งัดกม.แจงยิบ ย้ายเพื่อสอบ! ฟันอธิบดีฉาว

โฆษกรัฐบาลเผย การโยกย้ายอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ นายกฯ ใช้อำนาจตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน มาตรา 11 เพื่อให้ฝ่ายการสืบสวนหาข้อเท็จจริงได้อย่างเต็มที่ ยืนยันไม่ปกป้องใคร ด้าน “ชัยวัฒน์” บุก บก.ปปป. หอบหลักฐานการทุจริตรับเงิน 53 แผ่น ตั้งแต่ระดับผู้อำนวยการ-หัวหน้าหน่วยงาน

วันที่ 4 มกราคม 2566 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จับกุมอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ว่าเป็นประเด็นที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ความสำคัญ และเพื่อให้เจ้าหน้าที่ทำการสอบสวนทำงานได้อย่างสะดวกไร้ข้อครหา นายกรัฐมนตรีได้ลงนามในคำสั่งให้นำตัวเข้ามาช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี โดยใช้อำนาจตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน มาตรา 11

ทั้งนี้ พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 แก้ไขเพิ่มเติมถึงปัจจุบัน (ฉบับที่ 8) พ.ศ.2553 มาตรา 11 ข้อ (4) นายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาล มีอำนาจ (4) สั่งให้ข้าราชการซึ่งสังกัดกระทรวง ทบวง กรมหนึ่งมาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี โดยจะให้ ขาดจากอัตราเงินเดือนทางสังกัดเดิมหรือไม่ก็ได้ ในกรณีที่ให้ขาดจากอัตราเงินเดือนทางสังกัดเดิม ให้ได้รับเงินเดือนในสำนักนายกรัฐมนตรีในระดับและขั้นที่ไม่สูงกว่าเดิม

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า กรณีดังกล่าวเป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจ นายกรัฐมนตรีต้องการให้เกิดความโปร่งใสที่สุดในการสอบสวนหาข้อเท็จจริง ซึ่งการลงนามในคำสั่งดังกล่าวนั้น เพื่อไม่ต้องการให้เกิดการแทรกแซง และให้เจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการสอบสวนได้อย่างเต็มที่            

“นายกรัฐมนตรีไม่ได้ต้องการปกป้องความผิดของผู้ใด และต้องการให้เจ้าหน้าที่สืบสวนหาข้อเท็จจริง สอบสวนด้วยความโปร่งใส ไม่มีการแทรกแซง เพื่อให้เกิดความกระจ่างในสังคม ซึ่งหนึ่งในข้อปฏิบัติในการทำงานที่นายกรัฐมนตรียึดถือมาตลอดคือ ตั้งใจจะแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชันในทุกแวดวง ต้องโปร่งใส เป็นธรรม ตรวจสอบได้” นายอนุชากล่าว

ที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก. ปปป.) วันเดียวกันนี้ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 จังหวัดอุบลราชธานี เปิดเผยภายหลังเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสว น บก.ปปป. กรณีการจับกุมอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นานกว่า 2 ชั่วโมงว่า ทุกคนไม่ต้องกังวล คลิปวิดีโอที่เผยแพร่ออกไปไม่มีมุมไหนที่มีการปกปิด การที่ปล่อยคลิปออกไปแสดงว่า ป.ป.ช.และ บก.ปปป. ตั้งใจทำหน้าที่และอยากให้สังคมรับรู้ วันนี้ที่มาพบพนักงานสอบสวนได้ให้การเพิ่มเติมไว้ทั้งหมด ได้ยื่นเอกสาร 53 แผ่น ที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงเกี่ยวกับซอง โดยวันนี้มีตนเองและเจ้าหน้าที่รวม 2 คน ที่เข้ามาให้ปากคำ และจะมีอีก 17 ปาก จะมาให้ข้อมูลวันศุกร์ที่ 6 มกราคมนี้ ซึ่งอยู่ในสังกัดสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 ส่วนเรื่องซองเงินพนักงานสอบสวนได้สอบถามรายละเอียดว่ามีใครบ้าง โดนทั้งหมดมี 13 รายชื่อ มีทั้งระดับผู้อำนวยการสำนักลงไปถึงหัวหน้าหน่วยงาน

เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี

เขาบอกว่า ในส่วนของตนมีที่จะให้ข้อมูลรวมตนทั้งหมด 19 คน แบ่งเป็น 13 คน เป็นกรณีการรวมเงินที่เรียกรับรายเดือน 98,000 บาท ส่วน 4 คนเป็นผู้ที่เดือดร้อนในชุดแรกที่ร้องเรียนกับ ป.ป.ช. อีกหนึ่งเคยมีกรณีถูกโยกย้ายตำแหน่งโดยการจ่ายเงินก็จะมาให้ข้อมูลด้วย ทั้งนี้ไม่ทราบว่ามีการเรียกรับมาแล้วกี่เดือน เพราะตนมารับตำแหน่งเมื่อต้นเดือนตุลาคม หลังจากนั้นก็มารับทราบปัญหา มีเรียกเงินตั้งแต่เดือนตุลาคม รวมเป็นเงิน 98,000 บาท ซึ่งชัดเจนว่าเป็นการนำเงินส่วนตัวที่หาได้ในครอบครัว หรืออาจเป็นเงินกู้สหกรณ์ เงินที่หาได้ นำไปจ่ายก่อน เพราะงบประมาณส่วนราชการเงินเดือนตุลาคมและเดือนพฤศจิกายนเงินยังไม่ออก เงินที่สัญญากันว่าหรือตกลงกันไว้ เป็นเงินส่วนตัวไม่ได้มาจากเงินงบประมาณ ที่ผมอยู่กับลูกน้องยืนยันได้ว่าลูกน้องไม่กล้าทำ เพราะเงินงบประมาณที่มีอยู่ไม่พอทำงาน ลูกน้องที่จะไปทุจริตต่องบประมาณที่มีเป็นไปไม่ได้

นายชัยวัฒน์กล่าวต่อว่า เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าน่าสงสาร ยอมจ่ายกันหน่วยละ 2,000 บาท รวมเป็นเงิน 12,000 บาท ซึ่งเป็นเงินของเดือนตุลาคม มีหัวหน้าหน่วยงานหลายคนที่ถูกรังแก ต้องหาเงินมาจ่ายแบบนี้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับในสำนวนและในซองที่ประสานงานมาให้ปากคำกับปปป.เพิ่มมากกว่า 7 ปาก

ด้าน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. เปิดเผยว่า นายชัยวัฒน์ได้มาให้การเพิ่มเติมกับ ปปป. ส่วนสำนวนคดีขอให้เป็นเรื่องของคดี วันนี้นายชัยวัฒน์ได้ให้การที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี พนักงานสอบสวนได้เอาคำให้การที่มีเจ้าหน้าที่ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ก็จะส่งหมายเรียกไปทุกหน่วยงาน โดยจะเร่งดำเนินการโดยเร็วที่สุด เจ้าของซองสามารถมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อมาให้การได้ก่อนจะไม่ถือว่ามีความผิด เพราะการจับกุมใครสักคนต้องแสวงหาความร่วมมือ ผมสั่งไปแล้วให้ติดต่อรอบนอกด้วย และเร่งสอบให้เสร็จและจะส่ง ป.ป.ช.โดยเร็ว ทั้งนี้หมายเรียกพยานจะทยอยส่ง วันนั้นที่เราเข้าไปยืนยันว่าดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย เมื่อให้ความร่วมมือ พยานหลักฐานครบถ้วนสมบูรณ์ ยืนยันมีพยานหลักฐานสามารถเอาผิดกับเจ้าหน้าที่รัฐได้

เมื่อถามถึงประเด็นการไม่ขยายผลไปค้นบ้านพัก พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าวว่า ปปป.จะทำงานทุกมิติให้ได้ข้อเท็จจริง โดยจะทำงานอย่างเต็มที่ ปปป.และป.ป.ท.จะทำอะไรทุกอย่างจะต้องมีหลักฐานรัดกุมให้มากกว่านี้ เล่นกับพายุใหญ่ก็ต้องระมัดระวัง ไม่ใช่ไม่ขยายผล เราขยายผล แต่เราใช้วิธีการของเราในการขยาย ทำไปตามอำนาจหน้าที่ ไม่ได้กลั่นแกล้งใคร เรื่องนี้เป็นเรื่องของบุคคลที่กระทำการไม่กระทำการ ถ้าเขาปฏิบัติตัวดีเรื่องก็ไม่เกิด ผมเชื่อว่ากรมอุทยานฯ อยู่มานานปัญหาไม่มี เมื่อบุคคลไปสร้างปัญหาก็เป็นเรื่องของบุคคลก็ต้องว่ากันไป

พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าวต่อว่า ทั้งนี้จะเรียกผู้ถูกกล่าวหามาให้ปากคำเพิ่ม ส่วนเงินจะส่งต่อให้ใครอีกบ้าง ชุดสืบสวนได้ทำงานอยู่ ฝากถึงเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับซองให้มาให้ปากคำ เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายพร้อมให้ความเป็นธรรม ยืนยันไม่มีการกลั่นแกล้ง ส่วนเรื่องคลิปขอแก้ข่าวว่าตำรวจกับ ป.ป.ช.ไม่ได้ปล่อยคลิป ผมจะทำทุกมิติให้กระจ่างให้ได้ว่าเป็นอย่างไร ยืนยันว่าจะทำอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีบิดเบี้ยวว่ากันด้วยพยานหลักฐาน อะไรที่เป็นของใครก็ต้องชี้แจงให้ได้ ชี้แจงไม่ได้ก็อาจจะตกเป็นจำเลยก็ได้ ส่วนหน้าซองสีน้ำตาลส่วนใหญ่ชื่อหน้าซองเป็นชื่อหน่วยงาน และมีชื่อบุคคลก็มีปะปนกันไป

ไทม์ไลน์จับอธิบดี

สำหรับไทม์ไลน์เรื่อง ร้องเรียนการทุจริต ของนายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา

1.วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2565 นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา ได้รับการแต่งตั้งเข้าดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

2.วันที่ 24 กรกฎาคม 2565 นายรัชฎา ได้ลงนามในหนังสือแจ้งเวียนกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ด่วนที่สุด ที่ ทส 0901.304/ว3952 ลงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2565 เรื่อง ซักซ้อมแนวทางปฏิบัติการมอบหมายให้ข้าราชการไปปฏิบัติราชการ แจ้งให้ข้าราชการในสังกัดถือปฏิบัติ ดังนี้

2.1.กรณีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มีคำสั่งมอบหมายให้ข้าราชการไปปฏิบัติราชการในสังกัดที่ดำรงตำแหน่งอยู่ ให้ปฏิบัติราชการตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมายต่อไป จนกว่าจะมีคำสั่ง เปลี่ยนแปลง

2.2. กรณีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มีคำสั่งมอบหมายให้ข้าราชการไปปฏิบัติราชการ หรือไปช่วยปฏิบัติราชการต่างสังกัด (ภายในกรม) รวมทั้งผู้ที่มาช่วยปฏิบัติราชการจากส่วนราชการอื่น ให้ปฏิบัติราชการตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมายต่อไป จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2565

2.3.กรณีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มีคำสั่งมอบหมายให้ข้าราชการไปปฏิบัติราชการ ทำหน้าที่ผู้อำนวยการส่วน หัวหน้ากลุ่ม และ/หรือ หัวหน้าหน่วยงานใดแล้ว ให้ผู้ซึ่งทำหน้าที่นั้นอยู่เดิม กลับไปปฏิบัติราชการต้นสังกัด หรือไปปฏิบัติราชการตามที่ได้รับมอบหมายต่อไป

2.4. ให้ผู้อำนวยการสำนักทุกสำนัก ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ทุกสำนัก ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษาสาขา ผู้อำนวยการกองทุกกอง และหัวหน้าหน่วยงานที่เรียกอื่นที่ขึ้นตรงต่ออธิบดี จัดทำคำสั่งมอบหมายหน้าที่ความรับผิดชอบให้ข้าราชการซึ่งกลับไปปฏิบัติราชการ ต้นสังกัดตามข้อ 3 ทุกราย

3.วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565 นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา มีคำสั่งแต่งตั้งโยกย้าย ผู้อำนวยการสำนักสาขา ผู้อำนวยการส่วน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเกรด A (ขนาดใหญ่) ทั้งทางบกทางทะเลทั่วประเทศ จำนวนหลายคำสั่ง และมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง โดยออกคำสั่งแต่งตั้งทุก 3 วัน เป็นต้นมา

4.จากนั้น นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ได้รับเรื่องร้องเรียน ว่ามีการเรียกรับเงินในการโยกย้ายตำแหน่งของอธิบดีกรม อส. จากอดีตผู้บังคับบัญชา เพื่อน รุ่นน้อง จำนวนมาก

5.วันที่ 4 สิงหาคม 2565 นายชัยวัฒน์มีหนังสือร้องเรียนขอให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง (ในทางลับ) กรณีนายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มีพฤติกรรมทุจริต และปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบด้วยกฎหมายหลายประการ ถึงนายกรัฐมนตรี (พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา) เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และพลเอกสุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ ประธานคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา

หากมีหลักฐานให้นำมาแสดง

6.วันที่ 15 สิงหาคม 2565 นายชัยวัฒน์ได้เข้าพบนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีการพูดคุยถึงการทุจริตเรียกรับเงินที่เกี่ยวกับนายรัชฎา อธิบดีกรมอุทยานฯ ในการเรียกรับ ในการวิ่งเต้น โยกย้ายข้าราชการของข้าราชการในกรม ซึ่งนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ได้แจ้งแก่ข้าฯ ว่าตนไม่รู้ไม่เห็น และไม่ทราบเรื่องนี้มาก่อน หากมีหลักฐานให้นำมาแสดงมาแจ้งตนได้เลย

7.วันที่ 3 ตุลาคม 2565 นายชัยวัฒน์ได้กลับไปทำหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (อุบลราชธานี) ได้รับแจ้งจากผู้ใต้บังคับบัญชามีอธิบดีมีการเรียกเก็บเปอร์เซ็นต์จากหัวหน้าหน่วยงาน

8.ปลายเดือนตุลาคม 2565 นายชัยวัฒน์ได้เข้าพบอธิบดีที่ห้องทำงาน จึงได้ทราบว่าอธิบดีมีการเรียกเก็บเงินจากหน่วยงานที่ตนเป็นผู้บังคับบัญชาอยู่จริง และเงินดังกล่าวให้ตนเป็นผู้นำมาส่ง

9.วันที่ 22 ธันวาคม 2565 เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.เรียกตนเพื่อสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมกรณีที่มีการร้องเรียนอธิบดีกรมอุทยานฯ ตามหนังสือร้องเรียนลงวันที่ 4 สิงหาคม 2565

10.วันที่ 26 ธันวาคม 2565 นายชัยวัฒน์ได้ร่วมกับเจ้าหน้าตำรวจ ปปป., เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. และ ป.ป.ช.ตรวจสอบข้อมูลพยานข้อเท็จจริง และมีการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ ต่อนายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ โดยกล่าวหาว่า เป็นเจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภาเทศบาล เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ และเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต

11.วันที่ 27 ธันวาคม 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) นำโดย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เชิญตัวนายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา มาที่ห้องทำงานอธิบดีกรมอุทยานฯ พร้อมแจ้งเหตุ และตรวจสอบพบเงินที่ดำเนินการล่อซื้อและขยายผลตรวจพบเงินและเอกสารรายละเอียดเกี่ยวกับเงินดังกล่าว โดยตรวจยึดไว้เป็นของกลางจำนวน 21 รายการ เป็นเงินจำนวน 4,843,300 บาท พร้อมจับกุมตัวรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ไปดำเนินคดีตามกฎหมาย ฐานเป็นเจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภาเทศบาล เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ และเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘หนู’ ลั่นฟังแค่ ‘อิ๊งค์’ ยันร่วมรัฐบาลเป็นไฟต์บังคับ ‘ทักษิณ’ พูดไม่นำพา

"อนุทิน" ลั่น! รับสัญญาณจากนายกฯ อิ๊งค์เท่านั้น ยันที่ "ทักษิณ" พูดไม่ได้หมายถึงรัฐมนตรีจากพรรคภูมิใจไทย "ท่านทักษิณพูดถึงพรรคที่ไม่เข้าร่วมประชุม ผมก็ไม่นำพาไปฟังอะไรมาก"