‘ประยุทธ์’จ่อเปิดใจ ‘รทสช.’จัดเต็ม9มกราคม คาดให้2วันอภิปรายดีเบต

รวมไทยสร้างชาติเตรียมเปิดตัว “ประยุทธ์” ยิ่งใหญ่ 9 ม.ค. จัดโชว์ผลงาน 8 ปี พร้อมสวมเสื้อพรรคแล้วให้เปิดใจ “เสี่ยหนู” ยินดีบิ๊กตู่ลงสนามการเมืองจริงจัง แซวไม่กล้าสอนจระเข้ว่ายน้ำแม้เป็นรุ่นพี่ทางการเมือง เด็กเพื่อไทยโวยนายกฯ เมินกฎเหล็ก กกต. 180 วัน “วิปรัฐบาล” บอกให้เวลา 2 วันโม้กลางสภา ชี้เป็นเวทีสำคัญเหมือนดีเบตก่อนเลือกตั้งใหญ่

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 5 ม.ค.2566 ยังคงมีความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่น่าสนใจ    โดยเฉพาะการเดินทางไปสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

โดยมีรายงานแจ้งว่า ไฮไลต์สำคัญนอกจากการสมัครเข้าสมาชิกของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่จะมีการสวมเสื้อพรรค รทสช.ให้แล้ว ยังจะมีการฉายวิดีโอผลงานของ พล.อ.ประยุทธ์ที่ผ่านมา จากนั้นเป็นการกล่าวเปิดใจของ พล.อ.ประยุทธ์บนเวที

สำหรับผู้ที่มาร่วมงาน นอกเหนือจากแกนนำ ผู้บริหารพรรค ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค รทสช.แล้ว ยังมีทีมงานนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) หลายจังหวัด ที่คอนเฟิร์มจะมาร่วมงานแล้ว รวมถึง ส.ส.ทั้งจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) หลายคนที่จะย้ายมาพรรค รทสช.มาร่วมให้กำลังใจ แต่จะไม่มีการเปิดตัวคนอื่นๆ เพื่อให้ความสำคัญไปที่ พล.อ.ประยุทธ์ เพียงคนเดียว และหลังจากนี้ พรรคจะจัดตั้งทีมยุทธศาสตร์เพื่อกำหนดทิศทางการหาเสียงและการจัดระบบภายในพื้นที่ของพรรค โดยมอบหมายนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค, นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน และนายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกฯ ร่วมกันวางยุทธศาสตร์หาเสียง โดยมีทีมนายก อบจ.ในหลายจังหวัดร่วมคณะ    

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ขอแสดงความยินดี ต้องให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ส่งความปรารถนาดี ขอให้ประสบความสำเร็จทางการเมืองอย่างเต็มรูปแบบ และถือเป็นนิมิตหมายที่ดี เพราะในที่สุดระบอบประชาธิปไตยคือระบอบที่สวยงามที่สุด บุคคลที่เคยอยู่ในวงการทหารมา เคยมีความจำเป็นต้องทำการบริหารประเทศในรูปแบบทหารมา ท่านก็ตัดสินใจมาดำเนินงานทางการเมืองภายใต้ระบอบประชาธิปไตย ภายใต้ระบอบรัฐสภา เป็นสิ่งที่ดีและเป็นบทสรุปที่ทำให้เห็นว่าระบอบที่ดีที่สุดในการบริหารประเทศคือระบอบประชาธิปไตย จากนี้ไปไม่มีเหตุผลอะไรที่ใครจะมายึดอำนาจแอบอ้างเข้ามาบริหารประเทศอีกต่อไป เพราะระบอบประชาธิปไตยคือระบอบที่ดีที่สุดสำหรับการบริหารบ้านเมือง

เมื่อถามว่า ต้องให้การต้อนรับนักการเมืองหน้าใหม่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นนักการเมืองตั้งแต่วันแรกที่เป็นนายกฯ ไม่ใช่มาเป็นนักการเมืองวันแรก เพราะคนเป็นนายกฯ คือนักการเมือง อาชีพนายกฯ อาชีพรัฐมนตรีไม่มี เวลากรอกพาสปอร์ตต้องระบุเป็นนักการเมือง

เสี่ยหนูไม่กล้าสอนบิ๊กตู่

ถามอีกว่า ในฐานะเป็นนักการเมืองมาก่อน มีอะไรต้องแนะนำหรือไม่  นายอนุทินตอบว่า ใครจะไปกล้า ท่านมีทั้งวัยวุฒิ คุณวุฒิ และยังเป็นนายกฯ มา 8 ปี อย่าสอนจระเข้ให้ว่ายน้ำ ไม่ได้ อย่าบังอาจเป็นอันขาด

เมื่อถามถึงการจับมือกันในอนาคต นายอนุทินกล่าวว่า เป็นเรื่องผลการเลือกตั้ง ทุกอย่างอยู่ที่การตัดสินใจของประชาชน ถามต่อว่าถ้าเป็นเช่นนี้มองเป็นคู่แข่งทางการเมืองหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า มองว่าเป็นตัวเลือก เป็นข้อเสนอทางการเมือง อะไรก็ตามที่มีตัวเลือกเยอะ มีทางเลือกเยอะ ประชาชนได้ประโยชน์ อย่ามองเป็นคู่แข่ง แม้จะแข่งก็แข่งกันในกติกา เหมือนตีกอล์ฟด้วยกัน เวลาตีไม่มีใครออมให้กัน

ถามย้ำว่า หากพรรค ภท.ได้ ส.ส.มากกว่าพรรค รทสช. จะยอมหลีกทางให้พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า รอให้ถึงวันนั้นก่อน วันนี้อย่าไปคาดการณ์พรรคอื่น หน้าที่ของตนคือคิดนโยบายลงพื้นที่ ทำให้ผู้สมัคร สร้างความมั่นใจให้ประชาชน ผลการเลือกตั้งเป็นอย่างไรค่อยว่ากัน ตอนนี้ยังมีเวลา ไม่ช้าเกินไป

ขณะที่นายเสกสกล อัตถาวงศ์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกฯ กล่าวตอบโต้นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกฯ (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ที่โพสต์เฟซบุ๊กเรื่องฐานเสียง ส.ว.ฝั่ง พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตรใครมีมากกว่ากัน พร้อมประเมินการเมืองในอนาคตวิจารณ์พรรค รทสช.ยังเผชิญกับด่านหิน ส.ส 25 คน ว่ายังไม่ถึงเวลาที่นายไพศาลจะออกมาวิจารณ์พรรค รทสช.จะได้กี่ที่นั่ง เพราะมั่นใจว่าพรรคจะเข้าไปนั่งในสภาได้เกิน 25 คนแน่นอน และสามารถเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ ได้ และอาจแตะถึง 100 เสียงเหมือนเลขาธิการพรรคให้สัมภาษณ์ไว้

“นายไพศาลอย่าได้ออกมาดูหมิ่นดูแคลน หากพรรคได้ ส.ส.แบบถล่มทลายจะเสียหน้า ไม่รู้เอาไปไว้ที่ไหน สุดท้ายต้องเอาปี๊บมาคลุมหัวเดินถนน หรือเพราะนายไพศาลอาจมีเป้าหมายอะไรอยู่ในใจหรือรับงานใครมาใส่ความหรือไม่ นอกจากนี้ไม่ควรออกมาพูดว่า ส.ว.แต่ละกลุ่มอยู่ฝั่ง พล.อ.ประยุทธ์หรือ พล.อ.ประวิตร เพราะจะทำให้ประชาชนสับสนในตัวของ ส.ว. ไม่ให้เกียรติ ส.ว. เพราะ ส.ว.มีวิจารณญาณเป็นของตัวเองว่าจะเลือกใครเป็นนายกฯ นายไพศาลเองก็ผ่านการเมืองมามาก ควรจะรู้มารยาททางการเมือง การเอาแนวคิดหรืออคติการชอบหรือไม่ชอบส่วนตัว มาวิจารณ์แบบนั่งเทียนมันเหมาะสมหรือไม่” นายเสกสกลกล่าว

เด็กพท.โวยบิ๊กตู่ลงพื้นที่

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกฯ เผยว่า พล.อ. ประยุทธ์เตรียมลงพื้นที่ตรวจราชการ ณ จังหวัดสิงห์บุรี ในวันศุกร์ที่ 6 ม.ค. โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย,  นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, นายธนกร และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ร่วมลงพื้นที่ตรวจราชการ

ด้าน น.ส.ชญาภา สินธุไพร รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวในเรื่องนี้ว่า กฎเหล็กของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีรายละเอียดชัดเจนว่า ห้ามผู้สมัครรับเลือกตั้งและพรรคการเมืองมอบสิ่งของช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์ต่างๆ ได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นสร้างความสงสัยให้สังคมว่า กฎหมายเลือกตั้งที่มีขึ้นในยุค คสช. สร้างความไม่เท่าเทียมทางการเมืองหรือไม่ การที่ พล.อ.ประยุทธ์ สามารถใช้ทรัพยากรของรัฐ ทั้งรถยนต์ของรัฐ เครื่องบินของรัฐ ไปพบปะผู้ว่าราชการจังหวัด ใช้งบประมาณหรือกระทำการอื่นใด ที่อาจจะเป็นการสร้างความได้เปรียบทางการเมือง ซึ่งดูเหมือนว่า พล.อ.ประยุทธ์จะไม่สำนึก และยังคงเดินหน้าทำต่อไป ยืนยันได้จากการแต่งตั้งหัวหน้าพรรคที่ พล.อ.ประยุทธ์จะไปสังกัด เป็นเลขาธิการนายกฯ ซึ่งคนเขาเคลือบแคลงสงสัยว่าขัดมารยาททางการเมือง

“พล.อ.ประยุทธ์เป็นแคนดิเดตนายกฯ พรรคพลังประชารัฐ แต่ยังไม่ทำตามนโยบายที่ได้หาเสียงไว้หลายเรื่อง แต่เตรียมเปิดตัวจะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรครวมไทยสร้างชาติ ถือว่าเป็นเรื่องผิดมารยาททางการเมืองเป็นอย่างมาก กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนาที่จะแสดงให้เห็นว่าในจิตใจของผู้นำประเทศ มีความสำนึกหรือละอายทางการเมืองหรือไม่ ในระหว่างที่มีกฎเหล็ก กกต. 180 วันอยู่นี้ พล.อ.ประยุทธ์ควรมีมารยาททางการเมือง” น.ส.ชญาภากล่าว

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวตอบโต้เรื่องนี้ว่า เป็นการปฏิบัติราชการของนายกรัฐมนตรีที่มีความห่วงใยใกล้ชิดและรับฟังปัญหาของพี่น้องประชาชน ไม่ได้เป็นการเอาเปรียบทางการเมืองแต่อย่างใด โดย พล.อ.ประยุทธ์ระมัดระวังมารยาทและรักษาหลักเกณฑ์กติกาตามกฎหมาย เพราะแม้สถานการณ์การเมืองจะเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง แต่การแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชนยังต้องดำเนินต่อไป เป็นเรื่องของการบริหารบ้านเมือง ไม่ใช่บริหารการเมือง

รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ห่วงใยพี่น้องประชาชน ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าและรับฟังการแก้ไขปัญหา โดยการลงพื้นที่ จ.สิงห์บุรี เป็นการไปตรวจเยี่ยมความก้าวหน้าพื้นที่ก่อสร้างพนังกั้นน้ำ ต.น้ำตาล อ.อินทร์บุรี ซึ่งหากจำกันได้พื้นที่ จ.สิงห์บุรีนั้นเคยประสบภัยน้ำท่วมเมื่อปี 2564 และยังเป็นประธานเปิดกิจกรรมข้าวรักษ์โลก ซึ่งโครงการข้าวรักษ์โลก BCG Model เป็นนโยบายที่ พล.อ.ประยุทธ์ผลักดันอย่างเต็มที่

“การลงพื้นที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อประโยชน์ของประชาชนโดยตรง เป็นการทำภายใต้กรอบกติกากฎหมายและมารยาททางการเมือง ดังนั้นพรรคเพื่อไทยไม่ต้องเป็นห่วง พล.อ.ประยุทธ์ แต่ควรห่วงปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนมากกว่า” น.ส.ทิพานันระบุ

ให้พ่นน้ำลายแค่ 2 วัน

วันเดียวกัน นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงการเปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญตามมาตรา 152 ว่ารัฐบาลยังไม่ได้มีการกำหนดวันในขณะนี้ เนื่องจากหนังสือของประธานสภาฯ เพิ่งไปถึงคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่ความเห็นของวิปรัฐบาลเห็นว่า ช่วงจังหวะเวลาที่เหมาะสม คาดว่าเป็นช่วงต้นเดือน ก.พ. และควรกำหนดระยะเวลา 2 วันในการเปิดอภิปรายเพื่อเสนอข้อเสนอแนะ

“ฝ่ายรัฐบาลอยากยืนยันอีกครั้งหนึ่งกับประชาชน ฝ่ายค้าน ตลอดถึงนักวิชาการ ที่ออกมาพูดว่าการขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อให้ข้อเสนอแนะนั้นอาจนำไปสู่การยุบสภา ซึ่งผมยืนยันว่าทางฝ่ายรัฐบาลพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะรัฐบาลมีความพร้อม ท่านนายกฯ ก็พร้อมชี้แจงในข้อซักถามของเพื่อนสมาชิก เพียงแต่ผมอยากเรียกร้องว่าการอภิปรายทั่วไปครั้งนี้เป็นการอภิปรายครั้งสุดท้ายของฝ่ายค้าน ก็อยากให้เตรียมข้อมูลอย่างตรงไปตรงมาในการอภิปรายและการซักถามรัฐบาล ในขณะเดียวกัน วิปรัฐบาลได้เสนอแนะ ครม.ไปแล้วว่าขอให้รัฐมนตรีแต่ละท่านได้เตรียมผลงาน ตลอดจนถึงการเตรียมตัว ตอบข้อซักถาม เพราะครั้งนี้เหมือนเป็นการดีเบตกันในสภาครั้งสุดท้ายระหว่างฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจ และมีผลต่อการเลือกตั้งในครั้งถัดไปด้วย” นายชินวรณ์กล่าว  

เมื่อถามว่า ได้มีการพูดคุยกับพรรคฝ่ายค้านหรือยัง เพราะท่าทีฝ่ายค้านอยากจะได้มากกว่านี้ นายชินวรณ์ กล่าวว่า ได้เกริ่นไปแล้ว เพราะเราไปดูการอภิปรายเพื่อเสนอแนะต่อการบริหารของ ครม.ที่ผ่านมา ใช้เวลา 2 วันในการอภิปราย เพราะไม่ใช่เป็นการอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ที่ต้องลงมติไว้วางใจและไม่ไว้วางใจ ซึ่งจะต้องอภิปรายรายบุคคลครบหมดทุกคนที่ถูกอภิปราย แต่ในกรณีนี้เป็นข้อเสนอแนะ ซึ่งจริงๆ แล้วควรจะให้สิทธิ์ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลในการชี้แจงได้ตามข้อบังคับ คือเราจะต้องสลับการชี้แจงทั้งสองฝ่ายเท่ากัน

ขณะที่ กกต.เผยรายละเอียดพรรคการเมือง ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 ว่ามีพรรคการเมืองที่ดำเนินการปัจจุบัน 86 พรรคการเมือง ได้แก่ พรรคการเมืองที่จดทะเบียนจัดตั้งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2550 จำนวน 27 พรรค พรรคการเมืองที่จดทะเบียนจัดตั้งตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 จำนวน 59 พรรค สำหรับจำนวนสมาชิกพรรคการเมืองในปัจจุบันมี 1,417,108 ราย ส่วนการจัดตั้งสาขาพรรคการเมือง ปัจจุบันมีสาขาพรรคทั้งหมด 478 สาขา และการแต่งตั้งตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดมีตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด 2,756 แห่ง

ส่วนการยื่นคำขอจัดตั้งพรรคการเมือง  อยู่ระหว่างตรวจสอบ 9 พรรคการเมือง  คือ พรรคประชาอาสาชาติ, พรรคไทยยิ้ม, พรรครวมใจไทย, พรรคปัญญาไทย, พรรคสัมมาธิปไตย, พรรคพลังไทยใหม่, พรรคเปลี่ยน, พรรคพลังไทยชัยชนะ และพรรคทำได้ ส่วนการยื่นคำขอแจ้งเตรียมการจัดตั้งพรรคการเมือง อยู่ระหว่างตรวจสอบ 12 พรรคคือ พรรคสร้างไทย, พรรคไทยเอกภาพ, พรรครวมพลังประชาชน, พรรคเสียงประชาชน, พรรคไทยรุ่งโรจน์, พรรคพลังคนไทย, พรรคไทยเท่าเทียม, พรรคพลังคนรุ่นใหม่, พรรคพลังไทย, พรรคปกป้องสังคม, พรรคพร้อม และพรรคประชาชน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ธปท.จับตาแจกเงินเฟส2-3

“คลัง” ฟุ้งเศรษฐกิจไทยเดือน พ.ย.โตต่อเนื่อง อานิสงส์ส่งออก-ท่องเที่ยวหนุนเต็มพิกัด 

‘อันวาร์’ โชว์ภาพคู่ ’ทักษิณ’ ถกดับไฟใต้-แก้วิกฤตเมียนมา ตอกย้ำ ‘อิ๊งค์‘ นายกฯตัวปลอม!

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว Anwar Ibrahim พร้อมรูปภาพคู่กับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่ารู้สึกยินดีที่ได้พบกับอดีตนายกรัฐมนตรีของไทยและเพื่อนรักอย่าง ดร.ทักษิณ ชินวัตร เพื่อหารือกันอย่างน่าสนใจ ครอบคลุม และมีประโยชน์ รวมทั้งในฐานะที่ปรึกษาไม่เป็นทางการของมาเลเซียในการดำรงตำแหน่งประธานอาเซียน