ไปรวมไทยสร้างชาติ บิ๊กตู่แจงเหตุพปชร.ชูป้อม ย้ำสัมพันธ์ยังเหนียวแน่น!

“บิ๊กตู่” เลิกเหนียม ประกาศนั่งแคนดิเดตนายกฯ “รวมไทยสร้างชาติ” อ้างเพื่อไม่ให้สับสน ขอบคุณ พปชร. บอก ไม่ใช่ศัตรูกัน ย้ำสัมพันธ์ “บิ๊กป้อม” ไม่มีใครลบล้างได้ แย้มขอดูจังหวะยุบสภาก่อน ด้าน ส.ส.แห่ตามเข้า รทสช.พรึ่บ “สายัณห์” โวมาอีก 40 คน “ชลน่าน” แฉ ยุทธศาสตร์แยกกันตีสืบทอดอำนาจ

เมื่อช่วงเช้า 09.30 น. วันที่ 23 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล ก่อนเป็นประธานในพิธีมอบโล่เชิดชูเกียรติ 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ เที่ยวชุมชน ยลวิถี ประจำปี 2565 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้เดินมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเอง โดยมีความยาว 24 นาทีว่า วันนี้ทราบดีว่าทุกคนให้ความสนใจกับสถานการณ์ทางการเมือง และหลายพรรคการเมืองออกมาเคลื่อนไหวกันเยอะแยะไปหมด และเห็นว่าทุกคนอยากทราบว่านายกฯ จะไปอย่างไรต่อไป วันนี้จากสถานการณ์ที่ได้ติดตามมาตลอดเวลา และเห็นถึงความเคลื่อนไหวของหลายพรรคการเมืองมีการเสนอชื่อผู้ที่จะได้รับการคัดเลือกเป็นนายกฯ ของแต่ละพรรค ที่ผ่านมานายกฯ พยายามพิจารณาในเรื่องต่างๆ ด้วยหลักการและเหตุผลต่างๆ มากมายหลายประการ

“วันนี้ทางพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ก็ได้เสนอมาแล้วว่ายินดีสนับสนุนนายกฯ คือผม ให้เป็นนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ผมจึงจำเป็นต้องทำให้เกิดความชัดเจนเกิดขึ้น ไม่เช่นนั้นจะเกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันไปให้เกิดความเสียหายหลายอย่างด้วยกัน ซึ่งผมเคยบอกแล้วว่าในช่วงที่ผ่านมาผมได้รับการสนับสนุนจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แต่วันนี้ พปชร.ได้มีการตกลงใจที่จะเสนอชื่อหัวหน้าพรรคคือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นนายกฯ ไปแล้ว เพราะฉะนั้นผมจึงได้ตัดสินใจวันนี้แล้วกัน ซึ่งความจริงได้เตรียมการมาพอสมควรแล้วว่าจะไปอยู่กับ รทสช. ก็จะได้สบายใจกันและสุดแล้วแต่ประชาชนแล้วกันว่าจะให้การสนับสนุนหรือไม่อย่างไร” พล.อ.ประยุทธ์ระบุ

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สิ่งที่ตนต้องตัดสินใจแบบนี้ เพราะว่าเพราะสิ่งหลายๆ อย่างที่ตนได้ทำไว้มาอย่างต่อเนื่องหลายปี ที่ผ่านมานั้นน่าจะได้มีการสานต่อถ้าหากว่าตนสามารถอยู่ได้ในระยะเวลาตามที่กำหนด ในระหว่างนั้นจะได้สานต่อในสิ่งที่ยังค้างคา ยังไม่สำเร็จและยังมีปัญหาอยู่ เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านั้น โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทั้ง 4 ปีแรก และ 4 ปีหลัง ได้ทำมาอย่างต่อเนื่อง

ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้มีการปรึกษาในเรื่องดังกล่าวกับ พล.อ.ประวิตรหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า เรื่องนี้ได้กราบเรียนท่านไปนานแล้ว ว่าตนอาจจะมีความจำเป็นบางอย่าง ก็กราบเรียนกับท่านไปหลายครั้งแล้ว จนครั้งสุดท้ายได้ตัดสินใจไปแล้ว และคุยกับท่านแล้ว ไม่ได้มีปัญหาอะไร ไม่มีความขัดแย้งอะไรกันทั้งสิ้น อันนี้เป็นเรื่องของการเมือง ก็ว่ากันไปตามการเมืองตามระบบประชาธิปไตย

ต่อข้อถามว่า ถือว่าเป็นการจากกันด้วยดีใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า “ผมไม่ได้จากกันไปไหนนี่ ก็ยังคงพูดคุยกันอยู่เหมือนเดิม ไม่มีปัญหาอะไร อย่าลืมว่าความสัมพันธ์ของทหารกับทหารด้วยกันมันลึกซึ้ง ลึกซึ้งยิ่งกว่า และผมจบมาก็อยู่ในการดูแลของท่าน ท่านเป็นผู้บังคับบัญชาของผมคนแรก ผมจบจากโรงเรียนนายร้อยและรับราชการตั้งแต่ร้อยตรี จนกระทั่งอยู่ด้วยกันมาตลอดชีวิตรับราชการมาจนถึงวันนี้ ความผูกพันอันนี้มันไม่มีใครลบล้างผมได้ ท่านเองก็รู้สึกเหมือนกัน และท่านไม่ได้ว่าอะไร ซึ่งผมได้บอกท่านว่าท่านจะได้สบายใจ เพราะว่าท่านมีแรงกดดันมากมายหลายประการด้วยกัน ซึ่งทุกคนทราบดีกันอยู่แล้ว”

เมื่อถามว่า จะต้องสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรค รทสช.หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ยอมรับว่า ก็น่าจะต้องคงสมัคร ส่วนจะสมัครได้เป็นทางการเมื่อไหร่นั้นอย่าเพิ่งถาม เมื่อถามย้ำว่าถึงวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังคงเป็นแคนดิเดตนายกฯ เพียงคนเดียวที่ รทสช.เสนอใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ก็ตอนนี้เห็นว่ายังมีคนเดียว แต่อย่าเพิ่งไปถามอะไรล่วงหน้าเลย  อย่าถามนี่ไปนั่นไปโน่นไปเรื่อย แล้วจะตอบได้อย่างไรเล่า

พปชร.ไม่ใช่ศัตรู‘บิ๊กตู่’

ซักว่าจะยังคงจับมือทางการเมืองกับ พล.อ.ประวิตรต่อไปใช่หรือไม่ นายกฯ ระบุว่า อันนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องของการเลือกตั้ง มันขึ้นอยู่กับผลการเลือกตั้ง ประชาชนจะเลือกใครเข้ามาวันนี้ยังไม่มีใครรู้ ถึงเวลานั้นสถานการณ์การเมืองที่เรียกว่าการจับคู่ทางการเมือง ใครจะเป็นฝ่ายค้าน เป็นฝ่ายรัฐบาล ซึ่งเหมือนครั้งที่แล้ว จะมีพรรคร่วมฝ่ายรัฐบาลและพรรคร่วมฝ่ายค้าน ถ้าคะแนนเสียงมารวมกันได้และมากกว่าจะได้เป็นฝ่ายรัฐบาล ครั้งที่แล้วตนก็มาอย่างนั้นไม่ใช่หรือ

ถามว่า วันนี้ถือว่านายกฯ ได้ประกาศสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้าอย่างเต็มตัวใช่หรือไม่ นายกฯ ได้ย้อนถามว่า ยังไม่ชัดอีกหรือ ทำไมต้องถามย้ำกันอีก เมื่อผู้สื่อข่าวถามอีกว่าการตัดสินใจคนนี้ครอบครัวสนับสนุนเต็มที่ใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวเพียงว่า “ก็เข้าใจกันละนะ เขาเข้าใจว่าผมทำเพื่ออะไรนะ”

เมื่อถามอีกว่า ถือเป็นการท้าทายหรือไม่ในการที่โดดลงมาทำพรรคเองในครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ระบุว่า รทสช.มีหัวหน้าพรรคอยู่แล้ว หัวหน้าพรรคเขาทำและดำเนินการทางการเมืองของเขาอยู่ สิ่งสำคัญที่สุดจะต้องคุยกันว่าสิ่งใดที่รัฐบาลนี้ได้ทำไว้คงจะต้องเป็นการสานต่อไปสู่อนาคตอย่างมั่นคง ยั่งยืน ไม่ใช่แค่ผิวเผินหรือเป็นนโยบายที่จับต้องไม่ได้ ถ้าประกาศว่าจะทำนั่นทำนี่ต้องดูว่าทำได้จริงหรือไม่ ถ้าบอกว่าจะให้นี่ให้โน่นต้องดูว่าจะมีเงินจากที่ไหน หาเงินได้อย่างไร ตนพยายามทำในเรื่องนี้มาโดยตลอด

นายกฯ กล่าวด้วยว่า พยายามจะทำบ้านเมืองให้เกิดความสงบเรียบร้อยให้ได้มากที่สุด และดีที่สุด แต่ทั้งหมดตนทำคนเดียวไม่ได้ ต้องขอความร่วมมือจากประชาชนทุกคนทุกภาคส่วน ซึ่งต้องมีหลักคิดว่าจะทำอย่างไร จะเลือกใคร และจะเลือกได้อย่างไร เพราะสิ่งสำคัญที่สุดในการเลือกพรรคการเมือง ในการเลือก ส.ส.คือ ท่านต้องมองดูว่าจะได้ใครเป็นนายกฯ ท้ายที่สุดอยู่ตรงนี้ อย่างที่บอกเมื่อเลือกตั้งมาแล้วท้ายที่สุดต้องมารวมคะแนนเสียงกัน เพื่อให้เป็นฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ใครได้มากก็เป็นรัฐบาล และผู้ที่ถูกเสนอชื่อจะได้เป็นนายกฯ เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องของอนาคต ซึ่งมันไม่มีอะไรแน่นอนหรอก ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประชาชน ครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งที่มีความสำคัญที่สุด ขอให้คิดไตร่ตรองให้รอบคอบ มีเหตุและผล มีหลักคิด อย่างไรก็ตาม ต้องขอขอบคุณ พปชร.ในการสนับสนุนให้ตนเป็นนายกฯ ในครั้งที่ผ่านมา เราไม่ใช่ศัตรูกัน

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า งานหลักของตนคือดูแลชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน นี่คืองานหลักของตน ไม่ว่าตนจะเป็นอะไรก็ตาม ต้องทำตรงนี้ให้ได้ นั่นคือหน้าที่ของตนในการยืนอยู่ตรงนี้ ตนเคยบอกตั้งแต่แรกแล้วว่า ที่ตนเข้ามาด้วยเหตุผลอะไร ความจำเป็นมันคืออะไร ทุกคนทราบกันอยู่แล้ว และลืมไปหมดแล้ว ขณะเดียวกัน มีคนมาพูดจาเสียหายมาตำหนิตนเรื่องโน้นเรื่องนี้ ตนลืมไปหมดแล้วว่าท่านทำความเสียหายอะไรไปแล้วบ้าง แล้วตนเข้ามาแก้ไขปัญหาทุกอย่างให้มันดีขึ้น แต่ยังมีปัญหาอยู่ ตนไม่ได้ต้องการอำนาจ ไม่ได้ต้องการอะไรเลยสักอย่าง อำนาจมันต้องมาพร้อมความรับผิดชอบ

 “ผมไม่ได้หมายความว่าผมเป็นคนเก่งที่สุด ไม่ใช่ แต่เป็นความรับผิดชอบร่วมกันทั้งหมดในการขับเคลื่อน และวันนี้อยากฝากด้วยว่า กรุณาทำความเข้าใจประชาชนทั้งหมด ขอให้ได้รัฐบาลที่ดีๆ เถอะ ผมไม่ได้อ้างถึงผมนะ ขอให้ได้รัฐบาลที่ดีๆ แบบที่ซื่อสัตย์สุจริต และทำในสิ่งที่เป็นไปได้ และทำในสิ่งที่ถูกต้อง  ในส่วนที่ว่าจะมีคดีความอะไรต่างๆ ค่อยว่ากันไป เพราะผมมีนโยบายอยู่แล้ว สั่งงานทุกครั้งเรื่องการอนุมัติต่างๆ ทุกอย่างต้องทำด้วยความสุจริต โปร่งใส เป็นธรรม เป็นไปตามระเบียบกฎหมาย” นายกฯ ระบุ

ดูจังหวะยุบสภาอยู่

ผู้สื่อข่าวถามว่า อนาคตทางการเมืองชัดเจนแล้ว รัฐบาลจะอยู่ครบเทอมหรือจะมีการยุบสภาก่อน พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า เคยบอกไปแล้วว่าวันนี้ยังมีหลายอย่างหลายปัญหาที่ต้องดำเนินการอยู่ เพราะฉะนั้นดูจังหวะเวลาแล้วกัน อย่างไรต้องเป็นไปตามกฎหมายนั่นแหละ รวมถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) การย้ายพรรคต้องดูไม่ให้มีปัญหา คงต้องหารือกับฝ่ายการเมือง กับพรรคใหม่ และพรรคร่วมรัฐบาลด้วย

นายกฯ กล่าวด้วยว่า ต้องไปสู่การเลือกตั้งที่มีประสิทธิภาพ มีคุณภาพ ได้ ส.ส.ที่ดี ตนไม่ได้ว่าใครไม่ดี และเมื่อได้ ส.ส.ดีเข้ามา ท่านจะฟอร์มทีมจัดตั้งรัฐบาลได้ และจะได้นายกฯ ที่ท่านต้องการ ตนไม่ได้ยืนยันว่าต้องเป็นตนตลอดไปเมื่อไหร่ ขึ้นอยู่กับประชาชนจะเลือกหรือไม่เลือกอย่างไร เพียงแต่วันนี้ไม่อยากให้โจมตีกันไปกันมาจนเสียหาย จะเห็นว่าตนรักษามารยาทเต็มที่กับทุกพรรค โดยเฉพาะ พปชร. ตนรักษามารยาท เพราะเขาเสนอตนมาในครั้งที่แล้ว แต่วันนี้เขาเปิดตัวกันแล้ว จึงจำเป็นต้องพูดวันนี้ เพื่อจะได้เลิกการสับสนอลหม่านสักที เพื่อเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง ช่วงนี้ขออย่างเดียวขอบ้านเมืองสงบ

เมื่อถามต่ออีกว่า การเข้าไปอยู่ รทสช. จะเป็นกรรมการบริหารพรรคด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์บอกว่า ยังไม่ได้คิดตรงนั้น เมื่อถามย้ำว่า การเข้าไปสมัครเป็นสมาชิกยังไม่ชัดเจนใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า เดี๋ยวเขากำหนดมาเอง

ต่อมาในช่วงบ่าย ที่ท่าเรือบางโพ พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์อีกครั้ง ระหว่างเป็นประธานในพิธีเปิดท่าเรือราชินีและท่าเรือบางโพ ของขวัญปีใหม่ 2566 ถึงการตัดสินใจทางการเมืองว่า วันนี้ที่พูดไปเมื่อเช้าคือการตัดสินใจ แต่เราจะไปก้าวล่วงอะไรเขาไม่ได้ มันเป็นกฎหมายเป็นเรื่องอะไรต่างๆ มันเรื่องของพรรค ที่จะต้องไปดำเนินการต่อ อย่าเพิ่งมาถาม และไปอะไรกับเขาเลย วันนี้เรายังเป็นรัฐบาลและนายกฯ ยังอยู่ตรงนี้ ต้องเข้าใจนะ

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวพยายามถามว่าจะนำหาเสียงด้วยตัวเองหรือไม่ เพราะประชาชนอยากเห็นลงพื้นที่หาเสียง พล.อ.ประยุทธ์ส่ายหน้า พร้อมกับโบกมือไม่ตอบ

เมื่อถามถึงกรณีที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แสดงความเห็นกรณีนายกฯ ประกาศเปิดหน้าทางการเมือง โดยเป็นห่วงสถานะของนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ระบุว่า จะอยู่พรรคไหน ก็ยังไปไหนไม่ได้ ตนประกาศเจตนารมณ์ของตนเท่านั้นเอง ยังทำหน้าที่ของตนตรงนี้ เป็นนายกฯ ของคนทั้งประเทศ เป็นเรื่องของพรรคและกรรมการบริหารพรรค ก็ต้องไปว่ากันอีกทีหนึ่ง

นายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า นายกฯ ตัดสินใจได้อย่างยอดเยี่ยม เพราะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมแล้ว จากนี้ไปจะได้เกิดความชัดเจน กระแสนิยมจากผู้ที่ชื่นชอบในตัวนายกฯ จะดีขึ้นเรื่อยๆ ตามมา ขณะที่พรรคการเมืองเองจะได้มีเวลาเตรียมพร้อมเข้าสู่โหมดของเลือกตั้งต่อไป

“ผมเชื่อว่าประชาชนจะให้โอกาสนายกฯ กลับมาเป็นนายกฯ อีกสมัยในการเลือกตั้งครั้งหน้าอย่างแน่นอน เพราะนายกฯ เป็นผู้นำที่ได้รับการยอมรับว่ามีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ในสายตาประชาชนคนไทยทั้งประเทศ” นายธนกรกล่าว

วันเดียวกัน ภายหลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ประกาศความชัดเจน ปรากฏว่า มีความเคลื่อนไหวของ ส.ส.และนักการเมือง ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลเป็นจำนวนมาก โดยนายสายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช พปชร. ได้ออกมาเปิดเผยว่า "ตู่อยู่ไหน สายัณห์อยู่นั่น ผมชัดเจนว่าท่านนายกฯ อยู่ไหนผมอยู่นั่น วันนี้นายกฯ ประกาศความชัดเจนอยู่กับ รทสช. ผมก็ประกาศความชัดเจนได้ สมัยหน้าอยู่ รทสช.สมัยนี้เราอยู่ พปชร.จนหมดวาระ

แห่ตามเข้า‘รทสช.’เพียบ

นายสายัณห์ยังระบุว่า จะยื่นใบสมัครเข้า รทสช. ตอนที่มีการยุบสภา แต่ถ้าถึงวันที่ 7 ก.พ.66 ยังไม่มีการยุบสภา ก็จะลาออกในช่วงนั้นเพื่อให้ครบ 90 วันก่อนการเลือกตั้ง เมื่อถามว่าจะมีใครร่วมย้ายตามไป รทสช.อีกหรือไม่ นายสายัณห์ตอบว่า "ก็ 40 คนนั่นแหละ"

ขณะที่ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัย ส.ส.กทม. พปชร. ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว เป็นภาพคู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมข้อความ ระบุว่า ไม่เคยลืมที่มาของการได้เป็น ส.ส. ไม่ละทิ้งอุดมการณ์และความตั้งใจที่มีแต่การทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชน ดังนั้นไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่เดินตามกันไปค่ะ พร้อมแฮชแท็ก  #เราไม่ทิ้งกัน #รวมไทยสร้างชาติ #รักเธอประเทศไทย

ด้านนายชัชวาลล์ คงอุดม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังท้องถิ่นไท ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ว่า เมื่อนายกฯ ประกาศความชัดเจน วันนี้จึงพูดได้ว่าจะไปร่วมงานการเมืองกับ รทสช. โดยจะเข้าไปเป็นทีมงานยุทธศาสตร์ของพรรค และหวังว่าฐานเสียงในพื้นที่ กทม.​ที่มีพรรคพวกอยู่จะทำให้ รทสช.ได้คะแนนเสียงในการเลือกตั้ง อย่างไรก็ดี ขณะนี้ยังไม่ได้ลาออกจากพรรคพลังท้องถิ่นไท ส่วนจะลาออกหลังจากที่สภา หมดสมัยประชุมหรือเมื่อใดนั้นขอพิจารณาอีกครั้ง เพราะการสังกัดพรรคนั้นมีผลผูกพันต่อตำแหน่ง ส.ส.

เช่นเดียวกับนายเสกสกล อัตถาวงศ์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกฯ ที่เพิ่งก่อตั้งพรรคเทิดไทได้ไม่นาน ได้ยื่นใบลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรคและสมาชิกพรรคเทิดไทแล้ว โดยมีเหตุผลที่จะไปร่วมงานทางการเมืองกับ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ รทสช. ซึ่งถือเป็นพรรคที่นายเสกสกลร่วมก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่แรก

เมื่อช่วงบ่ายวันศุกร์ ภายหลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ประกาศความชัดเจน รทสช.ได้มีการเรียกประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคทันที จากนั้น นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค รทสช. ได้แถลงข่าวว่า ขั้นตอนจากนี้ไปจะเป็นในส่วนของการสมัครสมาชิกพรรค โดยรายละเอียดจะต้องว่ากันต่อไป อย่างไรก็ดี พวกเราดีใจ ที่นายกฯ ได้ตัดสินใจมาร่วมงาน เพราะเป็นบุคลากรที่มีคุณค่าทางการเมืองของประเทศ และตลอดเวลาที่นายกฯ ทำงานมาจะเห็นว่ามีความตั้งใจที่จะทำงานให้ชาติบ้านเมือง ตรงกับนโยบายของ รทสช.อยู่แล้ว โดยเฉพาะเพื่อสถาบันหลักของชาติ และเรามั่นใจว่าจะทำให้ประเทศไทยของเราเดินหน้าต่อไปได้ในอนาคต

ผู้สื่อข่าวถามว่า ชื่อของ พล.อ.ประยุทธ์จะเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพียงชื่อเดียวใช่หรือไม่ นายพีระพันธุ์กล่าวว่า อันนี้เป็นไปตามข้อบังคับพรรค และกฎหมายเมื่อถึงเวลาต้องมาประชุมกันอีกครั้ง วันนี้ยังไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องนี้ หรือถ้าเรียกภาษาง่ายๆ ว่า "ตกลงลุงตู่อยู่ต่อ"

ต่อข้อถามว่า แต่การที่นายกฯ อยู่อีกเพียง 2 ปีจะเป็นอุปสรรคกับ รทสช.หรือไม่ นายพีระพันธุ์ยืนยันว่า ไม่เป็น ตนเคยพูดไปแล้วว่า การที่จะตัดสินใจมาทำงานทางการเมือง มันไม่มีกำหนดเวลาว่าห้ามทำกี่ปี แต่เงื่อนไข 2 ปีมันเป็นเพียงเงื่อนไขที่บอกว่าห้ามเป็นนายกฯ แต่ไม่ได้ห้ามทำงานการเมือง หรืออยู่กับพรรคการเมือง หรือห้ามรับตำแหน่งใดๆ ทั้งสิ้น และที่สำคัญตนคิดว่าคนดีๆ อย่างนายกฯ 1 วัน ก็อยู่ได้ ดังนั้นไม่ว่านายกฯ จะอยู่กี่ปี ตนคิดว่าสามารถจะฟูมฟัก ช่วยกันสร้างหลักการเมืองดีๆ อย่าง พล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นมาใหม่ได้ ซักว่าต้องมีการเตรียมชื่อนายกฯสำรองไว้หรือไม่ นายพีระพันธุ์ตอบว่า ยังไม่ทราบ ยังไม่ถึงเวลา ยังเหลืออีกระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งวันนี้ที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน

เมื่อถามถึงกรณีฝ่ายค้านมองว่าเป็นการแยกกันเดิน แล้วจะกลับมาช่วยกันตีทีหลังกับ พปชร. หัวหน้าพรรค รทสช.ตอบว่า เป็นเรื่องปกติ เพราะฝ่ายค้านไม่ได้มองดีอยู่แล้ว แต่ในความเป็นจริงมันไม่ใช่ เมื่อถามว่าเตรียมรับมือกับสมาชิกที่จะไหลเข้าพรรคจำนวนมากอย่างไร นายพีระพันธุ์กล่าวว่า ไม่มีอะไร เพราะที่ผ่านมา รทสช.เดินมาด้วยดี มีผู้แสดงความสนใจมาตั้งแต่อดีตจนถึงขณะนี้ ความจริงตนไม่อยากพูด เพราะตนไม่ชอบคุย แต่เอาเป็นว่าหากประกาศเมื่อไหร่ไม่น้อยกว่าคนอื่นแล้วกัน

แฉยุทธศาสตร์แยกกันตี

ขณะที่ท่าทีของพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ นายอนุทิน ในฐานะหัวหน้าพรรค ภท. ให้สัมภาษณ์ว่า ตนและ ภท.ต้องแสดงความยินดีกับท่านด้วย เพราะท่านแสดงความชัดเจนทางการเมืองให้กับประชาชนได้เห็น เพื่อเป็นตัวเลือกในการมีผู้นำของประเทศอย่างเป็นทางการ ภท. ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล เป็นกำลังใจให้ท่าน หวังว่าท่านจะเป็นกำลังใจกับเราเช่นกัน ตนไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องคู่แข่ง เพราะถ้ามีการเสนอนโยบายอะไรที่เป็นประโยชน์กับประชาชน ตนมองว่าเป็นทางเลือก ทั้งนี้ ในการลงแข่งขัน เป็นเกมที่มีกติกากำกับ เราเล่นตามกติกา ใครได้รับความเชื่อมั่นจากประชาชนมากที่สุดก็มาทำหน้าที่ในการบริหารบ้านเมือง ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี

ด้านนายจุรินทร์ ในฐานะหัวหน้าพรรค ปชป. กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ดูเหมือนว่าไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใด แต่มาในฐานะของผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อจากพรรคการเมืองหนึ่ง เพราะฉะนั้นถ้าไปเป็นสมาชิกพรรคการเมือง สถานภาพอาจจะเปลี่ยนไปบ้าง เปลี่ยนไปจากที่เป็นอยู่เดิม ส่วนผลจะเป็นอย่างไร ตนไม่สามารถคาดคะเนได้ แต่สิ่งหนึ่งที่พอเห็นภาพคือ พล.อ.ประยุทธ์ต้องปฏิบัติหน้าที่ในฐานะนายกฯ อย่างระมัดระวังขึ้น เพราะถ้าท่านสมัครเป็นสมาชิกพรรคเมื่อไหร่ เท่ากับมีพรรคการเมืองสังกัด ซึ่งมีความชัดเจนแล้วในทางการเมือง

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศร่วมงาน รทสช. จะทำให้การวางตัวลำบากมากขึ้นหรือไม่ เพราะต้องแยกระหว่างตำแหน่งนายกฯ กับว่าที่แคนดิเดตนายกฯของ รทสช.ว่า ไม่ได้เป็นปัญหาแต่อย่างใด สื่อไม่ต้องทำให้เป็นปัญหา สมัยก่อนนายกฯ สังกัดพรรคการเมืองกันตรงๆ โจ้งๆ เลย ไม่เห็นเป็นปัญหาอะไรเลย แต่ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใด จะประกาศหรือไม่ประกาศต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎเกณฑ์เท่านั้น หรือถ้าสมมุติไม่ประกาศแล้วเฉยๆ นิ่งๆ ก็ต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามที่กฎหมายและข้อประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ระบุไว้อยู่ดีคือ ต้องวางตัวเป็นกลาง

ส่วนท่าทีของฝ่ายค้านนั้น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ชัดเจนว่าแม้เหลือเวลา 2 ปี พล.อ.ประยุทธ์ก็ยังอยากจะไปเป็นนายกฯ เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ชัดเจน ประชาชนจะชัดเจนในการตัดสินใจเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ในมุมการเมืองผู้ที่อยู่ในอำนาจย่อมมีความได้เปรียบอยู่แล้ว เพราะมีหลายเรื่องที่กฎหมายเปิดโอกาสให้ใช้อำนาจและหน้าที่ได้ แต่ต้องไม่แฝงเร้น สิ่งที่ปรากฏโดยเฉพาะการลงพื้นที่ จ.สงขลาล่าสุด มีความชัดเจนว่าแฝงเร้นนัยทางการเมือง โดยเฉพาะเรื่องตัวผู้สมัครจาก รทสช.

เมื่อถามว่า มองความสัมพันธ์ของพี่น้อง 2 ป.อย่างไร นพ.ชลน่านมองว่า ยังเป็นการแยกกันเดิน เมื่อพี่ใหญ่อยู่อีกพรรคหนึ่ง น้องอีก 2 ป.อยู่อีกพรรคหนึ่ง เป็นการช่วงชิงการได้มาซึ่งอำนาจของประชาชน เพราะเป้าหมายหลักสุดท้ายคือการสืบทอดอำนาจ เนื่องจากเขาประเมินกำลังแล้วว่า แยกกันดีกว่าแล้วไปรวมกันถึงตอนสุดท้าย แต่ในขณะนี้การแยกกันจะมีโอกาสได้สืบทอดอำนาจ

นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. และรองเลขาธิการพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านไม่ต้องเตรียมตัวอะไร แค่นายกฯ แข่งกับคะแนนนิยมของตัวเอง ตนคิดว่าก็เหนื่อยและไปต่อได้ยากจนไม่ต้องมาแข่งกับพรรคร่วมฝ่ายค้านแล้ว ส่วนเมื่อไปอยู่กับพรรค รทสช. จะได้ ส.ส.ถึง 25 เสียง เพื่อเสนอแคนดิเดตนายกฯ ได้หรือไม่ ตนไม่ขอสบประมาท

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานขับเคลื่อนยุทธศาสตร์นโยบายพรรคเสรีรวมไทย โพสต์เฟซบุ๊กตอนหนึ่งว่า การประกาศว่าตัวเองพร้อมจะเป็นแคนดิเดตนายกฯ แต่เพียงคนเดียวของ รทสช. ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรค และคณะกรรมการบริหารยังไม่มีมติ และยังไม่มาเชิญอย่างเป็นทางการ ท่านคือคนนอกพรรค จะมากำหนดมติพรรคล่วงหน้าไม่ได้ เข้าข่ายคนนอกครอบงำพรรค มีโทษทางอาญา มาตรา 29 และมาตรา 108 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ส่วนกรรมการบริหารพรรคถ้ายอมให้ครอบงำก็โทษถึงยุบพรรค มาตรา 28 และมาตรา 92 (3) พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กกต.หายห่วง! ชูเลือกตั้งอบจ. รู้สึก ‘ปลอดภัย’

"แสวง" ปลุกเจ้าหน้าที่ กกต.! ยันไม่ได้รู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยหลังจากที่ได้ลงตรวจเยี่ยมการสมัครรับเลือกตั้งที่ปราจีนบุรี ไม่คิดว่าผู้สมัครนายก อบจ.คนไหนจะสร้างความรุนแรง

ประเดิม 10 วันอตร. ตาย 52

ประเดิม 10 วันอันตราย เกิดอุบัติเหตุ 322 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 318 คน ผู้เสียชีวิตแล้ว 52 ราย สาเหตุส่วนใหญ่ขับรถเร็ว

เปิดของขวัญปีใหม่ แพทองโพยแจกยับ

รัฐบาลคืนความสุขให้ประชาชน หลังเครียดกับเศรษฐกิจและการเมือง ขุดของเก่ารวมของใหม่ เหมารวมเป็นของขวัญปีใหม่แต่ละกระทรวง ลดแลกแจกแถมไม่อั้น

สวมบท'อินฟลูอาเซียน' จุดเสี่ยงใช้ประเทศเดิมพัน?

ยืนยันชัดเจนจาก นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย หลังโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว Anwar Ibrahim พร้อมรูปภาพคู่กับ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

ไม่กลัวรัฐประหาร ‘ภูมิธรรม’ ลั่น! จัดการได้รัฐบาลอยู่ครบเทอมแน่

“ภูมิธรรม” โวยเอ็มโอยู 44 ถูกปลุกปั่นไปไกล แทบจะออกนอกอวกาศอยู่แล้ว ไม่กังวลใจกับคำถามที่ว่าในปี 2568 สถานการณ์การเมืองจะวุ่นวายและโดนรัฐประหาร