ตู้ห่าวกับพวกรวม 23 คน ให้การปฏิเสธพร้อมสู้คดีทุกข้อหา ศาลนัดตรวจหลักฐาน 27 มี.ค.นี้ ด้าน “ชูวิทย์” บุกศาลอาญาใต้ตามนัดสอบคำให้การคดีตู้ห่าว ยันมีชื่อตัวเองเป็นพยาน ส่วนพยานปากสำคัญอยู่ในความคุ้มครองของ ผบ.ตร.แล้ว บ.ก.ข่าวเนชั่นทีวีแจ้งความเอาผิดกลุ่มคนล้อมข่มขู่-สั่งลบคลิปข่าว ไม่พอใจฉวยโทรศัพท์ไปลบเอง
เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2566 ศาลอาญากรุงเทพใต้นัดสอบคำให้การจำเลย คดีหมายเลขดำ ย.87/2566 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดียาเสพติด 4 โจทก์ ยื่นฟ้องนายฮวง ไฮ่เท่า (HUANG HAITAO) เป็นจำเลยที่ 1 นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือตู้ห่าว เป็นจำเลยที่ 2 รวมกับพวกสัญชาติจีน ไทย กัมพูชา และบริษัทนิติบุคคล (5 แห่ง) รวมจำเลยทั้งสิ้น 23 ราย
ข้อหากระทำความผิดตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ.2556, พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542, พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522, พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560, พ.ร.บ.สถานบริการ พ.ศ.2509, พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ.2490, ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 83, 91, 209 ต่อศาลอาญากรุงเทพใต้
โดยวันนี้ โจทก์ จำเลยทั้ง 23 ราย และทนายความมาศาล ซึ่งศาลได้จัดล่ามภาษาจีนไว้ด้วย ขณะที่จำเลยทั้ง 23 รายแถลงไม่ประสงค์จะเข้าศูนย์คุ้มครองสิทธิและเสรีภาพในคดีอาญาเพื่อให้ความรู้จำเลย
จากนั้นศาลอ่านและอธิบายคำฟ้องให้จำเลยทั้ง 23 รายฟัง จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ ศาลรับคำให้การของจำเลยไว้แล้ว โดยศาลกำหนดนัดตรวจพยานหลักฐานคดีนี้ในวันที่ 27 มี.ค.นี้ เวลา 09.00 น. โดยให้เบิกตัวจำเลยที่ต้องขังมาศาลด้วย
ขณะเดียวกัน วันนี้ศาลนัดสืบพยานล่วงหน้าก่อนฟ้องคดี ตามคำร้องหมายเลขดำ ยสฟ.1/2566 ซึ่งอัยการสำนักงานคดียาเสพติดเป็นผู้ยื่นคำขอ ในคดีที่นายฮวง ไฮ่เท่า (HUANG HAITAO) กับพวกรวม 19 คน ตกเป็นผู้ต้องหา คดีการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ซึ่งพยานที่ขอสืบนี้เป็นบุคคลต่างด้าวสัญชาติจีนและเป็นประจักษ์พยานข้อเท็จจริงส่วนสำคัญคดีนี้ โดยพยานอยู่ระหว่างรอส่งตัวออกนอกราชอาณาจักรเพื่อกลับภูมิลำเนา จึงเป็นเหตุจำเป็นเร่งด่วนขอสืบพยานก่อนฟ้องไว้
โดยวันนี้ อัยการ โจทก์ ผู้ต้องหาที่ 1-14 และที่ 16-19 ทนายความมาศาล โดยทนายความผู้ต้องหาที่ 15 แถลงว่าเมื่อวันที่ 19 ม.ค.66 ที่อัยการได้ยื่นฟ้องคดี อัยการยังไม่ได้ยื่นฟ้องผู้ต้องหา 15 ซึ่งได้ประกันตัวไป วันนี้ผู้ต้องหาที่ 15 จึงไม่ได้เดินทางมาศาล
ขณะที่ทนายความผู้ต้องหาที่ 12 แถลงขอเลื่อนการนัดสืบพยานล่วงหน้าวันนี้ออกไปก่อน อ้างว่ามีหมายเรียกพยานเอกสารเพื่อใช้ประกอบการถามค้าน โดยรับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ยานนาวา ว่าพยานเอกสารตามหมายเรียกอยู่ในความครอบครองของพนักงานอัยการผู้ร้อง ซึ่งผู้ต้องหามีความประสงค์จะใช้พยานเอกสารดังกล่าวในการถามค้าน หากไม่ได้เอกสารมาจะทำให้ผู้ต้องหาเสียเปรียบ โดยอัยการแถลงว่าภายหลังจากเลื่อนคดีนี้ โจทก์ได้ยื่นคำฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมดเมื่อวันที่ 19 ม.ค.66 ดังนั้นโจทก์จะยื่นคำร้องขอสืบพยานล่วงหน้าคดีนี้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 173/2 ภายในเวลา 12.00 น.ในวันนี้ เพื่อสืบพยานล่วงหน้าในเวลา 13.00 น.ของวันนี้
ทนายความผู้ต้องหาทั้งหมดแถลงว่า เนื่องจากโจทก์ยื่นคำฟ้องเข้ามาแล้ว มีจำนวนถึง 400 หน้าเศษ และมีจำเลยเพิ่มเติมจากผู้ต้องหาในคดีนี้อีกซึ่งมีการแต่งตั้งทนายความเข้ามา โดยทนายความที่แต่งตั้งเข้ามาใหม่ยังไม่ทราบข้อเท็จจริงของคดี การสืบพยานล่วงหน้าในช่วงบ่ายวันนี้จะทำให้ฝ่ายผู้ต้องหาทั้งหมดเสียเปรียบ ประกอบกับในคำฟ้องมีการฟ้องนิติบุคคลเพิ่มเข้ามาซึ่งยังไม่มีการแต่งตั้งทนายความ จึงขอเลื่อนการสืบพยานล่วงหน้าออกไปก่อน
โจทก์แถลงว่า เนื่องจากพยานโจทก์เป็นคนต่างชาติ และจะเดินทางกลับประเทศภูมิลำเนาในเร็ววันนี้ เกรงว่าจะเป็นการยากที่จะนำพยานโจทก์มาสืบได้ในภายหลัง
ทนายความผู้ต้องหาทั้งหมดแถลงว่า โจทก์ยื่นคำฟ้องเข้ามา แต่ยังไม่มีการยื่นบัญชีระบุพยาน ทําให้ฝ่ายผู้ต้องหาทั้งหมดเสียเปรียบ เพราะไม่ทราบว่าพนักงานอัยการ โจทก์นั้นจะระบุพยานอะไรบ้าง ประกอบกับฝ่ายผู้ต้องหาทั้งหมดที่ถูกฟ้องต้องการพยานเอกสารคำให้การผู้ต้องหาทุกคน จึงขอให้ผู้ร้องนำคำให้การผู้ต้องหาทุกคนมามอบให้กับฝ่ายผู้ต้องหาทั้งหมดในช่วงบ่ายของวันนี้
โจทก์แถลงว่า ไม่ขัดข้องที่จะสำเนาคำให้การผู้ต้องหา และจะส่งมอบคำให้การผู้ต้องหาทั้งหมดให้ฝ่ายผู้ต้องหาในช่วงบ่ายของวันนี้ โดยวันนี้โจทก์จะยื่นคำร้องขอพยานล่วงหน้า และระบุบัญชีพยานเพียงพยานที่จะนำมาในล่วงหน้าเท่านั้น ส่วนพยานหลักฐานอื่นจะยื่นในภายหลัง
ทนายความผู้ต้องหาทั้งหมดไม่ค้านและขอให้สืบพยานล่วงหน้าวันพรุ่งนี้ (24 ม.ค.66)
ศาลพิเคราะห์แล้ว เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม จึงให้เลื่อนนัดสืบพยานล่วงหน้า เป็นวันที่ 24 ม.ค.66 เวลา 09.00-16.30 น.ตามที่นัดไว้ในคดีนี้ โดยจะเป็นการสืบพยานล่วงหน้าตามคำร้องที่ผู้ร้องจะยื่นคำร้องเข้ามาใหม่ภายในเวลา 16.00 น.ของวันนี้ และที่โจทก์แถลงว่าในการสืบพยานล่วงหน้า พนักงานสอบสวนได้จัดเตรียมล่ามในการสืบพยานมาให้แล้ว แต่ฝ่ายผู้ต้องหาทั้งหมดแถลงว่าการสืบพยานล่วงหน้าคือการสืบพยาน จึงขอใช้ล่ามจากสำนักงานศาลยุติธรรมซึ่งถือว่าเป็นคนกลาง โดยศาลให้มีหนังสือถึงสำนักงานศาลยุติธรรม ขอล่ามภาษาจีนกลางมาในนัดหน้าด้วย
ขณะที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เดินทางมาที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ เพื่อติดตามการสอบคำให้การ โดยยืนยันว่ามีชื่อตัวเองเป็นพยาน เพราะตนยื่นว่าตัวเองเป็นพยานเพราะตนติดตามคดีนี้ พยานชี้เบาะแส อีกทั้งพยานที่สำคัญก็มาจากตนทั้งนั้น โดยวันนี้ก็ยังไม่รู้ว่าจะนัดเมื่อใดเพราะเป็นนัดครั้งแรก จำเลยในคดีนี้อาจจะรับสารภาพก็เป็นได้ เพราะสู้คดีติดแน่ ถ้าแพ้ติดนาน สารภาพจะติดพอประมาณ
เมื่อถามถึงการข่มขู่พยานว่าเป็นบุคคลรายใด นายชูวิทย์ตอบว่า เรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว เมื่อวานที่ตนได้บอกเรื่องข่มขู่พยานมีหลักฐานเป็นแชตไลน์ให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ผบ.ตร. ท่านก็ให้ทีมบินไปสอบปากคำพยานทั้ง 2 คนทันที ตนบอกแล้วว่าให้สู้กันตามกระบวนการยุติธรรม แต่ถ้ามาสู้กันใต้ดินตนรู้หมดทุกย่างก้าว ตนบอกได้แค่ว่าพยานรายนี้คือพยานที่สำคัญมากที่สุด เป็นพยานที่ใกล้ชิดรู้ความเคลื่อนไหว จึงไม่สามารถบอกรายละเอียดมากกว่านี้ได้ เพราะจะกระทบความปลอดภัย เท่าที่ตนทราบมีกลุ่มคน 4 คนต้องสงสัยไปนั่งเฝ้าพยานหน้าบ้าน
"ตอนนี้พยานคนดังกล่าวอยู่ในความคุ้มครองของ ผบ.ตร. ผมบอกเยอะไม่ได้ ให้นักข่าวไปถาม ผบ.ตร.ดีกว่า ผมบอกได้เลยว่ากลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นกลุ่มผู้มีอิทธิพล จะใช้ทุกวิถีทางทำลายน้ำหนักของพยานในระหว่างต่อสู้ของศาลชั้นต้นซึ่งเป็นศาลสำคัญ การทำลายพยานหลักฐานก็เป็นวิธีการทางใต้ดิน อย่างที่ผ่านมาในอดีตที่ผมได้ออกมาแฉ เชื่อได้เลยว่าจะมีการใช้อิทธิพลในคดีนี้แน่นอน แต่ผมเหนื่อยมากกับเรื่องนี้ ผมยังมั่นใจในกระบวนการยุติธรรม ผมก็จะมาตามจนถึงศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาจนคดีสิ้นสุด" นายชูวิทย์กล่าว
ที่ สน.ยานนาวา นายสมสกุล ไซรลบ บรรณาธิการข่าวศาลและกระบวนการยุติธรรม เนชั่นทีวี เดินทางเข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.ชนะศึก โรจนพิทยากร รอง สว. (สอบสวน) สน.ยานนาวา หลังถูกกลุ่มบุคคลเข้ามาข่มขู่ให้ลบคลิปวิดีโอบันทึกการทำข่าว ก่อนจะเอามือถือไปและกดลบภาพทั้งหมดทิ้ง
นายสมสกุลกล่าวว่า วันนี้ได้รับมอบหมายให้ไปทำหน้าที่นำเสนอข่าวที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ กระทั่งเมื่อช่วงเวลาประมาณ 12.40 น. ขณะที่กำลังเฝ้าเพื่อถ่ายภาพทำข่าวตามปกติ ก็เห็นกลุ่มบุคคลเดินลงมาจากศาล จึงเข้าไปบันทึกภาพตามหน้าที่และเตรียมที่จะขอสัมภาษณ์ แต่กลุ่มบุคคลดังกล่าวประมาณ 7-10 คน เดินเข้ามาล้อมและบอกว่าไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพทำข่าว จึงได้แจ้งไปว่าตนได้ขออนุญาตและรับอนุญาตจากศาลแล้ว แต่ก็ยังถูกปฏิเสธ พร้อมยืนยันให้ลบคลิปดังกล่าว ซึ่งตนก็ลบคลิปให้ตามคำขอ แต่หนึ่งในกลุ่มบุคคลดังกล่าวยังไม่พอใจ จึงหยิบโทรศัพท์มือถือไปจากมือ พร้อมเอาไปกดลบคลิปในคลังถังขยะ จากนั้นก็ส่งคืนให้ ก่อนจะถูกต่อว่าอีกเล็กน้อยและแยกย้ายกันไป จึงได้ตัดสินใจเดินทางเข้าแจ้งความกับตำรวจเพื่อให้ดำเนินการกับกลุ่มบุคคลดังกล่าว
ด้าน พ.ต.ท.ฐิติวัชร์ พรศิวัฒน์ รอง ผกก.(สอบสวน) สน.ยานนาวา ระบุว่า ผู้เสียหายได้มาแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน และจะนำสำเนาการลงบันทึกรับแจ้งความไปขอกล้องวงจรปิดจากศาลอาญากรุงเทพใต้ เพื่อนำมาดูพฤติการณ์ของกลุ่มคนเหล่านี้ว่าเข้าข่ายความผิดข้อหาใด และเข้าสู่กระบวนการสอบสวนต่อไป.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ตั้งกก.สอบผกก.บางซื่อ ทนายปาเกียวเล็งทิ้งตั้ม
“ดีเอสไอ” เตรียมสรุปสำนวนคดี 18 บอสดิไอคอนเสนออัยการคดีพิเศษภายใน 20 ธ.ค.นี้
นิกรหักเพื่อไทย เตือนส่อผิดกม. ให้กมธ.ตีความ
“นิกร” หักข้อเสนอ “ชูศักดิ์” เลยช่วงเวลาแปลงร่างประชามติเป็นกฎหมายการเงินแล้ว
‘สนธิ’ลั่นการเมืองใกล้สุกงอม!
“อุ๊งอิ๊ง” เมินปม กกต.สอบครอบงำต่อ เด็ก พท.ยันเป็นการดำเนินการตามปกติ
จ่อส่งคดีหมอบุญให้DSI
ตร.สอบปากคำอดีตภรรยา-ลูกสาว “หมอบุญ” เพิ่มเติม
ทักษิณรอดคลุมปี๊บ! ส้มเหลวปักธงอุดรธานี ‘คนคอน’ตบหน้า‘ปชป.’
เลือกตั้ง อบจ. 3 จังหวัด “เพชรบุรี-อุดรธานี-นครศรีธรรมราช” ราบรื่น
ล่า ‘หมอบุญ’ เมียแค้นเอาคืน
ออกหมายจับ "หมอบุญ" พร้อมพวก 9 คน ร่วมหลอกลวงประชาชนร่วมลงทุนธุรกิจ รพ.ขนาดใหญ่หลายโครงการ เสียหายกว่า 7,500 ล้านบาท