รล.ล่มดับ6นาย สูญหาย23ราย สั่งสอบกราวรูด

"ในหลวง" ทรงรับกำลังพลเรือหลวงสุโขทัยล่มไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ ด้าน ผบ.ทร.เสียใจ พบผู้เสียชีวิต 6 นาย เร่งตามหาผู้สูญหาย ยันไม่ปกปิดข้อเท็จจริง สอบยันผู้การเรือ-กำลังพลทุกนาย รายงาน "นายกฯ-คลัง"  ตามระเบียบความรับผิดทางละเมิด  ขณะที่ ผบ.กองเรือยุทธการขอพึ่งบารมี “เสด็จเตี่ย” ด้าน “พล.อ.ประยุทธ์” พร้อมตั้ง กก.สอบสวน และส่ง “บิ๊กช้าง” เยี่ยมกำลังพล

เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. เวลา 17.00 น. พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) และ พล.ร.อ.ชลธิศ นาวานุเคราะห์ เสนาธิการทหารเรือ แถลงข่าวความคืบหน้าเหตุการณ์เรือหลวงสุโขทัยอับปางเมื่อคืนวันที่ 18 ธ.ค. โดย พล.ร.อ.เชิงชายกล่าวว่า ขอเรียนให้ทราบว่ากองทัพเรือสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมรับกำลังพลของเรือหลวงสุโขทัยที่บาดเจ็บในพระบรมราชานุเคราะห์ และสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ฯ พระราชทานยาและเวชภัณฑ์

"ผมขอแสดงความเสียใจกับญาติพี่น้อง กำลังพลในเรือหลวงสุโขทัย ที่วันนี้เราได้มีการพบร่างผู้เสียชีวิตจากการปฏิบัติการลาดตระเวนช่วยเหลือ พบ 6 ราย เป็นผู้ประสบภัยที่มีชีวิต 2 ราย และเสียชีวิต 4 ราย ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างค้นหาผู้ที่ยังสูญหาย"

พล.ร.อ.เชิงชายกล่าวต่อว่า กองทัพเรือจะต้องมีการรายงานเหตุการณ์ตามระเบียบ เป็นการรายงานด่วนถึงผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น จนถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมตามกฎหมาย ซึ่งต้องมีการสอบสวนข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กองทัพเรือมีระเบียบว่าด้วยการป้องกันอุบัติเหตุและความเสียหาย ที่ต้องให้หน่วยที่เป็นผู้บัญชาการของเรือ ก็คือทัพเรือภาค 1 รายงานผลการสอบสวนข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รายงานความสูญเสียทั้งในเรื่องของกำลังพล ยุทโธปกรณ์

จากนั้นจะมีการรายงานเรื่องของระเบียบความรับผิดทางละเมิด ที่จะต้องรายงานข้อเท็จจริงไปถึงกระทรวงการคลัง และนายกฯ ได้รับทราบ โดยจะสอบตั้งแต่ ผู้การเรือ ไปจนถึงกำลังพลทุกนาย ถึงเหตุการณ์เกิดขึ้น ขั้นตอนปฏิบัติ เพราะฉะนั้นในรายละเอียดที่เป็นข้อเท็จจริงที่เป็นสาเหตุของเรือจมที่มีการกล่าวว่าเสื้อชูชีพไม่พอกับกำลังพล ต้องถูกสอบสวนและรายงานข้อเท็จจริงทั้งหมดมาที่กองทัพเรือ

ขอให้ประชาชนได้รับทราบว่าเรามีกฎหมายแนวทางปฏิบัติที่จะต้องสอบสวนข้อเท็จจริงในทุกเรื่อง รายงานผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น รายงานข้อเท็จจริงของเหตุการณ์สูญเสียในบางเรื่องเราสามารถเปิดเผยได้ แต่ในบางเรื่องก็เป็นไปตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร เปิดเผยไม่ได้ กองทัพเรือไม่ปกปิดข้อมูลใดๆ ทั้งสิ้นเราจะสอบสวนทางข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมา เพื่อให้ทราบข้อเท็จจริง โดยเฉพาะญาติพี่น้องของกำลังพลเรือหลวงสุโขทัยที่ได้รับความสูญเสีย และเข้าใจถึงญาติพี่น้องของกำลังพลที่ยังหาไม่พบ

"ผมจะนำกำลังพลทุกนายกลับบ้านยืนยันว่ากองทัพเรือจากทำทุกอย่างอย่างเต็มความสามารถในการช่วยเหลือกำลังพล ทั้งในส่วนที่ปรับตัวมาแล้ว และที่ยังค้นหาไม่พบ" ผบ.ทร.กล่าว

ด้าน พล.ร.อ.ชลธิศ นาวานุเคราะห์ เสนาธิการทหารเรือ กล่าวด้วยว่า ขณะที่เรือหลวงสุโขทัยอับปางได้มีการส่งเรือไปช่วยเหลือ และเร่งดำเนินการค้นหากำลังพลทั้ง 30 นายแล้ว แต่ต้องยอมรับว่าในคืนวันที่ 18 ธ.ค.ที่ผ่านมา และเช้าวันที่ 19 ธ.ค.ที่ผ่านมา คลื่นลมแรง การช่วยเหลือต่างๆ ที่ส่งไปเข้าไปถึงยากต่อการช่วยเหลือ

ทั้งนี้ เวลา 15.00 น. ตรวจพบผู้รอดชีวิตลอยห่างจากจุดที่เรือจมประมาณ 60 กิโลเมตร ย้ำว่ากองทัพเรือยังคงดำเนินการค้นหาลูกเรือที่เหลืออยู่ ทั้งนี้ สรุปแล้วตอนนี้เราค้นหาพบแล้ว 81 นาย ยังเหลือที่ยังไม่พบอยู่ในน้ำ อีก 24 นาย และผู้ที่พบแล้วมีผู้เสียชีวิต 5 นาย อยู่ระหว่างการนำส่งและพิสูจน์ทราบ ทั้งนี้ หลังจากนี้กองทัพเรือร่วมกับกองทัพอากาศจะดำเนินการค้นหากำลังพล ตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน จนกว่าจะพบกำลังพลที่เหลืออีก 24 นาย

ส่วนกรณีเสื้อชูชีพไม่เพียงพอ เนื่องจากมีกำลังพล นย.และ สอ.รฝ. 30 นาย ซึ่งไม่ใช่กำลังพลประจำเรือ เดินทางไปกับเรือ เพื่อร่วมภารกิจถวายพระเกียรติ 100 ปีกรมหลวงชุมพร ที่หาดทรายรี จังหวัดชุมพร จึงไม่มีเสื้อชูชีพให้กำลังพลส่วนนี้ และช่วยเหลือได้ 18 นาย โดยอยู่ใน 75 คนแรก และยังหาไม่พบ 12 นาย และยืนยันว่าการช่วยเหลือเป็นไปตามมาตรการที่ทางเรือกำหนด มีการเกาะเป็นหมู่ และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ซึ่งต้องยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นสภาพฉุกเฉินและไม่คาดคิด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงค่ำ สรุปยอดกำลังพลที่ได้รับการช่วยเหลือวันนี้ทั้งหมด 7 นาย ปรากฏว่าเสียชีวิต 6 นาย ปลอดภัย 1 นาย และสูญหาย 23 นาย

ก่อนหน้านี้ พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ กล่าวถึงความคืบหน้าการค้นหากำลังพลที่สูญหายจากเหตุเรือหลวงสุโขทัยอับปางจมใต้ทะเลว่า  ตั้งแต่ช่วงเช้าวันนี้ กองทัพเรือระดมสรรพกำลังทั้งคน ยุทโปกรณ์ เรือ เฮลิคอปเตอร์ และในส่วนที่กองทัพอากาศสนับสนุนมีทั้งเรือหลวงอ่างทอง เรือหลวงนเรศวร เรือกลวงกระบุรี เรือภูมิพล ถือเป็นเรือใหญ่ที่มีศักยภาพมหาศาล รวมถึงเฮลิคอปเตอร์ค้นหา 2 ลำ และเครื่องบินค้นหาอีก 2 ลำ ส่วนกองทัพอากาศส่ง เฮลิคอปเตอร์และเครื่องบินมาช่วยอย่างละ 1 ลำ บินลาดตระเวน และใช้กำลังพล ปูพรหมเดินเท้าค้นหาตามหายหาด ตั้งแต่เวลา 06.00 น.ถึง 18.00 น. ก่อนพระอาทิตย์ตก

พล.ร.อ.อะดุงกล่าวต่อว่า สำหรับกำลังพลบนเรือหลวงสุโขทัย มีทั้งหมด 106 นาย ประมาณกว่า 70 นายเป็นกำลังพลประจำเรือ เช่น ผู้การเรือ รองผู้การเรือ ต้นเรือ ช่างเครื่อง กำลังพลประจำหมวดปืน กำลังพลกาบซ้าย กำลังพลกาบขวา อีกกว่า 30 นาย ไม่ใช่กำลังพลประจำเรือ แต่มาจาก หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (สอ.รฝ.) หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ส่วนที่สูญหาย มีทั้ง กำลังพลประจำเรือ สอ.รฝ. นาวิกโยธิน และพลทหาร

"ผู้การเรืออยู่บนเรือและรอดชีวิตจากการจมน้ำมาเหมือนกัน และได้ทำหน้าที่ครบถ้วนอย่างสมบูรณ์ ส่วนผู้สูญหาย ตราบใดที่ยังไม่เจอ เรายังมีความหวังว่า ทุกท่านยังมีชีวิต เราจะค้นหาวันต่อวันจนกว่าจะเจอ ควบคู่ประเมินสถานการณ์เป็นระยะ ขอบารมีเสด็จเตี่ยคือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ได้เจอกำลังพลทุกนายด้วยความปลอดภัย ซึ่งพ่อแม่ของกำลังพลผู้สูญหายรอด้วยความหวัง” พล.ร.อ.อะดุงกล่าว และว่า ตั้งแต่เหตุได้พูดคุยกับ พล.ร.อ.พลวัฒน์ สิโรดม อดีตรองปลัดกลาโหม และผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ หลังลูกชาย นาวาตรีพลรัตน์ สิโรดม ตำแหน่งต้นเรือสูญหายเช่นเดียวกันว่า ท่านเป็นห่วงลูกชายมาก และท่านไม่แทรกแซงการปฏิบัติงาน เพราะท่านรู้เรามีงานมาก ท่านยังบอกให้ทำงานอย่างเต็มที่ ซึ่งยืนยันเราทำเต็มที่เพื่อค้นหากำลังพลทั้ง 30 นาย ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งใดก็ตาม เพราะทุกคนคือลูกเสด็จเตี่ยเหมือนกัน

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการติดตามช่วยเหลือกำลังพลจากเหตุเรือหลวงสุโขทัยอับปางว่ากำลังดำเนินการอยู่ เมื่อถามว่าทางญาติของกำลังพลเรียกร้องอยากให้มีการสอบสวนสาเหตุ นายกฯ กล่าวว่า เขาก็ทำอยู่แล้วไม่ใช่หรือ ใครจะไม่ทำเล่า เขาก็ต้องสอบสวน มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน โดยบ่ายนี้ได้มอบหมายให้ พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ไปเยี่ยมในพื้นที่ในนามของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ด้วยความห่วงใย ชีวิตคน ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นอยู่แล้ว ก็ต้องไปสอบหาสาเหตุ และป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก สิ่งสำคัญที่สุดคาดหวังว่าทุกคนยังมีชีวิตอยู่ปลอดภัยทุกอย่าง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง