วุฒิสภาถกรายงาน กมธ.ปมเลือกตั้งทุจริต แฉท้องถิ่นซื้อหัวคะแนนรายละ 2 หมื่น เสนอมีกฎหมายกันผู้ให้เบาะแสไว้เป็นพยาน พร้อมมีรางวัลค่าตอบแทน หนุนจ่ายค่าเดินทางคนละ 500 บาท สร้างประชาธิปไตยกินได้-สำนึกตอบแทนคุณแผ่นดิน-เลือกคนดี ด้าน "จรุงวิทย์" แนะ กกต.เปิดแนวรบระดับหมู่บ้าน
ที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 23 มกราคม ในการประชุมสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภาเป็นประธานการประชุม ได้พิจารณารายงานการศึกษาเรื่อง แนวทางการส่งเสริมและการพัฒนาการเลือกตั้งให้สุจริตและเที่ยงธรรม ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน ที่มีนายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว.เป็นประธาน กมธ.ได้พิจารณาแล้วเสร็จ
ทั้งนี้ ในการนำเสนอรายงานนั้น ว่าที่ ร.ต.วงศ์สยาม เพ็งพานิชภักดี ส.ว. ในฐานะเลขานุการ กมธ.ย้ำเนื้อหารายงานที่มีผลศึกษาจากการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ที่ผ่านมาว่า ยอมรับว่าการเลือกตั้ง ส.ส.นั้นไม่สุจริตเที่ยงธรรม พบข้อเท็จจริงว่าทุกเขตเลือกตั้งที่ศึกษามีการซื้อหัวคะแนนล่วงหน้า โดยการเลือกตั้งท้องถิ่นพบการซื้อหัวคะแนนรายละ 20,000 บาท ขณะที่การจับกุมดำเนินคดีผู้กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง พบปัญหาโดยเฉพาะการได้เบาะแสเพื่อนำไปสู่การดำเนินคดีกับผู้สมัครที่ซื้อเสียง หรือผู้ที่ถูกใช้ให้ไปซื้อเสียง เช่นในการเลือกตั้ง จ.ฉะเชิงเทรา พบว่าลูกถ่ายคลิปพ่อรับเงิน เมื่อแจ้งไปยัง กกต.พบว่าพ่อติดคุก ผู้สมัครได้ใบเหลือง และไม่สามารถเอาผิดคนทำผิดได้ ดังนั้นสิ่งสำคัญคือ ต้องมีกฎหมายเพื่อกันผู้ให้เบาะแสไว้เป็นพยานและมีรางวัลค่าตอบแทน
ว่าที่ ร.ต.วงศ์สยามกล่าวอีกว่า สำหรับปัญหาการรับเงินของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเป็นเรื่องของความจำเป็น เพราะปัญหาโควิดและเศรษฐกิจ ดังนั้น กมธ.มีข้อเสนอให้ กกต. หรือภาครัฐที่เกี่ยวข้องจ่ายค่าเดินทางให้ผู้ที่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งคนละ 500 บาท เบื้องต้นจะใช้เงิน 2 หมื่นล้านบาท จากคาดการณ์ที่จะมีผู้ออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง 40 ล้านคน จากผู้มีสิทธิ์ทั้งสิ้น 66 ล้านคน
“นโยบายของรัฐบาลให้เงิน 200-500 บาทต่อเดือน ใช้เงินปีละแสนล้านบาทเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ดังนั้นการให้ค่าเดินทางไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งที่ 4 ปีมีครั้ง จะทำให้ประชาชนได้ตอบแทนคุณแผ่นดิน ตอบแทนหลวง ให้คนเลือกคนดีมีความรู้ ไม่ซื้อสิทธิ์ขายเสียง เพราะยอมรับว่าในต่างจังหวัดต้องเดินทางไกล มีค่าใช้จ่าย 80-100 บาท ดังนั้นควรให้เขารู้สึกว่าประชาธิปไตยกินได้ตั้งแต่วันที่ออกมาใช้สิทธิ์” ว่าที่ ร.ต.วงศ์สยามกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส.ว.ได้อภิปรายสนับสนุนเนื้อหาดังกล่าว พร้อมแสดงความกังวลต่อการเลือกตั้งที่เป็นธุรกิจการเมือง ใช้เงินซื้อเสียง ขณะที่การทำงานของ กกต. โดยเฉพาะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งที่ไม่มีความรู้และไม่สามารถควบคุมการเลือกตั้งที่สุจริตได้ จึงมีข้อเสนอให้ กกต.ปรับวิธีทำงาน โดยเฉพาะการจับตาหัวคะแนนนักการเมืองที่เป็นผู้นำท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน
นายถาวร เทพวิมลเพชรกุล ส.ว.อภิปรายว่า ขอสนับสนุนให้ กกต.จ่ายค่าเดินทางเพื่อตอบแทนผู้ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งรายละ 500 บาท พร้อมตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการทุจริตเลือกตั้งที่ปราบปรามไม่ได้ เนื่องจาก กกต.ประจำหน่วยหรือผู้อำนวยการเลือกตั้งในพื้นที่ไม่มีความรู้ ควบคุมการเลือกตั้งให้ยุติธรรมไม่ได้ พร้อมระบุว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมาบางพื้นที่พบมีนายตำรวจเป็นหัวคะแนน ทำหน้าที่จ่ายเงินซื้อเสียง
ขณะที่นายจรุงวิทย์ ภุมมา ส.ว.และเป็นอดีตเลขาธิการ กกต. ในฐานะ กมธ.ชี้แจงว่า การเลือกตั้งล่วงหน้าตามต่างจังหวัดมีการทุจริต ส่วนประเด็นที่เคยเป็นปัญหาเกี่ยวกับการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร การขนหีบบัตรเลือกตั้งไม่ทันเวลาปิดหีบ ซึ่งตามกฎหมายให้ถือเป็นบัตรเสีย ดังนั้นต้องถามกระทรวงการต่างประเทศว่ามีความพร้อมเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาหรือไม่
นายจรุงวิทย์กล่าวต่อว่า การเลือกตั้งที่ผ่านมา กระบวนการป้องกันการซื้อเสียงได้ดำเนินการมาต่อเนื่อง แต่ตนมองว่าขณะนี้ต้องเปิดแนวรบที่หมู่บ้าน โดย กกต.ต้องประสานติดป้ายในหมู่บ้าน แจ้งประชาชนให้ทราบถึงการได้รางวัลตอบแทนหากแจ้งเบาะแสคนซื้อเสียง จำนวน 1 แสนบาท เพราะที่ผ่านมาพบการสอบสวนและทำได้แค่แจกใบเหลือง-ใบแดงเท่านั้น โดยที่ผ่านมาการตรวจสอบของ กกต.ยังถูกฟ้องร้องดำเนินคดีกลับอีก ดังนั้นตนเชื่อว่าหากเปิดแนวรบที่หมู่บ้านได้ จะทำให้เห็นว่าในชาตินี้เลือกตั้งไม่ซื้อเสียงสามารถเกิดขึ้นจริงได้
นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว. อภิปรายว่า นักการเมืองปัจจุบันเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี ทั้งการแจกกล้วยและจ่ายเงินซื้อตัว ทำให้เชื่อว่าการเลือกตั้งที่จะถึง ประชาชนจะเลือกเพราะการแจกกล้วยมากกว่าเลือกคนดี ทั้งนี้จากการลงพื้นที่ได้พบกับนักการเมืองท้องถิ่น ได้ทราบถึงประเด็นข้อเสนอให้แก้รัฐธรรมนูญ ยกเลิกการจำกัดวาระของนายก อบต.และเทศบาล รวมถึงการกำหนดคุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน ที่จำกัดอายุไม่เกิน 60 ปี ดังนั้นหากรัฐบาลชุดต่อไปเสนอแก้รัฐธรรมนุญ ตนจะนำเสนอปลดล็อกการจำกัดวาระดำรงตำแหน่งของนักการเมืองท้องถิ่น และพิจารณาแก้ไขว่าด้วยคุณสมบัติของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ที่ต่ออายุออกไปอีก 4 ปี จากเดิมที่กำหนดให้ครบวาระเมื่ออายุ 60 ปี.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กังขาเก็บ‘MOU44’ไว้หาประโยชน์
"สนธิญา" บุกทำเนียบฯ จี้ "นายกฯ-ครม." ยกเลิก MOU 44
สนอง‘พ่อนายกฯ’ คลังแจกเงินหมื่น คนอายุ60ปีขึ้นไป
รมว.คลังรับลูก "ทักษิณ" แจกเงินหมื่นคนอายุ 60 ปีขึ้นไป เผยใช้งบไม่มาก
ตร.รอคำสั่งศาล จ่อตั้งรองผบ.ตร. สอบวินัยบิ๊กโจ๊ก
“บิ๊กต่าย” ขอไม่ก้าวล่วงคำวินิจฉัยศาลปกครองสูงสุด แจงไม่ว่าคำวินิจฉัยจะเป็นอย่างไรพร้อมปฏิบัติตาม
รฟท.จี้กรมที่ดินทบทวนมติ มท.โบ้ยต้องไปยื่นศาลแพ่ง
"อนุทิน" ลั่นปัญหาเขากระโดงจบในกรม อย่าโยง รมว.มหาดไทย
‘แม้ว’โทษม.112 ชงแก้การบังคับใช้
"ทักษิณ" เผยธาตุแท้ อ้างพรรคร่วมรัฐบาลลงสัตยาบันไม่แตะ ม.112 แต่ ม.112
จวกทักษิณลวงโลก! ลืมสัจจะวาจาไม่ยุ่งการเมืองจะกลับมาเลี้ยงหลาน
ฮึกเหิม! "สทร." บอกเห็นมวลชนมาเยอะหัวใจพองโต ซัดพวกอิจฉาหาครอบงำ