ต้อนรับนทท.จีน15ไฟลต์ คาดสิ้นปีทะลุ10ล้านคน

“สุวรรณภูมิ” รับนักท่องเที่ยวจีนวันแรกหลังเปิดประเทศ 15 ไฟลต์ 3,465 คน ย้ำพร้อมรับนักท่องเที่ยวทุกประเทศ ไม่ต้องโชว์วัคซีน 2 เข็ม ตรุษจีนนี้ จีนจองสลอตมาแล้ว 388 ไฟลต์ ผู้โดยสาร 1 แสนคน  คาดสิ้นปีผู้โดยสารจีนทะลุ 10 ล้านคน ขณะที่ “คมนาคม”  เร่งแก้ปัญหากระเป๋าล่าช้า-รถแท็กซี่ไม่พอ

เมื่อวันที่ 9 มกราคม ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ  (ทสภ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข เปิดเผยภายหลังมาต้อนรับนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนซึ่งเดินทางมาประเทศไทย ภายหลังจีนประกาศเปิดประเทศตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมาว่า เที่ยวบินแรกจากจีนที่เดินทางมาถึง ทสภ.เป็นผู้โดยสารจากเมืองเซี่ยเหมิน ด้วยสายการบิน Xiamen Airlines เที่ยวบิน  MF833 โดยเดินทางมาถึง ทสภ.เมื่อเวลา 12.19 น.  มีผู้โดยสาร 269 คน โดยในวันที่ 9 ม.ค.66 มีเที่ยวบินขาเข้าจากจีน 15 เที่ยวบิน รวมผู้โดยสาร 3,465 คน

สำหรับแนวทางการรับนักท่องเที่ยวเป็นไปตามมาตรการด้านสาธารณสุข ซึ่งประเทศไทยเปิดรับนักท่องเที่ยวจากทุกประเทศ โดยมีข้อกำหนดและแนวทางการปฏิบัติเดียวกัน ซึ่งจากการประชุมคณะกรรมการวิชาการภายใต้ พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 ที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขเป็นกรรมการ ร่วมกันหารือถึงข้อกำหนดในการคัดกรองนักท่องเที่ยวระหว่างประเทศ โดยได้ข้อสรุปที่เหมาะสมว่าจะไม่มีการกำหนดเงื่อนไขแสดงข้อมูลการได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม และไม่มีการสุ่มตรวจโรคโควิด-19 จากนักท่องเที่ยว รวมทั้งยกเลิกข้อกำหนดที่ให้นักท่องเที่ยวต้องมีประกันครอบคลุมวงเงิน 1 หมื่นดอลลาร์ เนื่องจากพบว่าขณะนี้ผู้โดยสารส่วนใหญ่ได้รับวัคซีนพื้นฐาน 2 เข็มอยู่แล้ว  อีกทั้งแต่ละประเทศก็มีมาตรการควบคุมโรค

นายอนุทินกล่าวอีกว่า จากข้อมูลจำนวนผู้โดยสารของ  ทอท.คาดการณ์ว่าตลอดปี 66 จะมีนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนเดินทางผ่านท่าอากาศยานของ ทอท.ประมาณ  7-10 ล้านคน จากเดิมที่ก่อนเกิดโควิด-19 มีผู้โดยสาร 20.5 ล้านคน ซึ่งกระทรวงคมนาคมมีความพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในทุกท่าอากาศยาน โดยมีขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารได้อย่างเพียงพอ

ด้านนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม กล่าวว่า ที่ผ่านมากระทรวงคมนาคมได้พยายามเร่งแก้ปัญหากระเป๋าสัมภาระล่าช้า และการให้บริการรถสาธารณะไม่เพียงพอที่พบก่อนหน้านี้ โดยปัจจุบันพบว่าค่าเฉลี่ยเวลาในการลำเลียงกระเป๋าสัมภาระจากเครื่องบินจนถึงผู้โดยสาร  First bag ใช้เวลาเฉลี่ย 27 นาที และ Last bag  ใช้เวลาเฉลี่ย 44 นาที ซึ่งมีความรวดเร็วขึ้น สำหรับการให้บริการระบบขนส่งสาธารณะ ปัจจุบันได้เพิ่มจำนวนการให้บริการเพียงพอกับความต้องการของผู้ใช้บริการ และจัดระเบียบ ขยายพื้นที่ เพื่อลดความแออัดของผู้มาใช้บริการ  ซึ่งผู้โดยสารใช้เวลารอคิวใช้บริการประมาณ 10 นาทีต่อคน

"กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงเดินหน้าเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยมีแผนระยะสั้น ระยะกลาง  และระยะยั่งยืน เพื่อให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามการเดินทางเข้าประเทศไทยของนักท่องเที่ยวจากประเทศจีน รวมไปถึงประเทศอื่นๆ ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นสัญญาณที่ดีต่อภาคการท่องเที่ยวของประเทศไทย และการสร้างรายได้สร้างอาชีพให้ประชาชน อันส่งผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้ฟื้นตัวภายหลังสถานการณ์โควิด-19" นายศักดิ์สยาม กล่าว

ขณะที่นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. กล่าวว่า ขณะนี้ปริมาณผู้โดยสารท่าอากาศยาน 6 แห่งของ ทอท.อยู่ที่ประมาณวันละ 3 แสนคน โดยก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เมื่อปี 62 อยู่ที่ประมาณวันละ 4 แสนคน ซึ่งผู้โดยสารภายในประเทศกลับมา 100%  แล้ว ขณะที่ผู้โดยสารระหว่างประเทศกลับมาแล้วประมาณ  80% ไม่รวมผู้โดยสารจีน อย่างไรก็ตามปัจจุบันงานบริการภาคพื้นของ 2 บริษัทที่ให้บริการที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีผลการปฏิบัติงานตามตัวชี้วัดที่ดีขึ้นจากก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะการบริการกระเป๋าสัมภาระ ซึ่งตัวชี้วัดกำหนดให้อยู่ที่ไม่เกิน 30 นาที แต่ก็ยังมีบางเที่ยวบินที่มาถึงล่าช้าอยู่

นายนิตินัยกล่าวต่อว่า ทอท.อยู่ระหว่างเตรียมจัดทำร่างรายละเอียดเอกสารการประกวดราคา (TOR) จัดหาผู้ให้บริการภาคพื้นรายใหม่ เพื่อเข้ามาดำเนินงานในส่วนนี้เพิ่มเติมจาก 2 บริษัท คาดว่าจะสามารถเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาได้ภายในไม่เกินกลางเดือน ก.พ.66  และคาดว่าจะได้ผู้ให้บริการรายใหม่ประมาณเดือน  เม.ย.66 อย่างไรก็ตามขณะนี้ ทอท.มีความพร้อมในการรองรับผู้โดยสารจากทั่วโลก โดยในส่วนของจีนนั้นปัจจุบันมีสายการบินจากจีนจองตารางบิน (สลอต) ช่วงเทศกาลตรุษจีน (18-21 ม.ค.) รวม 4 วัน มาแล้วประมาณ 386-388 เที่ยวบิน ผู้โดยสารจีนรวมประมาณ 1 แสนคน

ด้านนายสุทธิพงษ์ คงพูล ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) กล่าวว่า ขณะนี้มีสายการบินสัญชาติจีนที่ทำคำขอเปิดเที่ยวบิน และเพิ่มความถี่เข้ามายังประเทศไทยในช่วงเดือน ม.ค.-มี.ค.66 โดยได้รับอนุมัติจาก กพท.ให้ทำการบินแล้วรวม 1,035 เที่ยว  หรือเฉลี่ยเดือนละกว่า 300 เที่ยวบิน อีกทั้งปัจจุบันสายการบินจีนยังทำคำขอเพิ่มเที่ยวบินเข้ามาอีกประมาณวันละ  40 เที่ยว อยู่ระหว่างการพิจารณาจาก กพท. ซึ่งจะต้องประเมินความพร้อมของสายการบิน รวมไปถึงบริการภาคพื้นที่รองรับผู้โดยสารด้วย

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ต้องยอมรับว่า ทสภ.บริการภาคพื้นค่อนข้างจำกัด กพท.จึงยื่นข้อเสนอไปยังสายการบินที่ต้องการเปิดบินว่า สามารถไปลงท่าอากาศยานดอนเมืองที่มีบริการภาคพื้นพร้อมรองรับ หรือจะกระจายไปยังท่าอากาศยานเมืองรองอื่นๆ ก็มีความพร้อมเช่นกันเพื่อลดปัญหาความแออัด.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ตอกยํ้าดีลฮ่องกง ลิ่วล้อแจงแทนนาย ‘พรรคส้ม’ ยากเป็นรัฐบาล

ตอกย้ำดีลฮ่องกงเหลว! "ณัฐวุฒิ" ขยายความ "ทักษิณ" คุย "ธนาธร" แค่เล่าชะตากรรม ไม่มีการพาดพิง ม.112 กับก้าวไกล เผยตั้งแต่โหวต "พิธา"

‘อิ๊งค์’ โชว์30บ. เวทีผู้นำเอเปก

นายกฯ อิ๊งค์โชว์ผลงาน 30 บาทรักษาทุกที่ บนเวทีผู้นำภาคเอกชนเอเปก พร้อมชวนลงทุนด้านธุรกิจดูแลสุขภาพในไทย มั่นใจหลังให้นโยบาย “บีโอไอ”