกรัฐมนตรียังมีโอกาสที่จะตอบคำถาม อย่างที่ทุกคนทราบว่าหลังจากที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง เดินหน้าขยายผลเรื่องนายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือตู้ห่าว ซึ่งเกี่ยวพันกับบุคคลสำคัญต่างๆ หลายคน โดยเมื่อวันที่ 18 ม.ค.ที่ผ่านมา อัยการได้มีคำสั่งฟ้องตู้ห่าวและพวก รวม 40 คน ทั้งเรื่องยาเสพติด การไม่มีใบอนุญาตตั้งสถานบริการ การพาคนต่างด้าวเข้าเมืองแบบผิดกฎหมาย องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และการฟอกเงิน

ประเด็นที่ตนสนใจคือการฟอกเงิน ซึ่งคือการปกปิดอำพรางเงินที่ใช้ในการประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย ไม่ให้สืบได้ง่ายว่าต้นทางมาจากไหน หรือทำให้ดูเหมือนว่าเงินเข้ามาแบบถูกกฎหมาย ซึ่งการฟอกเงินเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยในธุรกิจผิดกฎหมาย รวมถึงการค้ายาเสพติด หมายความว่าเครือข่ายขบวนการค้ายาเสพติดก็ต้องการการฟอกเงิน โดยความผิดที่เกี่ยวกับยาเสพติด ถูกระบุไว้เป็นความผิดมูลฐาน ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 ด้วย

นายรังสิมันต์กล่าวว่า การที่ตำรวจไม่ตั้งข้อหาฟอกเงินกับตู้ห่าวตั้งแต่แรก ทำให้เกิดข้อกังขา 2 ประการ ได้แก่ ประการแรก อาจเป็นการเปิดช่องให้มีเวลายักย้ายถ่ายเททรัพย์สินที่จะเป็นของกลางได้ พอไปตรวจยึดทรัพย์สินของตู้ห่าวกลับไม่พบเงินสดแม้แต่บาทเดียว ส่วนเงินในบัญชีก็เหลือประมาณ 100,000 บาท ทำให้สังคมไม่ไว้วางใจการทำหน้าที่ของตำรวจในครั้งนี้ได้ และประการที่ 2 เป็นเรื่องเกี่ยวพันไปถึงข้อเท็จจริงที่ว่า หลานของ พล.อ.ประยุทธ์มีส่วนในธุรกิจเทาๆ ของตู้ห่าวด้วย โดยพบว่าบริษัท เอ็มแอนด์เอ็มทรานสปอร์ตเซอร์วิส จำกัด บริหารโดยพี่ชายของภรรยาตู้ห่าว และระบุที่ตั้งบริษัทเป็นที่เดียวกับที่ตู้ห่าวแจ้งเป็นที่อยู่ตัวเอง จึงชัดเจนว่าเป็นบริษัทในเครือของตู้ห่าว บริษัทนี้ไปเช่ารถทัวร์จำนวนอย่างน้อย 33 คันจาก หจก.คอนเทมโพรารี คอนสตรัคชั่น ของนายปฐมพล จันทร์โอชา ลูกชายของ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา น้องชายพล.อ.ประยุทธ์

"รถทัวร์เหล่านี้ เมื่อดูประวัติของตู้ห่าวแล้ว น่าเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าจะเอาไปใช้ทำทัวร์ศูนย์เหรียญ หรือใช้พาคนจีนเข้ามาในไทย เพื่อเสพยา เล่นการพนัน ทำกิจกรรมผิดกฎหมายในสถานบริการของตัวเอง ซึ่งรถทัวร์ 33 คันนี้ หจก.คอนเทมโพรารีฯ ไม่ได้เป็นเจ้าของเอง แต่ไปเช่าซื้อมาอีกทีหนึ่งผ่านบริษัทลีสซิ่ง โดยติดต่อกับผู้ผลิตรถประจำทางยี่ห้อ “Sunlong” บริษัทนี้เคยมีประวัติเกี่ยวข้องกับการเลี่ยงภาษีด้วย ข้อเท็จจริงที่ปรากฏ ทำให้เป็นข้อสงสัยว่า การที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นหน่วยงานใต้บังคับบัญชาของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่แจ้งข้อหาฟอกเงินกับตู้ห่าวตั้งแต่แรก และไม่ยอมแจ้งเสียที เพราะอาจทำให้ต้องลากเอาหลาน พล.อ.ประยุทธ์เข้ามาด้วย ในฐานะผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจรถทัวร์ของตู้ห่าว ซึ่งอาจเป็นส่วนหนึ่งของการฟอกเงินจีนสีเทาด้วยใช่หรือไม่”

นายรังสิมันต์กล่าวด้วยว่า ในกรณีหลาน พล.อ.ประยุทธ์ ตนมีข้อสังเกต 2 ข้อคือ 1.ถ้าบริษัท เอ็มแอนด์เอ็มฯ อยากทำกิจการรถทัวร์ ทำไมไม่ไปทำสัญญาเช่าโดยตรงกับทางผู้ผลิต หรือบริษัทลีสซิ่งไปเลย เพราะเหตุใดจึงต้องไปเช่าต่อจาก หจก.คอนเทมโพรารีฯ ที่ก็ไปเช่าซื้อมาอีกทีหนึ่ง อีกทั้ง หจก.คอนเทมโพรารีฯ ทำธุรกิจประเภทรับเหมาก่อสร้าง ไม่ได้มีเหตุที่จะต้องซื้อรถทัวร์จำนวนมากตั้งแต่ต้น จึงเป็นที่สงสัยได้ว่า เป็นส่วนหนึ่งของการฟอกเงินที่ทำโดยตู้ห่าวด้วยหรือไม่ และ 2.หลาน พล.อ.ประยุทธ์ ก็ยังมีบริษัทหนึ่ง ที่มีวัตถุประสงค์ให้บริการเช่ารถโดยตรง ชื่อ บีวิช คาร์ เร้นทอล จำกัด ถือหุ้นร่วมกับเพื่อนรวม 6 คน คนละเท่าๆ กัน จัดตั้งเมื่อวันที่ 18 ธ.ค.2561 ในขณะที่เอกสารใบอนุญาตให้บริษัท เอ็มแอนด์เอ็มฯ เดินรถทัวร์ ระบุว่าวันที่ 29 เม.ย.2562 หมายความว่าการให้บริษัท เอ็มแอนด์เอ็มฯ เช่ารถทัวร์นั้น ทำขึ้นในช่วงเวลาใกล้ๆ กัน ซึ่ง ณ ขณะนั้น บริษัท บีวิชฯ ตั้งขึ้นมาแล้วเป็นบริษัทที่มีความเหมาะสมกว่าทุกประการในการทำสัญญาเช่าซื้อรถทัวร์และให้เช่าช่วงต่อ

นายรังสิมันต์กล่าวด้วยว่า หากจะเอาผิดกลุ่มจีนเทาเครือข่ายตู้ห่าวเรื่องฟอกเงินแล้ว หลาน พล.อ.ประยุทธ์ก็เข้าข่ายเป็นหนึ่งในผู้ที่สมควรต้องถูกสอบสวนด้วย และในเมื่อทาง อสส.ได้มีคำสั่งฟ้องตู้ห่าวและพวก รวมไปถึงข้อหาฟอกเงินแล้ว จึงต้องถามว่าได้มีการเรียกตัวหลาน พล.อ.ประยุทธ์มาสอบสวนด้วยหรือไม่ มีการสั่งฟ้องด้วยหรือไม่ หรือจะดำเนินการใดๆ กับหลาน พล.อ.ประยุทธ์หรือไม่ ถ้าไม่มี เพราะอะไร และถ้า พล.อ.ประยุทธ์ยืนยันหัวเด็ดตีนขาดว่าหลานตัวเองบริสุทธิ์ ก็ช่วยออกมาตอบสังคมด้วยว่าทำไมเป็นเช่นนั้น

“เราไม่อยากเห็นและไม่อยากมีนายกรัฐมนตรีที่เป็นพ่อค้ายา หรือเกี่ยวข้องกับกระบวนการฟอกเงิน วันนี้ผมพยายามใช้กลไกของสภา เพราะหวังว่าท่านจะได้รับโอกาสชี้แจงต่อสังคม ไม่ใช่บ่นโวยวายอยู่ข้างนอกแล้วหาว่าดิสเครดิต เมื่อท่านตัดสินใจไม่มาตอบ เลือกนิ่งเงียบ ไม่แม้แต่ส่งคนมาชี้แจงแทน เป็นเรื่องน่าผิดหวัง และอาจทำให้ประชาชนยิ่งสงสัย จึงขอเรียกร้อง อย่าให้วงศ์ตระกูลจันทร์โอชาเป็นเครื่องมืออยู่เหนือกระบวนการยุติธรรม” นายรังสิมันต์กล่าว

นายรังสิมันต์ยังกล่าวถึงคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจ ที่มีผล 1 ก.พ. เป็นต้นไปว่า หนึ่งในรายชื่อที่ถูกโยกย้ายคือ ว่าที่ พ.ต.อ.กฤศณัฏฐ์ ธนศุภณฏัฐ์ ผู้กำกับการ 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการสืบสวนคดี ทุน มิน ลัต จนนำมาฟ้องเป็นคดีได้ เป็นเหตุให้เครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดของทุน มิน ลัต ถูกส่งศาลอาญาดำเนินคดี ว่าถึงแม้จะมีผลงานดีเยี่ยม แต่กลับถูกเด้งไปเป็นผู้กำกับการ สภ.บ้านเดื่อ จ.ชัยภูมิ ซึ่งเป็นเรื่องย้อนแย้งกับสิ่งที่ ผบ.ตร.สั่งการเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่า การออกคำสั่งโยกย้ายนายตำรวจนั้น ต้องคำนึงถึงคดียาเสพติด และต้องทำงานได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ยังมีรายงานว่า เมื่อ 19 ม.ค.ที่ผ่านมา พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้เดินทางไปยังเมียนมาเพื่อเข้าพบ พล.อ.มิน อ่อง หล่าย หัวหน้าคณะรัฐประหาร ซึ่งครองอำนาจอยู่ในปัจจุบัน เป็นที่น่าสงสัยไปหารือเพื่อไหว้วานให้ช่วยเหลือคดีทุน มิน ลัต หรือไม่ เนื่องจากทุน มิน ลัต มีความใกล้ชิดกับ พล.อ.มิน อ่องหล่าย เพราะช่วยจัดการทรัพย์สินต่างๆ ให้

พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร.กล่าวถึงกรณีดาราสาวชาวไต้หวัน “อันยูชิง” ลงอินสตาแกรม ถูกตำรวจไทยตรวจค้นรีดเงิน 20,000 บาท แลกกับการปล่อยตัว ไม่ยอมรับวีซ่า VOA ซึ่งเป็นวีซ่าที่ขอที่สนามบินเพื่อขออนุญาตเข้าประเทศอย่างถูกต้องว่า ได้ติดต่อกับนักแสดงคนดังกล่าวเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม รวมถึงเจ้าหน้าที่ของไต้หวัน ส่วนสถานที่ที่คาดว่าเป็นจุดเกิดเหตุ น่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวในบริเวณทองหล่อ ลุมพินี ห้วยขวาง หรือบริเวณต่างๆ ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวหนาแน่น ทั้งนี้ ได้มีการประสานทุกพื้นที่ ทั้งสน.ทองหล่อ, บก.จร. และ บช.น. โดยได้ประสานงานไปยัง พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. ในฐานะโฆษก บช.น. ให้ตรวจสอบว่ามีการตั้งด่านในช่วงเวลาที่กล่าวอ้างหรือไม่ ส่วนข้อมูลต่างๆ น่าจะทยอยเข้ามาในไม่ช้า.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘ยิ่งลักษณ์’ กลับคุก ‘บิ๊กเสื้อแดง’ รู้มา! ว่าไปตามราชทัณฑ์ไม่ใช้สิทธิพิเศษ

“เลขาฯ แสวง” ยันเดินหน้าคดี “ทักษิณ-เพื่อไทย” ล้มล้างการปกครองต่อ เพราะใช้กฎหมายคนละฉบับกับศาล รธน. "จตุพร" ลั่นยังไม่จบ! ต้องดูสถานการณ์เป็นตอนๆ ไป