‘ตู่’ท้าพา‘แม้ว’กลับ เป็นรัฐบาลวันแรกให้ประกาศพรก.นิรโทษกรรมจะได้รถถังแถมด้วย!

จตุพร ทักษิณ

"จตุพร" ซ้ำอีกดอก! ลากไส้ "ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ" การต่อสู้ของเสื้อแดงปี 53 ไม่ได้อะไรที่คุ้มค่า "แม้ว" รอดคดีก่อการร้ายเพราะอัยการแคนดิเดตนายกฯ  สั่งไม่ฟ้อง แฉเป็นคนถีบหัวเรือ เพื่อไทยต้องการเสียงแลนด์สไลด์ ก็ปลุกคนเสื้อแดงขึ้นมาใหม่ เสนอเอาทักษิณกลับหลากหลายรูปแบบ ท้าถ้าชนะได้เป็นรัฐบาลวันแรกประกาศ พ.ร.ก.เอาทักษิณกลับบ้าน กล้าหรือเปล่า

            เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2566 นายจตุพร พรหมพันธุ์  แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือคนเสื้อแดง เฟซบุ๊กไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน "ต้องไม่ลืม อำนาจเป็นของประชาชน" เมื่อวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา

            โดยนายจตุพรชี้แจง กรณีประชาชนบางฝ่ายสงสัยตนมีปัญหากับนายทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทยว่า การวิพากษ์วิจารณ์นั้น ถ้าสิ่งที่พูดไม่ตรงกับข้อเท็จจริงแล้ว  สามารถตอบโต้ชี้แจงได้ทุกกรณี เพราะสถานการณ์การเมืองข้างหน้าเป็นสิ่งที่น่ากังวล หากตนยังเพิกเฉย ถ้ามัวคิดถึงประโยชน์ส่วนตน ไม่คิดถึงบ้านเมือง ย่อมเป็นการทำร้ายประเทศเช่นกัน แต่ขณะเดียวกันก็ยืนยันว่า เพื่อไทยจะชนะเลือกตั้งเป็นพรรคเสียงอันดับหนึ่ง จึงต้องกระตุกเตือนให้ทบทวนตัวเอง

            “ผมมักพูดเสมอว่า การซื่อสัตย์กับคนไม่ซื่อสัตย์ ถ้าเป็นเรื่องเฉพาะตัวก็ยอมรับกันได้ เมื่อรักเองต้องเจ็บเอง  ให้ถูกใช้เอง ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าไม่ซื่อสัตย์ต่อประเทศชาติ จะนำพาสู่ความหายนะ เกิดความเสียหาย เพราะชัยชนะที่ได้มันสั้นทุกครั้งคราว และต้องแลกกับการถูกล้มกระดานแล้วแพ้ระยะยาว และสู่ความพินาศย่อยยับทุกครั้ง” นายจตุพรกล่าว

            นายจตุพรกล่าวต่อว่า แม้ปัจจัยการยึดอำนาจเป็นสิ่งภายนอกควบคุมไม่ได้ แต่สามารถป้องกันได้โดยผู้มีอำนาจต้องไม่โกง ไม่ลุแก่อำนาจ และต้องไม่คิดว่าประเทศนี้ตนเป็นเจ้าของ จะทำอะไรก็ได้ ยิ่งได้รับคะแนนมากเท่าไรก็หลงใหลว่าตนเองมีอำนาจมากเท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมาพิสูจน์แล้วว่าอำนาจมากก็แค่ชั่วคราวเท่านั้น

            เขายังกล่าวถึงกรณีการย้ายขั้วสลับข้างมาสังกัดพรรคเพื่อไทย แล้วมีการแถลงขอโทษนายทักษิณ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าเรื่องแรกถ้าไม่สถาปนาตัวเองว่าเป็นเจ้าของประชาธิปไตยลำพัง ด้วยการประกาศว่าย้ายออกเพื่อไทยเป็นคนทรยศ เป็นพวกงูเห่า ไปไล่หนูตีงูเห่าที่ศรีสะเกษ จนทำให้สังคมประจักษ์กับพฤติกรรมนักการเมืองย้ายพรรคไม่ได้นั้น หากทำได้ตามที่พูดแล้ว คนจะสรรเสริญว่าเป็นนักประชาธิปไตยที่แท้จริง และประชาชนก็ไม่อาจยอมรับพฤติกรรมนักการเมืองแบบนี้ได้

            “ที่เละไปกว่านั้นคือ การจัดพิธีต้อนรับคนที่ออกจากพรรคก้าวไกล คุณใช้อะไรคิด เพราะตรรกะแบบนี้เลวร้าย  ผมจึงอยากเรียนถึงพี่น้องคนเสื้อแดง หลายคนไม่เข้าใจว่า เราต้องซื่อสัตย์ต่อคนที่ตาย โดยหลังการต่อสู้และก่อนผมจะเข้าคุกนั้น อดีตนายกฯ ทักษิณวิดีโอลิงก์มาที่ปราศรัยร้อยเอ็ด บอกจะมีการเลือกตั้ง ให้พี่น้องถอดเสื้อแดงออก  ไม่ต้องใส่แล้ว คนก็โห่ ผมจึงโทรศัพท์ไปหา บอกว่าคนรับที่พูดไม่ได้”

            นายจตุพรระบุว่า ทักษิณจะพูดอะไรก็ได้ พูดถึงเสียงปืนนัดแรก พูดพายเรือมาส่ง ความจริงก็ถีบหัวเรือเลย แต่เราจะปล่อยให้ความผิดพลาดมันเดินต่อไปไม่ได้ เราจึงวิจารณ์ เมื่อเป็นแค่มนุษย์คนหนึ่งย่อมมีถูกมีผิด ไม่ใช่ถูกทุกเรื่อง กำลังสถาปนาตัวเองเป็นเทพเจ้าหรืออย่างไร

            อดีตประธาน นปช.กล่าวต่อไปว่า การต่อสู้ของประชาชนเมื่อปี 2553 ไม่ได้อะไรที่คุ้มค่าตามเจตนารมณ์เลย รัฐบาลในยุคนั้น (ชุดยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) ยังไม่กล้าลงนามกับศาลอาญาระหว่างประเทศ ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ หรือที่เรียกว่า ICC (International Criminal  Court) แค่กลัว พล.อ.ประยุทธ์จะยึดอำนาจ แต่สุดท้ายก็เอาตัวไม่รอด ถูก พล.อ.ประยุทธ์ยึดอำนาจจนได้ อีกทั้งไม่สร้างขบวนการต่อสู้ของประชาชนแล้ว ยังไปแบ่งแยกและทำลายขบวนการของประชาชนในแต่ละที่อีกด้วย

            "มีคนมาถามผมว่า ทำไมคนเสื้อแดงกลายเป็นคนเสื้อส้มจำนวนมาก ผมเล่าแบบขำๆ และเจ็บใจตัวเองว่า สมัยก่อนพรรคอนาคตใหม่ตึกติดกับพรรคเพื่อไทย นายธนาธร  จึงรุ่งเรืองกิจ มาเก็บเสื้อแดงที่ถังขยะหน้าเพื่อไทย ไปล้างทำความสะอาด เอาไปใส่ แล้วเอาเสื้อส้มมาให้ใส่ ซึ่งจะสังเกตว่าหลังปี 2554 มาไม่ได้ใช้ขบวนการเสื้อแดงในการหาเสียงเลย ไม่ว่าจะไปในฐานะพรรคเพื่อไทยหรือพรรคไทยรักษาชาติที่ถูกยุบก็ตาม แต่มาครั้งนี้เพื่อไทยต้องการเสียงแลนด์สไลด์ ก็ปลุกคนเสื้อแดงขึ้นมาใหม่อีก เหมือนปลุกผีที่เคยถูกทิ้งขว้างไปแล้ว และคงเพิ่งนึกได้ เวลาอยากก็ต้องการ เมื่อไม่อยากก็ทิ้งขว้างไป"

            นายจตุพรกล่าวถึงการเรียกร้องความยุติธรรมให้คนเสื้อแดงในเหตุการณ์ชุมนุมเมื่อปี 2553 ว่า "คุณไม่ได้กระทำเลย ผมทนเยอะแยะมากมาย ความจริงคดีก่อการร้ายที่ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องนั้น จำเลยที่หนึ่งคือทักษิณ ส่วนผมเป็นจำเลยที่สาม แต่อัยการไม่สั่งฟ้องทักษิณ ซึ่งต่อมาอัยการคนนี้ก็เคยเป็นแคนดิเดตนายกฯ และเป็น รมต.  หมายความว่าอย่างไร สิ่งสำคัญที่สุดคือเราต้องไม่อดทนไปตลอดชีวิต เราต้องอธิบายถูกเป็นถูก ผิดก็เป็นผิด"

            “คนในพรรคกล้าปฏิเสธหรือไม่ว่า รัฐมนตรีโทสั่งรัฐมนตรีทำกันอย่างไร และต้องไปติดคุกอย่างไร ถ้าไม่เลิกพฤติกรรมเหล่านี้คุณก็โดนอีก อาจต้องไปอยู่ต่างประเทศ  แต่คนไทยที่ยังอยู่ในประเทศมันต้องจมปลักกับความผิดพลาดมา 8 ปี เสียเวลา แก่กันไปเปล่าๆ เลย แทนที่จะมีความหวัง"

            “ดังนั้นการฉีดวัคซีนประชาธิปไตย ต้องป้องกันประชาธิปไตย และซื่อสัตย์กับประชาชน ถ้ามาซื่อสัตย์กับคนไม่ซื่อสัตย์กับประเทศซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถ้าถามว่าหนทางข้างหน้าใครจะกล้าเข้ามาเปลี่ยนแปลง เอาแค่การประมูลวงโคจรดาวเทียมไทยคม 6 วง ซึ่งน่ากลัวมาก เพราะเป็นการประมูลวงโคจร ไม่ได้ประมูลดาวเทียม แต่เอาตัวดาวเทียมขึ้นไปเอง"

            พร้อมย้ำว่า "วันนี้ทักษิณเองต้องลองนึกดู ยอมรับความจริงเสียบ้างว่า ส่วนผิดต้องยอมรับความผิดด้วย ถ้าไม่ยอมรับมันก็พอๆ กับการแสดงที่ย้ายเข้าพรรคเพื่อไทย แล้วมาแถลงขอโทษ เป็นแค่พิธีกรรม ว่าบัดนี้เขาได้เปล่งวาจาขอโทษ เขาได้เป็นนักประชาธิปไตยสมบูรณ์แบบแล้ว  เจ้าของบริษัทประชาธิปไตยจำกัดขอมอบประชาธิปไตยให้แก่ท่าน แล้วอะไรล่ะ อะไร แล้วไปปลุกเสื้อแดงอีก"

            "คนเสนอให้ถอดเสื้อแดงคนแรกคือทักษิณเอง หลังจากเสร็จจากการต่อสู้ เถียงมาสิว่าไม่จริง ดังนั้นจึงอยู่ที่การอธิบายมุมไหน ส่วนประยุทธ์ถูกวิพากษ์วิจารณ์ทุกวันอยู่แล้ว บ้านเมืองก็เห็นอยู่แล้วว่า อยู่ไปคือการทำร้ายประเทศ แต่คนที่เข้ามาใหม่ไม่ใช่เข้ามาทำร้ายประเทศอีก  เพราะชนะระยะสั้นไปแพ้ระยะยาว คนที่จะเรียงหน้ามาอธิบายจะป้องกันยังไง เมื่อตัวเองไม่มีอำนาจอะไรเมื่อถึงเวลานั้น”

            พร้อมระบุว่า ตนจึงบอกว่าตรงไหนไม่จริงให้พูดมา รู้ว่าไม่พอใจเรื่องทักษิณกลับบ้าน ทำให้ตนต้องติดคุก  เพราะไปทวงฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ จนถูกฟ้องติดคุก 2 รอบคดีเดียวกันนี้ และเอกสารกระทรวงการต่างประเทศที่ฟ้องใหม่ก็เรื่องทักษิณทั้งสิ้น ไม่มีเรื่องตัวเองแม้แต่คดีเดียว ส่วนเรื่องทักษิณกลับบ้านนั้น ไม่ได้คิดว่าจะมีปัญหาอะไรกับตน แต่เล่าให้ฟังว่าทักษิณไม่กลับบ้านเอง  ตนถ้าเป็นคนหนีคุก ก็ไม่จำเป็นต้องติด 5 ครั้ง

            นายจตุพรกล่าวว่า เล่าให้ฟังอีกครั้งว่าวันที่ทักษิณมีโอกาสกลับบ้านมี 2 รอบ คือรอบแรกเมื่อ 19 ก.ย.2549  อยู่นิวยอร์ก ถูกยึดอำนาจ และรอบสองเลือกตั้ง 13 ธ.ค.2550 ในนามพรรคพลังประชาชน หาเสียงเอาทักษิณกลับบ้าน แล้วก็ได้กลับในเวลาต่อมา ถัดมาคดีที่ดินรัชดาฯ เมื่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเข้มงวดตัดสินขึ้นมา จึงมีการหารือกัน ตนเป็นคนหนึ่งในนั้น ยืนยันไม่ให้หนีออกไป ถ้าขังคุก คุกก็แตก และเป็นการเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ไปตลอดกาล

            พร้อมกล่าวย้อนว่า หลังจากนั้นก็มีการเสนอเอาทักษิณกลับบ้านหลากหลายรูปแบบ คดีหลังที่ไม่มีอายุความก็เพิ่มขึ้น ปี 2554 ตนถูกขังคุกอีก เมื่อเลือกตั้งก็ชูประเด็นเลือกยิ่งลักษณ์ พาทักษิณกลับบ้าน เมื่อตนออกจากคุกก็บอกได้เป็นรัฐบาลแล้วก็เอาทักษิณกลับมาเลย  ชนะใหม่ๆ ก็รีบทำเลย กลัวอะไร ประชาชนกำลังคึกอยู่

            "เขาบอกว่าไม่ได้ๆ เรากำลังอ่อนแออยู่ บริหารไปสักพักเริ่มแข็งแรงได้เวลาเอาทักษิณกลับบ้านแล้ว ก็มีเสียงท้วงอีกว่าไม่ได้ๆ เดี๋ยวเราอ่อนแอ พอตอนปลายรัฐบาลยับเยินทั้งเรื่องสารพัดแล้ว ก็มาเสนอ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอย ก่อนสุดซอยเราเสนอให้ประกาศเป็น พ.ร.ก.ใช้เฉพาะกับประชาชนก็ไม่เอา จนมาเสนอเป็น พ.ร.บ.สุดซอยเฉพาะประชาชน แล้วไปแปลงสาร นำพาไปสู่การเปิดประตูความหายนะทั้งปวงจนบัดนี้”

            นายจตุพรกล่าวว่า สิ่งสำคัญคือชนะแล้วไม่กลับเอง  แล้วเมื่อได้เป็นรัฐบาลก็ไม่สามารถเอากลับมาได้เอง ความเป็นจริงชนะวันแรกก็เอากลับเลย ต้องเดิมพันตรงไปตรงมา แต่ตัวเองไม่กล้าอีก บริหารสักพักก็ไม่กล้าอีก ดังนั้น เอาทักษิณกลับบ้านจึงเป็นคำพูดทุกระดับ ลามไปถึงเลือกตั้งนายก อบจ. ให้เลือกเพื่อเอาทักษิณกลับบ้าน กระทั่งทักษิณก็พูดแล้วพูดอีก บอกเวลาด้วยว่าจะกลับบ้านวันไหน ซึ่งไม่เคยเป็นจริงสักครั้ง

            ต้องพูดความจริงกับพี่น้องว่า กล้ามั้ย ถ้าชนะแล้วเป็นรัฐบาลวันแรก ประกาศ พ.ร.ก.เอาทักษิณกลับมา กล้าหรือไม่ เพราะท้ายที่สุดมันเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการหาเสียง ซึ่งได้คะแนน แต่จะได้รถถังแถมด้วย เพราะไปปลุกโดยไม่จำเป็นเลย ขณะนี้แต่ละฝ่ายต้องนิ่งและฟัง เข้าใจตัวเอง ถ้าเชียร์อย่างไม่ลืมหูตา ถูกยึดอำนาจ ประเทศก็ฉิบหาย

            “วันนี้ไม่ได้ขัดขวางชัยชนะ เพราะคุณชนะอยู่แล้ว ถ้าชนะแบบเดิมเราก็จะฉิบหายแบบเดิม ด้วยหลักคิดแบบเดิม  ถึงเวลาก็ใช้วิธีโง่ๆ อย่างเรื่องจำนำข้าว มีผู้ส่งออก 5 รายก็สั่งให้ใช้เจ้าเดียว นำลูกเขยไปหย่ากับเมีย แล้วเอามาเป็นเลขาฯ รัฐมนตรี ก็แบบนี้ไงๆ" นายจตุพรกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กกต.หายห่วง! ชูเลือกตั้งอบจ. รู้สึก ‘ปลอดภัย’

"แสวง" ปลุกเจ้าหน้าที่ กกต.! ยันไม่ได้รู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยหลังจากที่ได้ลงตรวจเยี่ยมการสมัครรับเลือกตั้งที่ปราจีนบุรี ไม่คิดว่าผู้สมัครนายก อบจ.คนไหนจะสร้างความรุนแรง

ประเดิม 10 วันอตร. ตาย 52

ประเดิม 10 วันอันตราย เกิดอุบัติเหตุ 322 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 318 คน ผู้เสียชีวิตแล้ว 52 ราย สาเหตุส่วนใหญ่ขับรถเร็ว

เปิดของขวัญปีใหม่ แพทองโพยแจกยับ

รัฐบาลคืนความสุขให้ประชาชน หลังเครียดกับเศรษฐกิจและการเมือง ขุดของเก่ารวมของใหม่ เหมารวมเป็นของขวัญปีใหม่แต่ละกระทรวง ลดแลกแจกแถมไม่อั้น

ไม่กลัวรัฐประหาร ‘ภูมิธรรม’ ลั่น! จัดการได้รัฐบาลอยู่ครบเทอมแน่

“ภูมิธรรม” โวยเอ็มโอยู 44 ถูกปลุกปั่นไปไกล แทบจะออกนอกอวกาศอยู่แล้ว ไม่กังวลใจกับคำถามที่ว่าในปี 2568 สถานการณ์การเมืองจะวุ่นวายและโดนรัฐประหาร