9ม.ค.'บิ๊กตู่'เป็นนักการเมือง

"บิ๊กตู่" ได้ฤกษ์เป็นนักการเมืองเต็มตัว 9 ม.ค. สมัครสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ เตรียมเปิดตัวยิ่งใหญ่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ขณะที่พลังประชารัฐส่อกระเพื่อม แกนนำข้างตัว “บิ๊กป้อม” กุมอำนาจ ทำสมาชิกเอือม จับตาหลังประชุมใหญ่เลือดไหลอีก

เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับความคืบหน้าในการสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม หลังประกาศตัดสินใจร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติ มีกระแสข่าวจะสมัครและเปิดตัวในเดือน ม.ค. ล่าสุด มีความชัดแล้วในวันที่ 9 ม.ค. พล.อ.ประยุทธ์จะสมัครเป็นสมาชิกพรรค และจะมีงานเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่เป็นทางการ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เวลา 17.00 น. นอกจากนี้ งานวันนั้นจะมี ส.ส.ที่จะย้ายพรรคไปพรรครวมไทยสร้างชาติ ไปร่วมเปิดตัวด้วย

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า มีแนวโน้มความเป็นไปได้ที่ พล.อ.ประยุทธ์จะไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคในวันที่ 9 ม.ค. แต่ยังรอสรุปความชัดเจน เพราะการสมัครคงไม่ใช่ว่าเดินมาเขียนใบสมัครแล้วจบ มันต้องมีอะไรที่สมกับนายกฯ ด้วย คือต้องพร้อมทั้งนายกฯ และพรรค ทั้งนี้ จะเปิดตัวพล.อ.ประยุทธ์เพียงคนเดียว ส่วนคนอื่นๆ จะทยอยเปิด

เมื่อถามว่าหลังการเปิดตัว พล.อ.ประยุทธ์แล้ว มีการวางโปรแกรมการลงพื้นที่อย่างไรบ้าง นายพีระพันธุ์ตอบว่า คงต้องคุยกันอีกที แน่นอนว่าวันธรรมดาก็ต้องหลังเวลาราชการ เพราะการทำงานการเมืองก็ต้องแยกจากราชการ ซึ่งนายกฯ ก็ไม่ได้ติดขัดอะไร

ด้านนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า ประเด็นการสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรค รทสช.ของ พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อใดนั้น ไม่ถือเป็นสาระสำคัญ เพราะท่านนายกฯ ก็ประกาศชัดเจนแล้วว่าจะมาร่วมงานกับทางพรรค และพรรคเองก็แสดงความชัดเจนเช่นกันว่า เราเป็นพรรคที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ขณะนี้ นายกฯ ก็ยังมีภารกิจในการบริหารรัฐบาลเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน ส่วนพรรคก็มีหน้าที่ในการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่การเลือกตั้ง ซึ่งก็มีความพร้อมขึ้นทุกขณะ ทั้งในส่วนของผู้เสนอตัวเป็นผู้สมัคร ส.ส. หรือการจัดทำนโยบายต่างๆ

 “ที่ผ่านมามักมีข่าวปล่อยยุแยงว่า นายกฯ เปลี่ยนใจ ก็เพียงเพื่อประโยชน์ทางการเมืองของบางพรรคเท่านั้น แต่ผมยืนยันว่านายกฯ จะมาร่วมงานกับพรรค รทสช.อย่างแน่นอน แม้จะยังไม่สมัครสมาชิกพรรค รทสช.อย่างเป็นทางการก็ตาม แต่เรื่องวันเวลาที่เหมาะสมก็เป็นเรื่องที่นายกฯ จะพิจารณาเอง” นายเอกนัฏกล่าว

เลขาธิการ รทสช.เปิดเผยด้วยว่า ในช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา ผู้เสนอตัวเป็นผู้สมัคร ส.ส., ตัวแทนพรรค และคณะทำงานของพรรคทั่วประเทศ ได้ถือโอกาสลงพื้นที่สวัสดีปีใหม่พี่น้องประชาชน เพื่อเชิญชวนให้ทุกท่านมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างปีที่ดีเพื่อประเทศของเรา รวมไปถึงรับฟังปัญหา และข้อเสนอต่างๆ เพื่อนำมาประมวล และประยุกต์เข้ากับชุดนโยบายที่ทางพรรคได้จัดเตรียมไว้เบื้องต้นแล้วในทุกมิติ

นายเอกนัฏกล่าวด้วยว่า เร็วๆ นี้คณะทำงานด้านนโยบายจะมีการประชุมเชิงปฏิบัติการ หรือเวิร์กช็อป เพื่อจัดทำชุดนโยบายของพรรค และนำเสนอต่อคณะกรรมการบริหารพรรค ก่อนประกาศต่อพี่น้องประชาชน ซึ่งหลักคิดสำคัญในการออกแบบนโยบายของพรรค ก็จะตรงตามชื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่มุ่งสลายความคิดเชิงแบ่งขั้วให้คนไทยทุกคนหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน โดยมีประเทศชาติเป็นที่ตั้ง

พลังประชารัฐจ่อเลือดไหลอีก

 “ข้อมูลที่ได้จากการรับฟังพี่น้องประชาชนถือว่าเป็นประโยชน์ และค่อนข้างตรงกับแนวนโยบายที่พรรคจัดเตรียมไว้เบื้องต้น หลังจากนี้จะมีขั้นตอนการประมวลผล และออกแบบชุดนโยบาย ก่อนจะคิกออฟนโยบายต่างๆ ออกมาเร็วๆ นี้” เลขาธิการ รทสช.กล่าว

ส่วนความเคลื่อนไหวของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่จะมีการประชุมใหญ่พรรคในเดือน ม.ค.นี้ เพื่อปรับโครงสร้างคณะกรรมการบริหารพรรค เตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้ง โดยก่อนหน้านี้มีแกนนำบางคน เสนอจะให้กรรมการบริหารพรรค ที่เป็น ส.ส.เขตลาออก เปิดทางให้บุคลากรคนอื่นเข้ามาทำหน้าที่

ในขณะที่กรรมการที่เป็น ส.ส.จะได้ลงพื้นที่ได้อย่างเต็มที่ แต่ปรากฏว่า แนวคิดดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้กับกรรมการบริหารและสมาชิกพรรคบางส่วน เนื่องจากเห็นว่าแกนนำคนดังกล่าวพูดไปโดยที่กรรมการบริหารบางคนไม่ได้คิดเช่นนั้นด้วย เป็นการคิดเองเออเอง และต้องถามว่าคนที่พูดเป็นใคร เพราะแกนนำบางคนก็ต้องการเป็นทั้งกรรมการบริหาร และ ส.ส.เขต ไปพร้อมกัน เพื่อที่จะมีปากเสียงในการขับเคลื่อนงาน และเป็นเครดิตไปบอกกับคนในพื้นที่ของตัวเองได้ ทั้งนี้ ต้องจับตามองว่าหลังการประชุมใหญ่ของพรรคแล้ว นอกจากนั้นแนวคิดนี้กลุ่มสามมิตรไม่เห็นด้วย โดยจะรอดูว่ากลุ่มสามมิตรจะได้เป็นกรรมการบริหารพรรคกี่คน ก่อนจะกำหนดท่าทีอย่างไร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ผ่านมาสมาชิกพรรคหลายคนไม่พอใจกับการตัดสินใจของแกนนำบางส่วน ทั้งนายวิรัช รัตนเศรษฐ, นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รวมถึงบุคคลใกล้ชิดกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จึงทำให้ประเมินกันว่าหลังการประชุมใหญ่พรรค และมีการปรับโครงสร้างพรรค จะมีสมาชิกพรรคลาออกอีก และอาจมีแรงกระเพื่อมภายในพรรคเกิดขึ้นได้ เนื่องจากเวลาเกิดปัญหาขึ้น และสมาชิกพรรคแจ้งให้ พล.อ.ประวิตรรับทราบถึงความไม่พอใจหรือปัญหาที่เกิดขึ้นภายในพรรค แต่ผลปรากฏว่าไม่ได้รับความชัดเจนใดๆ ทำให้สมาชิกไม่อยากมีส่วนร่วมกับกิจกรรมในพรรค

ส.ส.ลาออกอีก 2 ราย

ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ เป็นประธานการประชุม แจ้งต่อที่ประชุมทราบว่ามี 2 ส.ส.ลาออก ได้แก่ นายเชิงชาย ชาลีรินทร์ ส.ส.ชัยภูมิ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และนางพิชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พปชร.   ถือว่าพ้นความเป็น ส.ส. ตามรัฐธรรมนูญ ทำให้ขณะนี้มี ส.ส.ที่ปฏิบัติหน้าที่ได้ จำนวน 436 คน 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเชิงชายได้ลาออกจากพรรคพลังประชารัฐ เพื่อไปร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย ซึ่งได้มีการเปิดตัวและสวมเสื้อพรรคเพื่อไทย ไปเมื่อ 23 ธ.ค.2565 สำหรับนางพิชารัตน์ไปร่วมงานการเมืองกับพรรครวมไทยสร้างชาติ

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ในวันศุกร์ที่ 6 มกราคมนี้ พล.อ.ประยุทธ์มีกำหนดการเดินทางตรวจราชการจังหวัดสิงห์บุรี พร้อมคณะ อาทิ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย,  นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี

โดยจุดแรก นายกรัฐมนตรีจะตรวจเยี่ยมความก้าวหน้าพื้นที่ก่อสร้างพนังกั้นน้ำ ต.น้ำตาล อ.อินทร์บุรี จากนั้นจะเดินทางไปเป็นประธานเปิดกิจกรรม “ข้าวรักษ์โลก” ที่บริเวณพื้นที่นำร่อง หมู่ที่ 1 ต.น้ำตาล โดยเมื่อนายกรัฐมนตรีไปถึงจะลงพื้นที่แปลงนา ขับรถดำนาปลูกข้าวร่วมกับชาวนา และปล่อยปลาร่วมกับเกษตรกร ก่อนไปยังจุดพิธีเปิดกิจกรรมข้าวรักษ์โลก เพื่อทำพิธีเปิดและกล่าวเปิดกิจกรรม โดยมีนายสุพจน์ ยศสิงห์คำ ผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี กล่าวต้อนรับนายภณ ทัพพินท์กร นายกสมาคมพัฒนาเศรษฐกิจเกษตรรักษ์โลก รายงานผลการดำเนินงานโครงการข้าวรักษ์โลก BCG Model (สิงห์บุรีโมเดล) และเกษตรกรเจ้าของแปลงนากล่าวขอบคุณนายกฯ ที่ส่งเสริมโครงการฯ จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ พบปะเกษตรกร และเดินเยี่ยมชมนิทรรศการ ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ.