DSIรับคดี‘ตู้ห่าว’คดีพิเศษ ไล่บี้นอมินีก่อนแจ้งข้อหา

“ดีเอสไอ” รับคดีตู้ห่าวเป็นคดีพิเศษ เข้าเงื่อนไขฟอกเงิน เผย “อัยการสูงสุด” มีอำนาจตั้งพนักงานสอบสวนคดีนอกราชอาณาจักร เตรียมสืบเพิ่มนอมินี 4-5 ราย คาดไม่เกิน 30 วันแจ้งข้อหาได้ เผยยึดอายัดทรัพย์แล้ว 4,401 ล้าน จ่ออายัดเพิ่ม 1,123 ล้าน ขณะที่ “บิ๊กโจ๊ก" พร้อม ป.ป.ส. อายัด รร.ดีวาลักซ์ มูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท

เมื่อวันพฤหัสบดี ที่ cook & coff เรือนจำกลางบางขวาง จ.นนทบุรี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการ รมว.ยุติธรรม, พ.ต.ท.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ, นายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร รองเลขาธิการ ป.ป.ส. และนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ แถลงความคืบหน้าคดีกลุ่มจีนสีเทา

โดยนายสมศักดิ์กล่าวว่า วันนี้เราได้แถลงการทำงานและความคืบหน้าชุดพาลีปราบยาและการทำงานของ ป.ป.ส. ในคดีกลุ่มจีนสีเทา เครือข่ายของตู้ห่าว ขณะนี้ดีเอสไอได้รับเป็นคดีพิเศษแล้ว เลขคดีพิเศษ 314/2565 ฐานความผิดฟอกเงิน ตามบัญชีแนบท้าย พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ เนื่องจากเป็นคดีการฟอกเงินยาเสพติดมูลค่าสูง กระทบวงกว้าง โดยคณะกรรมการกลั่นกรองได้เสนออธิบดีอนุมัติเป็นคดีพิเศษเมื่อวันที่ 14 ธ.ค. ส่วนผลความคืบหน้าคดียึดอายัดทรัพย์ ก่อนหน้านี้ ดีเอสไอยึดอายัดได้ 3,020 ล้านบาท และวันนี้ยึดเพิ่มได้อีก 189 ล้านบาท ป.ป.ส.ยึดอายัดได้ 2,192 ล้าน ซึ่งมีทรัพย์สินบางส่วนที่ซ้ำกับดีเอสไอ ทำให้ขณะนี้ยอดรวมอยู่ที่ 4,401 ล้านบาท และทาง ป.ป.ส.กำลังออกหมายยึดอายัดเพิ่มอีก 1,123 ล้านบาท

นายสมศักดิ์กล่าวว่า จากการสืบสวนเพิ่มเติมทราบว่า นายตู้ห่าวมีนอมินีเป็นนายทุนอยู่เบื้องหลัง ดีเอสไอได้สืบว่ามีกลุ่มคนอีก 4-5 คนถือพาสปอร์ตต่างชาติ คาดว่าเป็นนายทุน ซึ่งกำลังสอบสวนเชิงลึกว่าเป็นใครบ้าง โดยตอนนี้ได้เลขพาสปอร์ตแล้ว คาดว่าจะเรียกมาให้ปากคำภายใน 2 สัปดาห์นี้ และจะดำเนินคดีได้ภายในไม่เกิน 30 วัน

พ.ต.ท.ยุทธนากล่าวว่า ความผิดคดีอาญาฐานฟอกเงิน เป็นความผิดที่เข้าเงื่อนไขบัญชีท้าย พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ เพราะมีมูลค่าสูง กระทบวงกว้าง ซึ่งบอร์ดกลั่นกรองเห็นชอบแล้วเสนอให้อธิบดีออกเลขคดีได้ ในส่วนของคดีอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องนั้น ไม่ว่าจะเป็นความผิดอาชญากรข้ามชาติ ต้องอยู่ที่คณะกรรมการคดีพิเศษ ที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ เป็นประธาน มี รมว.ยุติธรรม ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้แทน สตช. อธิบดีดีเอสไอ และอีกหลายหน่วยงานเป็นกรรมการ พิจารณาว่าจะเป็นคดีพิเศษหรือไม่ ในส่วนของการดำเนินคดีอาญา ก็ยังเป็นเรื่องของตำรวจ ส่วนการยึดทรัพย์คดียาเสพติด ก็เป็นหน้าที่ของ ป.ป.ส. ดีเอสไอก็ดูเรื่องการฟอกเงิน ต่างหน่วยต่างทำงานในของตนเอง แต่มีการบูรณาการการทำงานร่วมกัน โดยในการสอบสวนสามารถดึงหน่วยงานต่างๆ มาร่วมสอบสวนได้

ด้านนายชูวิทย์กล่าวว่า ขอบคุณนายสมศักดิ์และทีมงาน ขอมอบกระเช้าดอกไม้ขอบคุณ ที่ดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง ตนยืนยันว่าต่อสู้เพื่อผดุงความยุติธรรม ไม่มีใครอยู่เบื้องหลัง ไม่ได้เกลียดใครทั้งนั้น อยากทำเป็นตัวอย่างให้คนได้เห็น วันนี้ประชาชนมั่นใจ ในกระบวนการของกระทรวงยุติธรรมถือเป็นที่พึ่งของสังคม การที่ดีเอสไอเข้ามาทำคดี จะช่วยสืบได้ทั้งหมู่บ้าน ส่วนตำรวจจะสืบบ้านไหนก็ทำไป ซึ่งการที่ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ ไม่ใช่เพราะตนมากดดัน แต่เป็นไปตามกฎหมาย

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วยนายธนากร คัยนันท์ รองเลขาธิการ ป.ป.ส., นายมานะ ศิริพิทยาวัฒน์ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. เข้าตรวจสอบโรงแรมดีวาลักซ์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัท ดีวาลักซ์ รีสอร์ทแอนด์สปา จำกัด เลขที่ 88 หมู่ 3 ต.ศีรษะจรเข้น้อย อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับนายตู้ห่าว โดยเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบเอกสารเพิ่มเติม และได้มีการแจ้งเข้าควบคุมกิจการ โดย เลขาธิการ ป.ป.ส. อาศัยอำนาจตามมาตรา 73 วรรคสอง ประกอบมาตรา 68 วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ.ยาเสพติดฯ มีคำสั่งให้ตรวจสอบทรัพย์สินของนายตู้ห่าว และแจ้งคำสั่งอายัดทรัพย์สินของบริษัท ดีวาลักซ์ฯ รวมทั้งโฉนดที่ดินที่ตั้งของโรงแรมดังกล่าวจำนวน 5 แปลง รวมเนื้อที่ 37 ไร่ มูลค่ากว่า 2,970 ล้านบาท รวมทั้งรายได้อื่นใดที่อาจเกิดขึ้นหลังจากรับทราบคำสั่งนี้ จะต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ทราบทั้งหมด และดำเนินการอายัดบัญชีธนาคารและบัญชีกองทุนในชื่อของนางพัชรินทร์ อิทธิวัฒนา ในฐานะกรรมการบริษัทดังกล่าว อีกจำนวน 7 บัญชี โดยมีนางพัชรินทร์รับทราบคำสั่งของ เลขาธิการ ป.ป.ส.

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวว่า ขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยจะตรวจสอบข้อมูลที่ได้รับมาอย่างละเอียดรอบคอบ และขยายผลยึดทรัพย์ของนายตู้ห่าวเพิ่มขึ้นให้ได้มากที่สุด รวมทั้งหากพบผู้ใดมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดดังกล่าว จะนำตัวมาดำเนินคดีทั้งหมดแน่นอน

นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงความคืบหน้ากรณี น.ส.นารี ตัณฑเสถียร อัยการสูงสุด ได้แต่งตั้งคณะทำงานกำกับการสอบสวนและการดำเนินคดีสำคัญในคดีนายตู้ห่าว หรือนายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ กับพวก ฐานร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษฯ รวมถึงมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ว่าคณะทำงานได้พูดคุยกันชั้นต้นแล้ว ซึ่งตามหนังสือคำสั่งของทางอัยการสูงสุด ให้คณะทำงานไปกำกับดูแลการสืบสวน  เท่ากับว่ายังต้องมีอีกคำสั่งหนึ่ง คือการตั้งพนักงานสอบสวน ซึ่งก็อาจจะเป็นการร่วมมือกันระหว่างพนักงานสอบสวนกับอัยการ

โดยการตั้งคณะทำงานและพนักงานสอบสวนเป็นการตั้งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 20 ว่าอัยการสูงสุดคือพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ ซึ่งมาจากหนังสือที่ทางผู้บัญชาการตำรวจนครบาลได้รายงานมาว่ามีการกระทำความผิดส่วนหนึ่งเป็นความผิดนอกราชอาณาจักรไทย จึงเข้าเงื่อนไขตามกฎหมายตามมาตรา 20 ที่ต้องให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด  ส่วนกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษรับเป็นคดีพิเศษนั้น คงจะดำเนินการสอบสวนในชั้นต้นก่อน แต่ถ้าพบว่าเป็นคดีนอกราชอาณาจักร จะต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 20 ที่บัญญัติไว้ว่าอำนาจสอบสวนเป็นของอัยการสูงสุด ซึ่งอัยการสูงสุดก็จะมอบหมายให้ใครดำเนินการสอบสวนอะไรต่อไป แต่เท่าที่ทราบมา ทางดีเอสไอจะรับเป็นคดีพิเศษในส่วนของข้อหาฟอกเงินคดียาเสพติด

ถามต่อว่า หากเมื่อเป็นความผิดนอกราชอาณาจักรเข้ามาเกี่ยวกับข้อหาฟอกเงิน ใครจะมีอำนาจสอบสวน รองโฆษกอัยการสูงสุดระบุว่า จะต้องเป็นไปตามกฎหมาย กฎหมายเขียนอย่างไรต้องทำอย่างนั้น คณะทำงานที่อัยการสูงสุดตั้งขึ้นมาจะต้องเป็นผู้กระทำการสอบสวนหรือทำในนามของอัยการสูงสุด อัยการสูงสุดจึงได้มอบหมายให้ทำ โดยพนักงานสอบสวนอาจจะเป็นชุดเดิม หรือมีการเพิ่มเติมก็ได้ คิดว่าในเมื่อหากเป็นคดีนอกราชอาณาจักรแล้วต้องเป็นความร่วมมือที่ทั้งตำรวจและอัยการจะเข้ามาช่วยกันดู เพื่อทำสำนวนให้ครบถ้วนสมบูรณ์ ดูข้อกล่าวหาและข้อเท็จจริง พยานหลักฐานต่างๆ ไปดำเนินการให้ครบถ้วนตามกฎหมาย และเร่งรัดดำเนินการให้แล้วเสร็จเร็วตามที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งไว้ โดยในคำสั่งของอัยการสูงสุดบอกไว้ชัดเจนว่าจะต้องทำสำนวนให้แล้วเสร็จก่อนครบกรอบระยะเวลาการฝากขังตามกฎหมาย  โดยให้มีระยะเวลาเหลือพอสมควรให้อัยการสูงสุดได้พิจารณาสั่งคดี ในคำสั่งเขียนไว้ชัด

"ถ้าดีเอสไอสอบสวนแล้วพบว่าเป็นความผิดนอกราชอาณาจักร ก็คงจะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย และคงจะดำเนินการทำหนังสือเรียนอัยการสูงสุดเพื่อสอบสวนตามกฎหมายต่อไป ตอนนี้ยังไม่ได้มีการประสานมา ถ้าหากว่าเริ่มมีการสอบสวนก็จะต้องมีหนังสือประสานมา อย่างที่ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลได้ประสานมาและทางอัยการสูงสุดก็จะพิจารณาว่ามีหน้าที่ตามกฎหมายอย่างไรบ้าง และก็จะทำตามกฎหมาย หากดีเอสไอทำหนังสือประสานมาอัยการสูงสุด ก็สามารถตั้งดีเอสไอเป็นพนักงานสอบสวนได้ ตรงนี้อัยการสูงสุดมีอำนาจตั้งเพิ่มเติมได้ แต่โดยส่วนตัวแล้วมองว่าคดีนี้ถือเป็นคดีนอกราชอาณาจักรแล้ว เนื่องจากมีหนังสือจากผู้บัญชาการตำรวจนครบาลแจ้งมาพร้อมเอกสารจำนวนมาก ซึ่งอัยการสูงสุดก็ได้พิจารณาจนตั้งคณะทำงานกำกับการสอบสวนขึ้นมาเเล้ว" นายโกศลวัฒน์ระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง