คดีตู้ห่าวลุล่วงไปเปลาะหนึ่ง “บิ๊กเด่น” หอบเอกสาร 67 แฟ้ม เนื้อหากว่า 2.6 หมื่นหน้ายื่นอัยการสูงสุดแล้ว มั่นใจหลักฐานมัดแน่น “ชูวิทย์” โผล่ให้กำลังใจพร้อมขอโทษที่ก้าวล่วง เชื่อสุดท้ายคนไทยจะได้รับชัยชนะ “สมศักดิ์” แจงเป้ายึดทรัพย์คดีนี้กว่า 8 พันล้านบาท เสี่ยอ่างได้ 5%
เมื่อวันศุกร์ที่ 13 มกราคม นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง หลังมีโอกาสพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพียง 3 วัน แล้วเรื่องราวคดีนายชัยณัฐร์ หรือตู้ห่าว กรณ์ชายานันท์ ก็มาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญว่า นายกฯ ได้สั่งให้ดำเนินการในเรื่องนี้อย่างเด็ดขาดทันทีที่ได้รับทราบข้อมูล และเมื่อวันที่ 13 ม.ค. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ก็ได้เซ็นส่งสำนวนคดีให้อัยการสูงสุด (อสส.) เรียบร้อยแล้ว โดยมั่นใจว่าจะสามารถเอาผิดได้อย่างแน่นอน
นายธนกรระบุอีกว่า ในช่วงต้นนั้น บางข้อมูลอาจยังเปิดเผยไม่ได้ เพราะอาจจะทำให้ส่งผลต่อรูปคดี หรือทำให้นายตู้ห่าวรู้ทัน จึงมีคนบางกลุ่มบางฝ่ายพยายามบิดเบือนว่านายกฯ ไม่จัดการอะไรเลย ซึ่งต้องขอบคุณนายชูวิทย์ที่เข้าใจนายกฯ และหากยังมีข้อมูลหรือหลักฐานอะไรเพิ่มเติมที่จะเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ก็สามารถนำมามอบให้รัฐบาลเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไปได้ หรือหากนายชูวิทย์ยังรู้สึกไม่สบายใจ หรือกังวลใจอะไร จะนำหลักฐานต่างๆ มาฝากให้ตนเพื่อนำเรียนถึงนายกฯ ให้ก็ยินดี
“วันนี้ขอให้คุณชูวิทย์สบายใจได้ว่า ท่านนายกฯ ได้สั่งการให้ดำเนินการในเรื่องนี้อย่างเด็ดขาดแล้ว ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นถึงความจริงอีกครั้งหนึ่งว่า ท่านนายกฯ ดำเนินการทุกเรื่องที่ได้รับการร้องเรียนอย่างตรงไปตรงมา เด็ดขาดกับการทุจริตคอร์รัปชันเสมอ โดยยึดประโยชน์ของประเทศและประชาชนเป็นหลัก ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น ที่ผ่านมาก็ทำเรื่องคดีอยู่แล้ว แต่ยังไม่สามารถให้ข่าวได้ เมื่อพร้อมจึงแถลงความคืบหน้า ส่วนคนที่พยายามจะเบี่ยงเบนประเด็นนั้น ท่านนายกฯ คงไม่เสียเวลาไปสนใจตอบโต้อะไร และหากฝ่ายค้านจะอภิปรายเรื่องนี้ รัฐบาลก็พร้อมชี้แจง เพราะผลงานที่ออกมาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ในสายตาของประชาชนเอง” นายธนกรกล่าว
ขณะเดียวกัน ที่สำนักงานอัยการสูงสุด พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน พร้อมด้วยนายกุลธนิต มงคลสวัสดิ์ อธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน นำสำนวนคดีนายชัยณัฐร์ หรือตู้ห่าว กับพวกให้ อสส.พิจารณา โดยมีนายจรูญ ธีรนานนท์ อธิบดีอัยการ สำนักงานคดียาเสพติด เป็นผู้รับมอบสำนวน
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวว่า คดีดังกล่าวสืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 26 ต.ค.2565 ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) นำกำลังเข้าตรวจค้นผับจินหลิง พบและยึดยาเสพติด พร้อมอุปกรณ์การเสพหลายรายการเป็นของกลาง พร้อมจับกุมตัวผู้ต้องหาที่มั่วสุมเสพยาและจำหน่ายยาเสพติด นำส่งพนักงานสอบสวน สน.ยานนาวาดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อมาศาลได้ออกหมายจับนายตู้ห่าวกับพวก ในข้อหาร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดและสมคบ และแจ้งข้อหาเพิ่มเติมในข้อหาร่วมกันฟอกเงินและมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พร้อมทั้งขยายผลสืบสวนจับกุมบุคคลผู้เกี่ยวข้อง
"คดีนี้เป็นความผิดที่เกี่ยวเนื่องนอกราชอาณาจักร อัยการสูงสุดได้มอบหมายให้กับผมเป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบร่วมกันทำการสอบสวนกับ พงส.ในสังกัด 4 กองบัญชาการ ประกอบด้วย กองบัญชาการตำรวจนครบาล, กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง, กองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และกองบัญชาการยาเสพ รวมทั้งพนักงานอัยการทำการสอบสวนคดีนี้ บัดนี้การสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว ทางคดีมีการสอบสวนพยานบุคคล 444 ปาก สืบพยานล่วงหน้า 20 ปาก ตรวจยึดทรัพย์สิน 5,345 ล้านบาท มีพยานเอกสาร พยานนิติวิทยาศาสตร์ และอื่นๆ กว่า 67 แฟ้ม จำนวน 26,892 แผ่น สอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมด 43 คน แบ่งเป็นบุคคลธรรมดา 38 คน และนิติบุคคล 5 ราย
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวต่อว่า บุคคลธรรมดา 38 คน มีการจับกุมดำเนินคดีแล้ว 20 คน ยังหลบหนี 18 คน ได้สั่งการให้เร่งรัดติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว ส่วนผู้ต้องหาที่เป็นนิติบุคคลอีก 5 บริษัท แจ้งข้อหาดำเนินคดีแล้วเช่นกัน โดย พล.อ.ประยุทธ์ได้กำชับสั่งการเน้นย้ำให้ดำเนินคดีตรงไปตรงไป ตามพยานหลักฐานอย่างเด็ดขาดกับผู้ที่เกี่ยวข้องในการกระทำผิดของกลุ่มเครือข่ายทุนจีนสีเทา ซึ่งวันนี้ในฐานะพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ พร้อมคณะพนักงานสอบสวน ได้นำสำนวนการสอบสวนมาส่งมอบให้พนักงานอัยการเพื่อพิจารณาต่อไป มั่นใจสำนวนแน่นหนาครบถ้วน เพียงพอในการสั่งฟ้องลงโทษผู้ต้องหาได้
"ขอขอบคุณคณะพนักงานอัยการที่ร่วมทำการสอบสวนคดีนี้ ขอบคุณ ป.ป.ส. และ ปปง. ที่ร่วมสืบสวนและสนับสนุนข้อมูลขอบคุณพี่น้องประชาชน สื่อมวลชนที่คอยติดตามและเป็นกำลังใจให้คณะทำงาน รวมทั้งคุณชูวิทย์ที่คอยสนับสนุนข้อมูล ทำให้คดีนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี วันนี้ถือว่าเป็นการส่งมอบสำนวน ซึ่งก็ได้ลงนามไปเมื่อคืนวันที่ 12 ม.ค. คดีนี้ก็ถือว่าอัยการสูงสุดได้พิจารณาแล้วเข้าข่ายเป็นคดีองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติหรือคดีนอกราชอาณาจักร ได้มอบหมายให้ผมเป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบร่วมกับทีมอัยการ ซึ่งเราร่วมกันตั้งแต่วันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา มีพนักงานสอบสวนของตำรวจมีอยู่ 4 กองบัญชาการ คือ บช.น., บช.ก., บช.สอท. และ บช.ปส. ซึ่งเราได้ร่วมกันทำงานจนวันนี้ก็ได้มาสรุปสำนวนส่ง อสส.สำนวนมีทั้งสิ้นก็ 67 แฟ้ม มีกว่า 2 หมื่นแผ่น ซึ่งก็ถือว่าเรามั่นใจในระดับหนึ่งในการรวบรวมหลักฐานครั้งนี้นะครับ ทั้งพยานเอกสารพยานนิติวิทยาศาสตร์ต่างๆ" พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ระบุ
ด้านนายกุลธนิตกล่าวว่า ตั้งแต่รับคดีนี้เข้าสู่อำนาจการสอบสวนเมื่อวันที่ 16 ธ.ค. ตนพร้อมคณะอัยการและตำรวจ 4 หน่วยงาน ในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ทำงานตลอดทั้งวันทั้งคืน จนสามารถสอบปากคำพยานผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องและรับรู้ในคดีนี้ ซึ่งสำนวนที่นำมาส่งให้ อสส.วันนี้ ถือว่าสิ้นสุดการสอบสวนแล้ว หลังจากนี้จะเป็นอำนาจของ อสส.ที่จะพิจารณาสำนวนเพื่อนำไปสู่ความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหา และขอยืนยันว่าคณะพนักงานสอบสวนทั้งสององค์กรไม่มีการเรียกรับสินบนในการทำคดีจับตู้ห่าว
ทั้งนี้ ในระหว่างที่คณะพนักงานสอบสวนนำสำนวนมาส่งมอบให้ อสส. นายชูวิทย์ได้เดินทางมาร่วมสังเกตการณ์และให้กำลังใจคณะทำงาน โดยนายชูวิทย์ได้ยกมือไหว้ขอโทษอธิบดีอัยการและ ผบ.ตร. ที่กระทำการล่วงเกินต่อคณะทำงาน แต่ยืนยันว่าการกระทำของตนเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ ไม่มีเรื่องอื่นแอบแฝง พร้อมจะเกาะติดคดีนี้ต่อไป
นายชูวิทย์ยังโพสต์เฟซบุ๊กเรื่องนี้ว่า ผบ.ตร.ได้นำสำนวนคดีจินหลิงมาส่ง อสส. อันจะนำไปสู่กระบวนการต่อสู้ในชั้นศาล ระหว่างประชาชนฝ่ายโจทก์ กับจำเลยนายตู้ห่าว จีนแปลงสัญชาติ และเครือข่ายที่ทำร้ายสังคมไทย กระทำการเหิมเกริม ไม่เกรงกลัวกฎหมาย วันนี้ยังไม่ใช่จุดจบของเรื่องนี้ แต่เป็นจุดเริ่มต้นใหม่ของการต่อสู้ที่ศาล แน่นอนว่าต้องสู้กันถึงศาลฎีกา แต่จะถึงไหนก็แล้วแต่ มั่นใจว่าท้ายที่สุดประชาชนต้องเป็นฝ่ายชนะ
วันเดียวกัน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม เป็นประธานแถลงข่าวผลงานการแก้ไขปัญหายาเสพติด ตามแผนปฏิบัติการ 6 มาตรการ ไตรมาสที่ 1 โดยตอนหนึ่งระบุว่า การยึดทรัพย์เครือข่ายคดีนายชัยณัฐร์ หรือตู้ห่าว ผู้ต้องหาทั้งหมด 37 ราย จับกุม 17 ราย หลบหนี 20 ราย สามารถยึดอายัดทรัพย์สินแล้ว ประมาณ 5,344 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีทรัพย์สินที่เสนอออกคำสั่งยึดอายัดเพิ่มเติม เป็นรถบัสโดยสาร 262 คัน และที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง มูลค่ารวมประมาณ 216 ล้านบาท และอยู่ระหว่างกลั่นกรองเพื่อเสนอยึดอายัดเพิ่มเติม 800 รายการ มูลค่า 3,000 ล้านบาท รวมเป็น 8,560 ล้านบาท ซึ่งถ้าจำนวนนี้เป็นเงินยาเสพติดทั้งหมด คนแจ้งเบาะแสอย่างนายชูวิทย์ก็จะได้รางวัลนำจับ 5%.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แฉระบบเด็กฝาก ทำลายองค์กรตร. ดับฝัน‘ดาวฤกษ์’
เช็ก 41 รายชื่อแต่งตั้งนายพลสีกากี ระดับรอง ผบ.ตร.-ผบช.
ยธ.เมินแจงกมธ. ปมนักโทษเทวดา รพ.ตำรวจชั้น14
ชั้น 14 น่าพิศวง "โรม" กวักมือเรียก “ทักษิณ” ไปสภา เข้าแจง กมธ.มั่นคงฯ
แจกเฟส2เอื้อเลือกอบจ. เตือนร้องถอดถอนครม.
นายกฯ โชว์วิชั่น Forbes ยันไทยสงบ สันติ หวังแม้รัฐบาลเปลี่ยน
ฟ้อง9บิ๊กมท.ทุจริตที่เขากระโดง
เรื่องถึงศาล "ณฐพร" ฟ้องกราวรูด "บิ๊ก ขรก.มหาดไทย"
ลุ้นศาลรับคดีล้มล้าง ตุลาการถก6ประเด็น‘ทักษิณ-พท.’/ดันแก้ประชามติไม่รอ180วัน
"ทักษิณ-พท." ระทึก! 9 ตุลาการศาล รธน.ยืนยันนัดประชุมวาระพิเศษ 22 พ.ย.นี้
ดิ้นทุกทาง!บอกประชามติเป็น กม.การเงินไม่ต้องรอ 180 วัน
'ชูศักดิ์' งัด รธน. มาตรา 137 อ้างกฎหมายประชามติเข้าข่ายกฎหมายการเงิน ไม่ต้องรอ 180 วัน จ่อถกวิปรัฐบาล เชื่อฝ่ายค้านเอาด้วย