ราชทัณฑ์แถลง ทานตะวัน-แบม ยังช่วยตัวเองได้

“ราชทัณฑ์” แจง “ตะวัน-แบม” ยังช่วยเหลือตัวเองได้ แต่ทั้งคู่ปฏิเสธรับยาและสารน้ำ “ศูนย์ทนายเพื่อสิทธิมนุษยชน” กลับบอกอาการทรุดหนัก “นิพิฏฐ์” เตือนสติอย่าทำการเมืองเป็นลัทธิประหลาด 8 องค์กรเอ็นจีโอร่อนจดหมายถึงประธานศาลฎีกาลงมาเคลียร์

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 22 มกราคม 2566 นายสิทธิ สุธีวงศ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์  ในฐานะโฆษกประจำกรมราชทัณฑ์ แถลงถึงกรณี น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือตะวัน และ น.ส.อรวรรณ ภู่พงศ์ หรือแบม ผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 ซึ่งถูกคุมขังที่ทัณฑสถานหญิงกลาง และเริ่มอดอาหารและน้ำ ตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 18 ม.ค. ซึ่งทั้งสองยังคงปฏิเสธการรับยา ว่าอาการล่าสุด น.ส.ทานตะวันรู้สึกตัวดี ช่วยเหลือตัวเองได้ นอนหลับพักผ่อนได้ คลื่นไส้ แต่ไม่มีอาเจียน ไม่มีปากแห้ง ตามร่างกายไม่มีบาดแผลใดๆ ส่วน น.ส.อรวรรณ ผู้ป่วยรู้สึกตัวดี ช่วยเหลือตัวเองได้ นอนหลับพักผ่อนได้ มีอ่อนเพลียเล็กน้อย ไม่มีอาการคลื่นไส้อาเจียน ไม่มีปากแห้ง ตามร่างกายไม่มีบาดแผลใดๆ

“วันนี้ทั้งสองได้พบทนายผ่านระบบออนไลน์ เมื่อเวลา 11.00 น. อย่างไรก็ตามอาการโดยรวมของทั้ง 2 รายยังคงที่ และอ่อนเพลียจากการอดอาหารต่อเนื่อง พร้อมยังยืนยันงดอาหารและปฏิเสธการรับยาและสารน้ำทางหลอดเลือด ทั้งนี้ ทีมแพทย์ของทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์จะได้ติดตามอาการอย่างใกล้ชิดต่อไป และกรมราชทัณฑ์ขอยืนยันว่าได้ดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ต้องขังตามสิทธิขั้นพื้นฐานที่ผู้ต้องขังทุกคนพึงได้รับ โดยปฏิบัติต่อผู้ต้องขังทุกคนและทุกคดีอย่างเท่าเทียม รวมทั้งไม่มีการเลือกปฏิบัติแต่อย่างใด” นายสิทธิระบุ

ขณะที่ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนเผยถึงความคืบหน้าอาการของ น.ส.ทานตะวันและ น.ส.อรวรรณ ว่ามีอาการทรุดหนัก หลังอดอาหารเข้าสู่วันที่ 5 โดยเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์โทร.ติดต่อหาทนายความในเวลากลางดึกประมาณ 02.00 น. เป็นกรณีฉุกเฉิน โดยบอกว่าเบื้องต้นอาการของทั้งคนย่ำแย่ลงจากเดิม โดยเฉพาะ น.ส.อรวรรณ และหลังจากได้รับแจ้ง จากเจ้าหน้าที่ทนายความฯ ได้เดินทางเข้าพบ น.ส.ทานตะวันและ น.ส.อรวรรณเมื่อช่วงเช้า

สำหรับกิจกรรมยืนหยุดขัง 112 ชั่วโมง หน้าหอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร  ที่กลุ่มทะลุฟ้าได้เริ่มต้นตั้งแต่เวลา 01.12 น. วันที่ 22 ม.ค. จนถึง 26 ม.ค. 17.12 น. เพื่อยืนยันข้อเรียกร้องของ น.ส.ทานตะวัน และ น.ส.อรวรรณนั้น เมื่อช่วงบ่ายยังมีผู้ร่วมกิจกรรมจำนวนหนึ่งห้อยป้ายและยืนอ่านหนังสือ รวมถึงติดป้ายผ้าเขียนข้อความต่างๆ อาทิ ทะลุฟ้ายืนหยุดขัง 112 ชั่วโมง 4 วัน จ๊วด!, ขณะที่คุณกินข้าวมี 2 คนอดข้าว ขณะที่คุณกินน้ำมี 2 คนอดน้ำ และมีคนอดน้ำอดอาหารอยู่ในคุก

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ สมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โฟสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ติดตามข่าวจำเลยหญิง 2 คน ในคดีอาญามาตรา 112 ขอถอนประกันตัวเอง เข้าเรือนจำ และประท้วงอดข้าว-อดน้ำ เรียกร้อง 3 ข้อ ซึ่งการประท้วงอดข้าว-อดน้ำ ในประวัติศาสตร์โลกมีมาตลอด ทั้งประสบความสำเร็จและไม่สำเร็จ โดยที่สำเร็จเพราะเป็นอารมณ์ร่วมของคนในสังคม และสื่อให้ความสนใจ สำหรับในเมืองไทย การอดข้าวประท้วง เพื่อให้ยกเลิกกฎหมายไม่เคยประสบความสำเร็จ เพราะการยกเลิก แก้ไข เปลี่ยนแปลงกฎหมายใดๆ เป็นอำนาจ-หน้าที่ของสมาชิกรัฐสภา ไม่ใช่สำเร็จด้วยการประท้วง ยิ่งการขอยกเลิกกฎหมายที่เกี่ยวกับความเชื่อสูงสุดของคนในสังคม ยากที่จะประสบความสำเร็จ

“ความเห็นต่างทางการเมืองเกิดขึ้นได้ เป็นเรื่องปกติในสังคมประชาธิปไตย แต่การกดดันผู้อื่นปฏิบัติตามความเห็นของตน โดยใช้ชีวิตของตัวเองเป็นเดิมพันนั้น มองอย่างไรก็มิใช่วิถีทางแห่งประชาธิปไตย แต่เป็นอัตตาธิปไตย ที่ถือความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ และเป็นความคิดแบบเผด็จการเสียด้วยซ้ำ อย่าทำให้การเมืองกลายเป็นลัทธิประหลาด และทำตัวเองให้เป็นสาวกของลัทธิประหลาดนั้น ใครเป็นศาสดาของลัทธินี้ ก็ขอให้ห้ามสาวกของท่านเสียเถอะ อย่าให้เขาพลีชีพด้วยการอดข้าว-อดน้ำเลย บาปกรรมเปล่าๆ” นายนิพิฏฐ์ระบุ

วันเดียวกัน มูลนิธิผสานวัฒนธรรม, สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน, มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา, คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.), ศูนย์ประสานงานเยาวชนเพื่อสังคมนิยมประชาธิปไตย (YPD.), สถาบันสังคมประชาธิปไตย, คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 และสมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส.) ได้ทำจดหมายเปิดผนึกถึงประธานศาลฎีกา ในเรื่องข้อห่วงกังวลเรื่องความเป็นอิสระของผู้พิพากษากรณีการประกันตัว ถอนประกันและอนุญาตให้ถอนประกันผู้ต้องหา นักกิจกรรมทางการเมือง เก็ท ใบปอ ตะวัน และแบม

โดยได้เรียกร้องให้ประธานศาลฎีกาในฐานะประธานของฝ่ายตุลาการตรวจสอบและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น เกี่ยวกับการปล่อยตัวชั่วคราว การกำหนดหลักประกันและเงื่อนไข การถอนการประกันตัว อย่างเร่งด่วนเพื่อเรียกความเชื่อมั่นของประชาชนและประชาคมนานาชาติต่อฝ่ายตุลาการ และขอให้ตรวจสอบและแก้ไขคำสั่งเกี่ยวกับการปล่อยตัวชั่วคราวของผู้ต้องหาและจำเลยในคดีการเมืองดังกล่าวอย่างเร่งด่วน.