ทส.ชี้อธิบดีรับสินบนมีมูล ตั้งกก.ฟันวินัยโทษไล่ออก

เรียกรับสินบนจริง! ปลัด ทส.ตั้ง “เถลิงศักดิ์” รองปลัดฯ สอบวินัยร้ายแรงอธิบดีกรมอุทยานฯ โทษสูงสุดไล่ออก เจ้าตัวยังปัดเตรียมยื่นคำให้การ 10 ม.ค.  ปปป.เตรียมสอบพยานอีก 10 ปาก 6 ม.ค. “วราวุธ” ลั่นพร้อมให้ตรวจสอบไม่มีปกปิด ก้าวไกลขู่จัดชุดใหญ่อภิปรายตามมาตรา 152 แน่

เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2566 นายกุศล โชติรัตน์ รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีนายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เรียกรับผลประโยชน์จากข้าราชการในสังกัด แถลงความคืบหน้าการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า กระทรวงทรัพยากรฯ ให้ความสำคัญเรื่องนี้ จึงตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง และมีการประชุมนัดแรกในวันที่ 28 ธ.ค. โดยมีข้อสรุปเบื้องต้นให้อธิบดีกรมอุทยานฯ มาช่วยราชการ แต่เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีคำสั่งให้นายรัชฎาไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงจึงไม่ได้มีการออกคำสั่งดังกล่าว

นายกุศลกล่าวอีกว่า คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้นำข้อมูลต่างๆ ที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลที่ปรากฏในสื่อมวลชน ผู้ที่ปรากฏชื่อ ทั้งนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (อุบลราชธานี) และนายรัชฎามาชี้แจงข้อมูลแล้ว ซึ่งนายรัชฎาปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด และจะนำเอกสารอธิบายข้อกล่าวหามายื่นให้คณะกรรมการฯ ภายในวันที่ 10 ม.ค.นี้ รวมทั้งยังจะพิจารณาข้อมูลการจับกุมของตำรวจในบางส่วน ก่อนสรุปรายงานและส่งให้นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรฯ รับทราบ

“จากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่ามีมูลความผิดทางวินัยในการเรียกรับเงินจริง ส่วนรายละเอียดการสอบสวนคงไม่สามารถให้ข้อมูลได้ ซึ่งนายจตุพรได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงนายรัชฎา ซึ่งถือว่าเป็นกระบวนการทำงานตามระเบียบข้าราชการพลเรือน โดยจะใช้เวลาประมาณ 30 วัน แต่เนื่องจากมีผู้เกี่ยวข้องจำนวนมาก จึงอาจขยายเวลาได้” นายกุศลกล่าว

เมื่อถามว่า จะมีผู้เกี่ยวข้องที่เหนือกว่านายรัชฎาหรือไม่นั้น นายกุศลกล่าวว่า ไม่ทราบ จะทราบก็ต่อเมื่อมีการดำเนินคดีทางอาญา แต่ไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของกระทรวง กระทรวงทรัพยากรฯ มีหน้าที่สอบสวนข้อเท็จจริงและลงโทษทางวินัยเท่านั้น ส่วนคดีอาญาเป็นเรื่องของศาล เป็นเรื่องของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่จะส่งเรื่องให้ศาลพิจารณาต่อไป ทั้งนี้ โทษวินัยก็มีตั้งแต่ภาคทัณฑ์จนถึงไล่ออก

มีรายงานว่า นายจตุพรได้ลงนามแต่งตั้งนายเถลิงศักดิ์ เพ็ชรสุวรรณ รองปลัดกระทรวงทรัพยากรฯ เป็นประธานคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงนายรัชฎา ก่อนเดินทางไปปฏิบัติภารกิจยังต่างประเทศ ในขณะที่นายเถลิงศักดิ์กล่าวว่า เพิ่งเห็นคำสั่งแต่งตั้ง จึงยังไม่สามารถบอกอะไรได้มากนัก แต่เบื้องต้นจะเรียกประชุมคณะกรรมการฯ เพื่อหากรอบแนวทางในการสอบสวนทางวินัย โดยจัดแผนว่าจะเชิญใครมาสอบสวนหรือให้ข้อมูลในวันเวลาใดบ้าง และกรอบการทำงานจะมีแนวทางอย่างไร โดยคำสั่งนี้มีกรอบเวลา 30 วัน ซึ่งจะทำงานอย่างเต็มที่

ขณะที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) กล่าวถึงความคืบหน้าคดีนายรัชฎาเรียกรับสินบนว่า เมื่อวันที่ 4 ม.ค. มีการสอบพยานปากสำคัญทางคดีไปแล้ว 2 ราย ประกอบด้วย นายชัยวัฒน์และเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ ซึ่งคำให้การของพยานทั้งสองค่อนข้างเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีเป็นอย่างมาก ส่วนบุคคลที่ปรากฏรายชื่อบนซองเงินของกลาง หรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องนั้น ในวันที่ 6 ม.ค. จะมีการมาให้การอีกกว่า 10 ราย

ด้านนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทส.กล่าวว่า นายกุศล ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ได้ข้อสรุปและเสนอเรื่องไปยังปลัดกระทรวง เพื่อตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงนายรัชฎา ซึ่งปลัดกระทรวงได้ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการแล้ว เพราะข้อมูลเบื้องต้นส่อไปในทางมีเหตุผลที่สนับสนุนการตัดสินใจให้ตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง ส่วนการสอบผู้อำนวยการสำนักต่างๆ นั้น ยังอยู่ในระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมอยู่ ซึ่งกว่าจะเสร็จสิ้นคงต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่ง

“การไต่สวนของ ป.ป.ช.และ บก.ปปป.นั้น กระทรวงยังไม่ได้รับข้อมูลเพิ่มเติม แต่หากทางหน่วยงานที่ไต่สวนขอเอกสารใดๆ กระทรวงยินดีให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ ไม่มีอะไรต้องปกปิด ส่วนขั้นตอนการไต่สวน ก็ต้องแล้วแต่หน่วยงานนั้นๆ ว่ามีขั้นตอนอย่างไร คืบหน้าอย่างไร” นายวราวุธกล่าว

นายวราวุธกล่าวอีกว่า เมื่อวันที่ 4 ม.ค. ได้มอบนโยบายให้กับข้าราชการกระทรวงทรัพยากรฯ อีกครั้ง โดยย้ำถึงความโปร่งใสและความเป็นธรรมในการทำงาน ยึดถือประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก และหากเพื่อนข้าราชการคนใดรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือไม่ยุติธรรมในการทำงาน หรือมีประเด็นใด ให้ส่งคำร้องมาได้ตามช่องทางปกติของกระทรวง หรือส่งจดหมายถึงตนเองโดยตรง จะได้รับการตรวจสอบและดำเนินการในทุกกรณีไม่มีข้อยกเว้น

นายวราวุธยังกล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 152 ในประเด็นนี้ว่า พร้อมชี้แจงทุกประเด็นที่ฝ่ายค้านจะหยิบยกขึ้นมา ขอย้ำว่านโยบายการทำงานของตนเองในฐานะ รมว.ทส. ตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับตำแหน่งจนถึงวันนี้ เน้นทำงานอย่างตรงไปตรงมา ความโปร่งใส ผลงานทุกเรื่องของกระทรวงสามารถจับต้องได้ แน่นอนว่าในการทำงานย่อมมีข้อบกพร่องบ้าง และก็ได้รับการแก้ไข หากฝ่ายค้านมีข้อเสนอแนะให้ดำเนินการอย่างไร ก็อยากรับฟังข้อเสนอแนะของฝ่ายค้านด้วยเช่นกัน เพราะบางครั้งการทำงานนั้น หากมองอยู่ในระบบราชการก็อีกอย่างหนึ่ง มองจากนอกระบบราชการก็เป็นอีกแบบหนึ่ง

นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ระบุว่า ได้ติดตามกรณีเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมนายรัชฎา ซึ่งมีข้อสังเกตว่าในวันจับกุมที่ห้องทำงานของอธิบดี ผู้ใต้บังคับบัญชาแสดงอาการปกป้องอย่างออกหน้าออกตา สะท้อนให้เห็นถึงผลการสอบสวนข้อเท็จจริงที่มีการแถลงข่าวออกมาจากกรมอุทยานฯ และนายวราวุธ จึงต้องตั้งคำถามถึง รมว.ทส. และ พล.อ.ประยุทธ์ที่รีบออกคำสั่งโยกย้ายอธิบดี ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่ามีสายสัมพันธ์กับใครบ้าง

 “ในแง่กฎหมาย การที่ตำรวจไปออกหมายค้นที่ทำงาน และได้หลักฐานสำคัญ มีคำถามว่าทำไมไม่ออกหมายค้นที่บ้านพักของอธิบดีด้วย จึงขอเรียกร้องไปยังเจ้าหน้าที่ เพราะหากเทียบเคียงกับกรณีของชาวบ้าน จะมีวิธีการที่ค่อนข้างแตกต่างกัน” นายประเสริฐพงษ์ระบุ

นายประเสริฐพงษ์กล่าวต่อว่า รัฐบาลต้องดำเนินการเรื่องนี้อย่างตรงไปมา เพื่อจะได้ไม่มีข้อกังขา วันนี้มาตามบี้เรื่องนี้ และขอฝากไปยัง รมว.ทส. ว่าท่านจะเจอชุดใหญ่แน่นอน ถ้าประธานสภาผู้แทนราษฎรบรรจุญัตติการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามมาตรา 152 เรายืนยันว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ เพราะปัญหาเกิดจากบรรดาข้าราชการระดับสูงของประเทศ จึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ปชน.ขนทัพใหญ่ หาเสียงทิ้งทวน! หวังปักธง‘สีส้ม’

“ปชน.” ปูพรมโค้งสุดท้าย ขนทัพใหญ่ดาวกระจาย 6 สายทั่วพื้นที่ “ปิยบุตร” ขอโอกาสปักธงสีส้ม “พิธา” เชื่อคะแนนยังสูสี พรรคประชาชนมีโอกาสพลิกชนะ